สเปน เคยผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์โลกรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี 3 ครั้งก่อนหน้านี้ในปี 1991, 2003 กับ 2007 ผลลงเอยด้วยความชอกช้ำทั้งสามหน
ที่ประเทศอิตาลีเมื่อปี 1991 สเปน ทะยานเข้าชิงชนะกับ กานา แต่เด็กกระทิงพ่ายทีมดาวดำหวุดหวิดจากการทำประตูชัยในช่วงกลางครึ่งหลังของ เอ็มมานูเอล ดูอาห์
12 ปีต่อมาที่ประเทศฟินแลนด์ ทีมกระทิงยุคนั้นเต็มไปด้วยแข้งดาวรุ่งอย่าง เชส ฟาเบรกาส, ดาบิด ซิลบา, โฆเซ่ มานูเอล ฆูราโด้ กับ ซิซีนีโอ กอนซาเลซ มาร์ตีเนซ หรือ ซีซี่ ทว่าพวกเขายังพลาดแชมป์หลังพ่ายทีมแซมบ้า 0-1
ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้ที่เกาหลีใต้ ทัพกระทิงน้อยที่มีแข้งดาวเด่นอย่าง โบยาน เกร์กิช, ฟราน เมรีด้า, ยาโก้ ฟัลเก้, อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้ กับ อิ๊กนาซิโอ กามาโช่ ผิดหวังกับนัดชิงดำยู-17 อีกครั้งหลังดวลเป้าพ่าย ไนจีเรีย 0-3
นั่นคือ 3 ครั้งสำหรับการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์โลกรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปีของ สเปน ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งในแมตช์ชิงดำกับ อังกฤษ วันเสาร์นี้
สเปน ประเดิมทัวร์นาเมนต์ที่อินเดียด้วยการปราชัยทีมเต็งอย่าง บราซิล 1-2 ก่อนที่ทัพกระทิงน้อยจะเดินหน้าซิวชัยชนะ 5 นัดติดต่อกันจนทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสำเร็จ
หลังเกมพ่ายทีมแซมบ้า เด็กกระทิงกด ไนเจอร์ กับ เกาหลีเหนือ ด้วยสกอร์ 4-0 กับ 2-0 ตามลำดับ ก่อนเชือด ฝรั่งเศส 2-1 ในรอบ 16 ทีม ตามด้วยการทุบ อิหร่าน 3-1 ในรอบควอเตอร์ไฟนัล
ทีมกระทิงยังร้อนแรงต่อเนื่องด้วยการกระทุ้ง มาลี 3-1 ในรอบตัดเชือกจนผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์โลกรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปีเป็นครั้งที่ 4 สำเร็จ
แต่คู่ปรับของพวกเขาคือ อังกฤษ อีกหนึ่งทีมฟอร์มแรงของทัวร์นาเมนต์ซึ่งหวังคว้าแชมป์โลกตามรอยรุ่นพี่ชุดยู-20 ที่เกาหลีใต้ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทีมสิงโตน้อยของ สตีฟ คูเปอร์ โชว์ฟอร์มร้อนมาตั้งแต่การลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มด้วยการกำชัย 3 นัดรวดเหนือ ชิลี 4-0, เม็กซิโก 3-2 กับ อิรัก 4-0 ก่อนดวลเป้าชนะ ญี่ปุ่น 5-3 หลังเสมอกันในเวลาปกติ 0-0 รอบ 16 ทีม
อังกฤษ กด สหรัฐอเมริกา 4-1 ในรอบควอเตอร์ไฟนัล ก่อนพลิกล็อกล้ม บราซิล 3-1 ในรอบตัดเชือกจากการทำแฮตทริกของ ไรอัน บริวสเตอร์ เด็กปั้นจากค่ายหงส์แดงนำทัพสิงโตน้อยผ่านเข้าชิงเป็นครั้งแรกสำเร็จ
เด็กอังกฤษชุดนี้ไม่ได้มีของดีแต่เฉพาะเจ้าหนูบริวสเตอร์ที่กดไปแล้ว 7 ประตูจากการทำ 2 แฮตทริกในทัวร์นาเมนต์นี้เท่านั้น แต่ยังมีทั้ง ฟิล โฟเด้น ดาวเด่นจากแมนฯซิตี้ กับ แองเจล โกเมส จากแมนฯยูไนเต็ดเป็นตัวชูโรงด้วย แม้จะต้องปล่อย เจดอน ซานโช่ กลับดอร์ทมุนด์ไปก่อนหน้านี้ก็ตาม
ส่วนเด็กกระทิงชุดนี้มี ซานติอาโก้ เดเนีย อดีตกองหลัง แอตเลติโก มาดริด ชุดแชมป์ลีกาปี 1995 เป็นแม่ทัพโดยมี อัลเบิร์ต เซลาเดส เทรนเนอร์ทีมชาติสเปนชุดยู-21 รับบทที่ปรึกษา
ผู้เล่นดาวเด่นของสเปนคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อาเบล รูอีซ เด็กปั้นจาก'ลา มาเซีย'ศูนย์ฝึกนักเตะเยาวชนของบาร์เซโลน่าที่กดไปแล้ว 6 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้จนตกเป็นเป้าสนใจของหลายสโมสร
