:::     :::

ชีวิตพี่'เก้'กับปาฏิหารย์1ในล้าน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แฟนบอล ลิเวอร์พูล เกือบทั้งหมดอาจเฝ้ารอการสร้างปาฏิหารย์แห่ง มาดริด ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้กับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แต่หากใครชอบดราม่าปูเสื่อรอทางนี้ มีเรื่องของ โฆเซ่ เอ็นรีเก้ แบ็กซ้ายเก่าเรามาเล่าสู่กันฟัง

เขานั่งสัมภาษณ์กับ 'เดลี่ เมล' ที่บ้านพักในเมืองบาเลนเซีย โดยใกล้ๆกันนั้นมีสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนนั่งทำหน้าแบ๊วบนโซฟา รอฟังเรื่องของอดีตแบ็กซ้าย 'หงส์แดง' 

"ครั้งแรกเลยนายแพทย์นั่งข้างผมแล้วบอกว่า - อย่าเพิ่งตระหนกกับสิ่งที่กำลังจะได้ยินหมอกล่าว เพราะคนส่วนคิดว่าพอโดนบอกแบบนี้ เท่ากับภาวะมะเร็งมันกินไปทั้งร่างแล้วคุณกำลังจะตาย -" เอ็นรีเก้ พูดถึงเหตุการณ์เมื่อ พ.ค.ปีก่อน เมื่อเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะปวดศรีษะอย่างรุนแรงมากขึ้นเป็น 2 เท่า 

"อย่าเพิ่งกังวลเกินไป เราตรวจพบว่าคุณมีภาวะมะเร็งชนิดร้ายแรง แต่ยังดีระบุตำแหน่งโรคแล้วมันยังไม่แพร่กระจาย ใจร่มๆไว้ คุณกำลังจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษา" นั่นคือคำพูดที่แบ็กซ้ายเก่าจำได้ 

สรุปภาวะที่เขาเผชิญคือมะเร็งสมองซึ่งยากจะพบในจำนวน 1 : 1,000,000 งานนี้อดีตแข้งเราจึงได้ศัลยแพทย์มือทอง ดร.ฆวน อันโตนิโอ ซีมาล ในเมือบาเลนเซียเป็นเจ้าของไข้ โดยกระบวนการรักษาใช้เวลาแรมเดือน - ครั้งละ 8 ชั่วโมง - โดยลำเลียงเนื้องอกจากสมองผ่านทางรูจมูก 


เอ็นรีเก้ ต้องดูดเนื้อร้ายจากสมองผ่านรูจมูก

"เมื่อพวกเขาเอามันออกไป คุณไม่มีทางทราบได้เลยว่าจะกลับใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้หรือเปล่า สิ่งนั้นทำผมหลอนมากเพราะตัวเองเพิ่งอายุ 32 ปี! แล้วผลกระทบต่อจมูกหรือดวงตาจะทำให้ใช้ชีวิตอย่างไร?"

ทั้งนี้เจ้าหนุ่มสแปนิชสามารถรับมือกับได้หมด โดยมีหวานใจอย่าง เอมี่ คอยดูแลเคียงข้างเสมอ 

"เธอช่วยผมอย่างมาก ส่วนหนึ่งเพราะหล่อนเป็นคนคิดบวกด้วย" 

การต่อสู้ของ โฆเซ่ ไม่จบง่ายๆหลังผ่าตัดเสร็จสิ้น เพราะต้องฟื้นฟูอานุภาคโปรตอนความแม่นยำสูง ทว่าก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายแพงมหาศาลเช่นกัน ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากเซลมะเร็งนี้ต้องขจัดอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกว่าจะถูกยืนยันว่าหมดสิ้น 100% 

วิธีคือต้องสวมหน้ากากแบบพิเศษระบุพิกัด, ผูกตัวเข้ากับเตียงผู้ป่วย, ยื่นเฉพาะส่วนศรีษะเข้าไปในเครื่องมูลค่า 130 ล้าน ยูโร (ราว 115 ล้าน ปอนด์) โดยมันจะยิงลำแสงคลื่นวิทยุมาทำการรักษาตรงจุดนั้นๆที่ทำสัญลักษณ์ไว้


เครื่องยิงลำแสงวิทยุที่เอ็นรีเก้เข้าใช้บริการ

"มันเป็นเครื่องที่ทำให้ดูไม่สบายใจ ทึบๆ แล้วก็ใหญ่มาก ทุกครั้งที่ไปใช้บริการในห้องนั้นพยายามไม่เปิดตาดู อีกทั้งพอเปิดสวิตช์คุณจะไม่รู้สึกอะไรเลย ระหว่างพวกเขาจัดการยิงคลื่นไปยังสมองเราทว่ามันเหลือผลข้างเคียง - ตาขวาผมมองไม่เห็น แล้วแทบไม่ได้ยินเสียงใดเป็นเดือน"

กระบวนการรักษาที่ ปารีส ผ่านไปสักพักใหญ่ ทั้งนี้ก็ได้กำลังใจดีๆจากคณะสโมสร ลิเวอร์พูล นำโดย ผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ รวมกับตัวแทนนักเตะ เปิดโอกาสให้ เอ็นรีเก้ เข้าพบระหว่างเดินทางมาแข่งแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อ พ.ย.2018 

"ผมไปร่วมชมการซ้อมของทีม รวมถึงเจอเพื่อนฝูงเก่า ณ โรงแรม บอกเลยว่าทุกคนปฏิบัติกลับมาดีมากทั้ง เคนนี่ ดัลกลิช, คล็อปป์ รวมถึงผู้เล่นอีกหลายคน จำไม่ได้ชัดแต่คิดว่าเป็น เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งเดินมาทักทาย" 

นอกจากนั้น โฆเซ่ ก็ยังร่วมเป็นสักขีพยานในเกมรอบรองฯ นัดแรก ณ สังเวียน คัมป์ นู แฝงตัวอยู่กับ 'เดอะ ค็อป' รายอื่นๆ แล้วมันคงเป็นการผจญภัยอันน่าทึ่งสำหรับเจ้าตัวหากนัดชิงฯ ณ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ มีโอกาสเข้าชมแล้วเห็นทีมชูถ้วยแชมป์ยุโรป สมัย 6 


แว่บไปให้กำลังใจ หงส์แดง ที่คัมป์ นู รอบรองฯ นัดแรก

อีเวนต์ของ เอ็นรีเก้ ยังต่อเนื่องถึงซัมเมอร์เมื่อต้องบินไปยังฮ่องกง เพื่อเตะเกมของ 'ตำนานหงส์แดง' เล่นเดินสาย นับเป็นจ๊อบเตะบอลแรกนับจากประกาศว่าตัวเองเผชิญอาการป่วย

คำถามคืออดีตดาวเตะเบอร์#3 อนุญาตให้เอาหัวโหม่งบอลหรือไม่? แน่นอนเจ้าตัวตอบแบบติดตลกว่า 

"หมอก็บอกว่าโอเคนะ แต่ผมจะพยายามเลี่ยงให้น้อยที่สุด ตั้งแต่สมัยเตะอาชีพก็เลี่ยงโขกเยอะมากเพราะใช้ศรีษะโหม่งได้แย่ จนถึงตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยน" เอ็นรีเก้ ล้อตัวเองเรื่องอ่อนลูกกลางอากาศ

มาถึงความสัมพันธ์กับสโมสร ลิเวอร์พูล อดีตฟูลแบ็กขาลุยบอกว่าแน่นแฟ้นทีเดียว 

"ตั้งแต่อยู่ทีมเก่าแล้ว (นิวคาสเซิ่ล) พวกเขาดูแลผมดีเลย แต่เมื่อได้ย้ายไป ลิเวอร์พูล ภาษาอังกฤษที่ใช้แข็งแรงขึ้นเยอะ สามารถสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น ไม่จำกัดเพียงก๊วนสแปนิชหรือบราซิเลี่ยน" 

"อย่างบอสคล็อปป์ ก็เป็นผู้มอบโอกาสให้ผมสวมปลอกแขนกัปตัน มีตัวอย่างหนึ่งในบอลถ้วยแมตช์พก เอ็กซ์เตอร์ แกเดินมาหาแล้วบอกว่า - ฟังนะ! นายถือสาไหมหากฉันอยากเอาปลอกแขนเกมวันนี้ให้ คริสติย็อง เบนเตเก้ เพราะหมอนั่นฟอร์มฝืด อยากช่วยมันเสริมความมั่นใจ - " 

"ผมบอกไปว่า - ได้ครับ - แม้ในใจลึกๆจะคิดว่ามันอาจเป็นโอกาสเดียวที่เราได้โอกาส" 


คล็อปป์ (ซ้าย) มอบปลอกแขนให้ เอ็นรีเก้ (ขวา)

ผลนัดนั้นจบด้วยผลเสมอ แล้วเจ้า เอ็นรีเก้ ก็ได้สวมปลอกแขนเสียทีในนัดรีเพลย์ "จริงอยู่ว่าสมัย คล็อปป์ ผมไม่ได้เล่นมากนัก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามีแต่เรื่องดีๆ" 

"เขาสื่อสัตย์ต่อคุณ เมื่อครั้งผมไม่ได้เล่นสามารถเดินไปถามเขาเลยว่า - ทำไมโค้ช! - แล้วก็ได้คำตอบทำนองว่า - ฟังนะ โฆเซ่ ฉันคิดว่านายสภาพยังไม่ฟิต 100% - บอกตามตรงผมชอบคำตอบนี้มากกว่า - แกจะได้เล่นในโอกาสต่อไปเสียอีก" 

"สิ่งที่พวกคุณเห็น สิ่งที่พวกคุณทราบมา มันได้กลายเป็นแนวทางที่ผู้เล่นของเขาแสดงออก - มันคือฟุตบอลแบบ ร็อคแอนด์โรลล์ เจอร์เก้น บอกสิ่งที่เขาต้องการอย่างชัดเจน แล้วนำไปสู่การเซ็นสัญญา นั่นคือ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ... เป็นใครอื่นเป็นไม่ได้" 