ทีมกระทิงน้อยยังมีอีก 2 ตัวทีเด็ดอย่าง เซร์จี้ โกเมซ เพื่อนร่วมค่ายของเจ้าหนูอาเบล, เฟร์ราน ตอร์เรส แข้งเนื้อหอมจากบาเลนเซีย กับ เซซ่าร์ เคลาเบิร์ต เด็กระเบิดวัย 16 กะรัตจาก เรอัล มาดริด ซึ่งซัดไปคนละ 2 ประตู
สเปนยู-17 ของ ซานติ เดเนีย มีสไตล์การเล่นถอดแบบมาจากรุ่นพี่ไม่ผิดเพี๊ยน นักเตะกระทิงน้อยจะเน้นการครองบอลค่อยๆสร้างโอกาสทำประตู หากไม่นับเกมพ่ายทีมแซมบ้าตั้งแต่นัดประเดิมทัวร์นาเมนต์ ทีมกระทิงน้อยมักจะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าคู่แข่งเสมอ
จากการลงเล่น 2 นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม สเปนเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า ไนเจอร์ กับ เกาหลีเหนือ 63% กับ 78% ตามลำดับ รวมถึงรอบควอเตอร์ไฟนัลกับอิหร่านที่พวกเขาครองบอลมากถึง 76%
ซานติ เดเนีย ปรับโหมดการเล่นของลูกทีมเล็กน้อยในการดวลกับ มาลี ในรอบตัดเชือกเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเนื่องจากคู่ปรับจากทวีปแอฟริกาเป็นทีมที่เล่นด้วยสปีดความเร็วนั่นเอง
'เราพยายามหลีกเลี่ยงการเล่นเกมเร็ว นั่นจะเข้าทางมาลี'ซานติ เดเนีย เผย
มาลี ลงเล่นระบบ 4-1-4-1 แต่แนวรุกของทีมจากกาฬทวีปมีความเร็วจัดจ้านทุกตัว ทั้งสองทีมต่างครองบอล 50% เท่ากัน มาลียังสร้างโอกาสทำประตูมากถึง 29 ครั้ง แต่เป็นการยิงตรงกรอบเพียง 4 ครั้งเท่านั้น
'แนวความคิดคือการหลีกเลี่ยงการเล่นเกมเร็วเพราะนั่นจะทำให้นักเตะต้องใช้พลังมากเกินไป'ซานติ เดเนีย เผยเคล็ดลับ'ความคิดคือการเก็บบอล แต่เมื่อคุณต้องลงเล่นในสนาม เราจึงต้องเล่นเกมรับด้วยความระมัดระวังและเรารับมือได้เป็นอย่างดี'
'เราเล่นกันได้ดีจากสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ผมไม่คิดว่าการทำประตูจะเปลี่ยนเกมนี้ ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ง่ายเลย'
สเปน ของ ซานติ เดเนีย เคยดวลกับ อังกฤษ ของ สตีฟ คูเปอร์ ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นยู-17 ปี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทีมกระทิงน้อยดวลเป้าชนะทีมสิงโตน้อย 4-1 หลังเสมอกันในเวลาปกติ 2-2
อังกฤษ ขึ้นนำก่อนทั้งสองครั้งจาก คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เด็กจากเชลซี กับ ฟิล โฟเด้น แต่ สเปน ตามตีเสมอทั้งสองหนจาก มาเตว โมเรย์ กับ อิ๊กนาซิโอ ดีอาซ กองหน้าตัวสำรองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
สำหรับรูปร่างหน้าตาของผู้เล่นทั้งสองทีมในนัดชิงแชมป์โลกครั้งประวัติศาสตร์ในวันเสาร์นี้แทบจะไม่ต่างจากนัดชิงแชมป์ทวีปเมื่อเดือนพฤษภาคม
ทีมกระทิงน้อยยังมี อาเบล รูอีซ, เฟร์ราน ตอร์เรส กับ เซร์จี้ โกเมซ ลงเล่นเป็นสามประสานแนวรุก ขณะที่เด็กสิงโตมี ไรอัน บริวสเตอร์, ฟิล โฟเด้น กับ แองเจล โกเมส เป็นตัวทีเด็ด ขาดเฉพาะ เจดอน ซานโช่ เท่านั้น
ทั้งสองทีมต่างรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับการวางหมากของ ซานติ เดเนีย กับ สตีฟ คูเปอร์ ว่าจะหาทางจัดการกับคู่แข่งอย่างไร รวมถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสนามของนักเตะทั้งสองทีมด้วย
ฝ่ายใดจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังของประเทศจะเป็น สเปน หรือ อังกฤษ เราคงจะทราบคำตอบในวันเสาร์นี้