วนกลับมาที่เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองฯ นัดสอง สลับกลับมาเล่นที่ แอนฟิลด์ หลังจากโดน บาร์เซโลน่า กระทุ้ง 0-3 โดยหนนี้ เอ็นรีเก้ ชมผ่านการถ่ายทอดสดที่บ้าน 



ชีวิตเอ็นรีเก้ ตอนนี้มีแต่หมากับเมีย

"คิดในใจว่าปาฏิหารย์ไม่เกิดขึ้นหรอก แต่เมื่อสกอร์มาอยู่ 2-0 ผมบอกตัวเองว่า - เฮ้ย!ขุนแข้ง ลิเวอร์พูล เขมือบคู่แข่งทั้งเป็นเลย - ทั้งนี้แฟนบอล ลิเวอร์พูล อาจจะพูดหยาบกว่านั้น" '

อนึ่ง เอ็นรีเก้ ยังพูดถึงปัญหาของ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ แบ็กซ้ายรุ่นน้องที่ปรับตัวฐานะ 'หงส์แดง' ไม่รอดนั่นเพราะไม่ยอมเปิดใจพูดอังฤษ 

"สำหรับผมแฟนบอลปฏิบัติด้วยอบ่างดี ไม่เคยหมางเมินกันเลย ให้ผมเดาก็เพราะการวางตัว แฟนๆทั้งร้องเพลงเชียร์ให้, ชูแขนผมขึ้นเต้น หรือถามไถ่อาการระหว่างไปชมเกมร่วมกันในเลกแรกที่ กาตาลัน" 

"คุณสามารถเห็นมุมน่ารักๆของเมือง ณ จุดนั้น แต่จะให้แฟนบอลยอมรับนักเตะบนสนามด้วยนั้นมันต้องมากกว่าฝีเท้า" 

"อัลเบร์โต้ มันไม่ยอมจะพูดภาษาอังกฤษ แล้วผมก็เคยสอนไปว่า - นั่นคือปัญหาสำคัญของแก เพราะไม่ยอมหลอมรวมเป็นเลือดเนื้อเดียวกันกับคนถิ่น - บางครั้งอัตตาก็เลือกแสดงออกอย่างเหมาะสม" 

ทั้งนี้ก็ยังไม่ยอมเลิกปล่อยมุกสักที "ด่าน้องมันไว้เยอะ ยังไม่รู้เลยว่ามันจะยอมให้ตั๋วเกมชิงชนะเลิศ ชปล. ผมมาไหม?" 

ร่องรอยนอกจากผมบนศรีษะที่ขึ้นมาไม่เท่ากันแล้ว อาการน้ำตาเป็นพิษก็ส่งผลให้เขาไม่สามารถร้องไห้ได้ หากมีไหลออกมาต้องรีบเช็ดให้แห้ง 

นอกจากนั้นกิจกรรมโปรดอย่างดำน้ำช่วงวันหยุดยาว หรือแม้แต่ว่ายน้ำก็หมดสิทธิ์เพราะแรงดันของความดันส่งผลต่อในศรีษะ  


โอกาสสวมเครื่องแบบลิเวอร์พูลอีกครั้ง

  อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็มองสิ่งต่างๆในชีวิตให้เป็นบวก "เมื่อผมได้รีไทร์เมื่อ ก.ค.2017 มันคือช่วงเวลาที่แย่จริงๆ กระทั่งมาถึงจุดนี้มีโอกาสได้เห็นสโมสร ลิเวอร์พูล เข้าชิงฯ ชปล.เป็นปีที่สองติดต่อกัน แม้ใจอยากกลับมาลงแข่ง แต่เราจำเป็นต้องปรับมุมมอง" 

"เส้นทางอาชีพผมจบแล้ว อย่างน่าเศร้า ต้องรีไทร์ก่อนเวลาเพราะบาดเจ็บเข่ารุนแรง แต่เรื่องนั้นก็ช่วยให้เราสามารถมองมันขี้ประติ๋ว เวลานี้โฟกัสเพียงใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ" 

"ส่วนโอกาสไปอวดฝีเท้า สวมเครื่องแบบ ลิเวอร์พูล อีกครั้งมันต้องเจ๋งแน่ๆ ผมจะสนุกกับมันอย่างเต็มที่" 

เอ็นรีเก้ ปิดท้ายถึงแมตช์ฟุตบอลเดินสายกับทีม 'ตำนานหงส์แดง' ซึ่งจะฟาดเกือกวันที่ 8 มิ.ย.นี้ หลังแชมเปี่ยนส์ ลีก 1 สัปดาห์ 

เชียร์ทีมหลักแล้ว ก็อย่าลืมเชียร์แข้งรีไทร์ซึ่งขอนับหนึ่งใหม่หลังชีวิตปาฏิหารย์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด