:::     :::

เรียงความจากกัปตัน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันของพวกเรากำลังจะโม่แข้ง อีกเกมสำคัญสุดชีวิตนั่นคือ แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ พบกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซึ่งหนนี้เขาไม่อยากให้ตอนจบเหมือนศักราชก่อน

การผจญภัยของ ลิเวอร์พูล กว่าจะมาถึง ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ มันเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่เมื่อ 12 เดือนก่อน ฐานะผู้แพ้ในสงครามลูกหนังที่กรุงเคียฟ

เฮนเดอร์สัน พร้อมลูกทีมกลับมาลุ้นเจ้ายุโรปอีกครั้ง ในแบบที่นิ่งขึ้น เก๋าขึ้น และความคาดหวังที่สูงขึ้นว่าจะเป็นกัปตันชาวอังกฤษลำดับห้า ที่มีโอกาสชูถ้วยบิ๊กเอียร์ 

ระหว่างทางกว่ามาถึงจุดนี้ เจ้าของปลอกแขนเบอร์#14 เผชิญกับอะไรมาบ้าง ไปฟังเขาเล่าสู่กันฟัง แล้วรอให้กำลังใจศึกส่งท้ายซีซั่นพร้อมๆกัน

ใจสลาย 

เสาร์ที่ 26 พ.ค.2018 สนาม : โอลิมปิก กรุงเคียฟ ประเทศ ยูเครน / ลิเวอร์พูล 1 - เรอัล มาดริด 3 

แพ้ในเกมชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก รู้สึกยังไงน่ะเหรอ? 

พระเจ้า...ต้องมองบน แล้วบอกว่าเป็นคำถามที่เยี่ยมไปเลย! ผมยังจำได้ถึงสัญญาณนกหวีดสุดท้ายแล้วทรุดไปกองกับพื้นสนามแทบจะในทันที อารมณ์ตอนนั้นผมปรวนแปรไปหมด ทั้งผิดหวัง, โกรธ และ สิ้นหวัง

เราอุตส่าห์กลับมาสู่เกมได้ (ตีเสมอ 1-1) แต่สุดท้ายทำหลุดมือ มันไม่มีใครช่วยเยียวยาคุณได้, ไม่มีใครที่จะพูดแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้น 


เฮนเดอร์สันใจสลายที่ เคียฟ

บอกเลยว่าทีมเสียสละอย่างสุดๆเพื่อไปถึงจุดนั้น แต่คืนนั้นต้องกลืนเลือดยืนดู เรอัล มาดริด ชูถ้วยแชมป์

ปวดใจ ปวดใจจริงๆ ในส่วนลึกของคุณบอกให้วิ่งกลับห้องแต่งตัวมันเสียเลย แต่อีกทางบอกให้ว่าเราต้องให้เกียรติผู้ชนะ แม้มันจะช้ำหนกเพียงใดก็ตาม  

...................

การเริ่มต้นใหม่ 

อังคารที่ 18 ก.ย.2018 สนาม : แอนฟิลด์ / ลิเวอร์พูล 3 - ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2 

หลากเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่เราเล่นกับ เรอัล มาดริด ...อย่างน้อยก็หลังผ่าน ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 

ผมกระตุ้นเพื่อนๆ ก่อนเกมที่เราจะดวล เปแอสเช นัดเปิดรอบแบ่งกลุ่มว่า - ภาระของทีมบนเวทียุโรปยังไม่ได้รับการสะสาง พวกนายคิดเหมือนกันไหม? - ดังนั้นนี่ไม่ใช่แค่นัดประเดิมกรุ๊ป สเตจ แต่คืนนี้เราต้องประกาศศักดา 

เมื่อมองย้อนกลับไปต้องบอกว่าเราเล่นกันได้สุดแจ่ม หึกเหิมได้ตั้งแต่แรกเมื่อ เจมส์ มิลเลอร์ หวดใส่ เนย์มาร์ จูเนียร์ ปรามความคะนองของหมอนั่น แล้วเราก็ต่อยอดความมั่นใจจากการสกัดนั้น 


บ็อบบี้ ลงมาสำรองยิงประตูชัย

ส่วนตัวผมไม่มองว่านี่คือการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม เพราะบรรยากาศแวดล้อมมันน่าทึ่งมาก แล้วเรื่องราวก่อนเราคว้าชัยก็เจ๋งยิ่งกว่า 

บ็อบบี้ ฟีร์มีโน่ ซึ่งบาดเจ็บก่อนแข่ง ลงมาจากม้านั่งสำรองทำประตูชัยนาทีสุดท้าย นับเป็นการเปิดหัวที่เยี่ยมมาก 

ทุกคนต่างมองว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คือตัวเต็งของทัวร์นาเมนต์ แต่จากผลงานในเกมนั้นทำให้ทุกคนทราบแล้วว่าการไปถึง เคียฟ เมื่อซีซั่นก่อนไม่ได้บังเอิญ  

......................................

ปัญหาเกิด

พุธที่ 3 ต.ค.2018 สนาม : ซาน เปาโล /นาโปลี 1 - ลิเวอร์พูล 0, อังคารที่ 6 พ.ย.2018 สนาม : เร้ด สตาร์ / เซอร์เวน่า ซเวซด้า 2 - ลิเวอร์พูล 0 

สองเกมที่ผลงานแย่สุดของฤดูกาล เป็นแมตช์ที่ไร้ซึ่งความสม่ำเสมอ, ไร้จังหวะจะโคน ไม่ดีไปเสียหมด 

จำได้ว่าผมถูกล่อซื้อจากผู้สื่อข่าว ให้ระบุพฤติการณ์แวดล้อมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังสองเกมนั้นหน่อย? - เชื่อว่าคำตอบที่พวกนั้นอยากได้คงเป็น บอสคลั่ง, ตะโกนดาทอ แต่บอกเลยเรื่องพรรค์นั้นไม่เกิดขึ้น 

ลูกพี่รอจน 1 หรือ 2 สองวันหลังจบเกมเมื่อเรียกทุกคนมานั่งดูบันทึกภาพการแข่งขัน จากนั้นก็ชำแหละจุดอ่อน โดยไม่ใส่อารมณ์มากนัก 


เร้ด สตาร์ ไล่เตะตูดหงส์แดง

ถือว่ายุติธรรมดีเพราะเราก็รู้ตัวกันแล้วว่าทั้งสองเกมที่ปราชัยเล่นกันไม่ดีพอ จนเป็นเหตุให้ตารางอันดับสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะแมตช์เยือน เบลเกรด โดนไล่เตะดูดเลยทีเดียว 

ทั้งนี้เกมเดินทางไปเซอร์เบีย ผมไม่ได้บินร่วมคณะเพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังเข่า ซึ่งมันไม่มีความรู้สึกไหนเจ็บปวดไปกว่าดูพวก-พ้องเสียท่าผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เอาจริงๆแย่กว่าอยู่ในสนามเสียอีก  

กล้าพูดว่าตัวเองเอามือปิดตาไม่กล้าดูเมื่อคู่แข่งเปิดเกมบุกใส่เรา หรือบางทีร้องเสียงหลงตอน เร้ด สตาร์ ได้ลุ้นเสียว

ตามปกติหลังเกมที่แพ้ ผมเป็นพวกกระเดือกข้าวไม่ลงเลย แต่ยังดีที่เดี๋ยวนี้มีลูกสาว 2 คนอย่าง เอเล็กซ่า กับ อัลบ้า ช่วยให้ลืมความเศร้าไวขึ้น 

อีกทั้งยากจะนั่งบูดบึ้งไม่พูดไม่จาบนโต๊ะอาหารเช้าได้ ...ก็ในเมื่อพวกเธอขอให้ผมผ่อนคลาย แล้วมาเล่นด้วยได้ไหม?"  

..................................

ปฏิบัติการกู้ชีพ

อังคารที่ 11 ธ.ค.2018 สนาม : แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล 1 - นาโปลี 0 

สถานการณ์ทีมหน้าสิ่ว หน้าขวานหลังเกมพ่าย เปแอสเช 1-2 ณ กรุงปารีส ทว่าเมื่อได้กลับมาเล่นที่ แอนฟิลด์ผู้เล่นเสาหลักกู้ฟอร์มถูกเวลา 

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อาจทำประตูสุดสวย ทว่าเรื่องที่ผมจำได้ติดตาคือการเซฟสุดฉมังของ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ในช่วงทดเจ็บจากการล่อเป้าของ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิก ...นึกภาพไม่ออกเหมือนกันหากลูกนั้นเข้าไปบรรยากาศจะจืดเพียงใด 


อาลีสซง กับเซฟสำคัญ

โมเมนต์นั้นตอกย้ำให้เห็นว่าเหตุใด ผจก.ทีม ต้องการเซ็น อาลีสซง มาร่วมงาน ด้วยความสัตย์!นี่ไม่ใช่การยกย่องเกินเลย

หมอนั่นมันน่าทึ่ง แค่ตำแหน่งถุงมือทองคำมันอาจน้อยไป เพราะหากไม่มีเซฟนั้นเราต้องหล่นไปเล่นยูโรปา ลีก หลังจากคริสต์มาส นึกดูจะห่อเหี่ยวขนาดไหน? 

...........................................

ประกาศศักดา 

พุธที่ 13 มี.ค.2019 สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า / บาเยิร์น มิวนิค 1 - ลิเวอร์พูล 3 (ประตูรวม ลิเวอร์พูลชนะ 3-1) 

เป็นผลงานทีมที่ยอดเยี่ยม แล้วมันทำให้ทุกคนมองว่าเราคือตัวเต็งแชมป์อีกครั้ง 

ก่อนนี้ตอนสกอร์เลกแรกจบ 0-0 หลายฝ่ายคงคิดว่า บาเยิร์น มิวนิค กุมความได้เปรียบ เมื่อเราดันพลาดทิ้งโอกาสงามๆไป 

ทว่า ซาดิโอ มาเน่ ก็แก้ตัวจากเกมที่แอนฟิลด์ ด้วยการหาจุดบกพร่องแล้วจัดเบิ้ล 2 สกอร์ ที่นครมิวนิค 


มาเน่ พระเอกที่ มิวนิค 

จำได้ว่าแมตช์นั้นผมเจ็บเอ็นข้อเท้าแต่หัววัน ( นาที 13) แน่นอนว่าการโดนเปลี่ยนออกตั้งแต่แรกในเกมใหญ่แบบนี้ไม่มีอยากให้เกิดขึ้น ทางซุ้มมานั่งสำรองก็ดูอาการว่าไหวไหม? 

ตอนแรกพยายามวิ่งลงน้ำหนักดูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งคำตอบคือเปลี่ยนออกแบบไร้ทางเลือก ดีว่าไม่เจ็บหนัก 

....................................

 พัฒนาการ

พุธที่ 17 เม.ย.2019 สนาม : เอสตาดิโอ โด ดราเกา / ปอร์โต้ 1 - ลิเวอร์พูล 4 (ประตูรวม ลิเวอร์พูลชนะ 6-1)

เอาจริงๆมันยังไม่ลอยลำ ต่อให้เลกแรกเราชนะมาดได้ก่อน 2-0 เพราะเกมตลอด 45 นาทีแรกที่โปรตุเกส มันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลในสนาม 

ยอมรับว่าทีมเครียดกับมันทีเดียว นึกสภาพหากคู่แข่งพังประตูขึ้นนำก่อน ไม่ใช่พวกเราทำได้ ทรงเกมจะเป็นอย่างไร 


ลิเวอร์พูลเล่นไม่ดี แต่ชนะสวย

ในบั้นปลายผลลัพธ์อาจดูชนะผ่านสบายๆ ทว่าในห้องแต่งตัวไม่มีการฉลองพิเศษใด 

ทราบว่าเป็นเรื่องดีที่สามารถผ่านเข้ารอบรองฯ ชปล. แต่อีกทางหนึ่งเรากำลังคาบเกี่ยวบดบี้แย่งตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้สิ่งแรกที่เราอยากได้ยินคือ - รอหวดเกมต่อไป - 

.......................................

สิ้นหวัง

พุธที่ 1 พ.ค.2019 สนาม : คัมป์ นู/ บาร์เซโลน่า 3 - ลิเวอร์พูล 0  

ผมคงเป็นพวกสะตอถ้าบอกว่าไม่รู้สึกปวดใจเลยกับการแข่งขันนัดนั้น มันเริ่มตั้งแต่ไม่มีชื่อในไลน์อัพแรก เซ็งเลยที่เราไม่มีส่วนแต่ตั้น 

เพราะเมื่อคุณคือกัปตันของสโมสร ลิเวอร์พูล ที่ลงแข่งรอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นมันจำเป็นว่าเราต้องได้ลงสนาม 

กระทั่งเกมดำเนินไป ผมถูกเปลี่ยนลงไปเล่นแต่หัววันเพราะ นาบี เกอิต้า บาดเจ็บ แล้วนี่คือหนแรกอาชีพที่ได้ลงดวลฝีเท้าบนสนามเดียวกับ ลีโอเนล เมสซี่ 

ทั้งนี้ไม่มีเวลามานั่งปลื้มว่า - โอ้พระเจ้า นั่น เมสซี่ ตัวเป็นๆ - แต่เมื่อได้เห็นหมอนั่นกับตาตัวเองมันช่างต่างจากในโทรทัศน์ เพราะของจริงเขาจี๊ดมาก


เมสซี่ ฟรีคิกขั้นเทพ

ขอลงรายละเอียดเรื่องฟรีคิกที่เราเสีย จนไปสู่สกอร์ 0-3 ผมยังแทบไม่เชื่อว่าหมอนั่นจะสังหารตุงตาข่าย เพราะจากวิถีเหมือนยิงเบาไปด้วยซ้ำ 

ยิ่งเมื่อตัวเองทราบความฉกาจของ อาลีสซง แล้วด้วย ... ทว่า เมสซี่ กลับสามารถยิงไปในจุดพิฆาตซึ่ง 'อาลี' ไม่สามารถปกป้องได้ บอลจากเท้าทั้งวิถี, ความเร็วลูก, ความแม่นยำ - เรียกว่าสมบูรณ์แบบ 

ถามว่าคิดผมเดินไปขอแลกเสื้อแข่งเขาหรือเปล่า? ไม่ล่ะ ไม่มีทาง!

จำได้ว่า รอย คีน อดีตผจก.ทีม ซันเดอร์แลนด์ เคยสอนผมว่า - หากแกเดินไปขอแลกเสื้อแข่งกับใครสักคน แสดงว่าแกปอดแหกให้หมอนั่น - 

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมผ่านโอกาสนั้น แล้วกลับบ้านพร้อมเสื้อแข่งของ หลุยส์ ซัวเรซ 

ก็เพราะ หลุยส์ คือเพื่อนเก่าที่ดี เราสนิทกันระหว่างเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล แต่ทั้งนี้ไม่รู้เขาคิดอย่างไรกับผมนะ 

.........................................

ปาฏิหารย์ 

อังคารที่ 7 พฤษภาคม, สนาม : แอนฟิลด์ / ลิเวอร์พูล 4 - บาร์เซโลน่า 0 (ประตูรวม ลิเวอร์พูลชนะ 4-3)  

ผจก.ทีม กล่าวในเช้าวันแข่ง แล้วคำพูดนั้นมันเปลี่ยนทุกอย่าง มีการคุยขั้นสุดท้าย ณ โรงแรม 'โฮ้ป สตรีท' ฐานที่มั่นซึ่งใช้เก็บตัวเสมอเมื่อแข่งเกมเหย้า โดยลูกพี่พูดว่า - สิ่งที่เราจะทำคืนนี้หลายคนอาจบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะกูรู้ว่าคนที่ลงแข่งคือพวกมึง ...ดังนั้นจึงเรียกมันว่าเรายังมีโอกาส - 

เขาทำให้เรามีเป้าหมายชัดเจน แล้วตลอดวันในหัวผมก็เอาแต่คิดว่า : สนามแอนฟิลด์, แฟนบอล และประตูขึ้นนำเร็ว ..บางทีอาจทำได้ 


เฮนโด้ ดีใจสุดพลัง

แล้วก็ตามคาด เราทำงานได้สมบูรณ์แบบ เอาจริงๆผมสมควรทำสกอร์เบิกร่องแล้วแต่โดนเซฟ ต้องขอบคุณ โอริกิ้ ที่ตามซ้ำดาบสองเข้าไป เชื่อไหมตอนนั้นเสียงเฮดังไม่ได้ยินอะไรเลย 

อนึ่งเกมแบบนั้นเราไม่ยอมพลาดมีส่วนร่วมแน่ แม้จะเจ็บเข่าเล็กน้อยเพราะโดนแท็คเกิ้ล แต่ผมสามารถบริหารจัดการมันได้ระหว่างพักครึ่ง คิดว่าโอเคแข่งไหว

เลยเลือกฉีดยาแก้ปวด แล้วโดดขึ้นปั่นจักรยานให้ยาออกฤทธิ์สัก 10 นาที เข่าที่เจ็บก็ชา ไม่รู้สึกอีก 

ส่วนสิ่งที่เกิดหลังจากนั้นจะตราตรึงผมไปตลอดกาล มันคือประสบการณ์ที่แตกต่างจากพบ โรม่า ปีก่อน เพราะหนนี้เราทะลุเข้าชิงฯด้วยฝีเท้าตัวเอง ไม่ใช่ยันสกอร์ 

จำได้เมื่อ 12 เดือนก่อนผมฉลองด้วยการดื่มน้ำอัดลมแฟนต้า แต่หนนี้เลือกดื่มน้ำเปล่า พยายามกลับบ้านไปนอน แต่มันทำไม่ได้จริงๆ 

..........................

โอกาสทำฝันเป็นจริง 

เสาร์ที่ 1 มิ.ย.2019 สนาม : ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ / ท็อตแน่ม ? - ลิเวอร์พูล ? 

ผมรู้จักผู้เล่น ท็อตแน่ม หลายคนระหว่างเล่นร่วมกันในนามทีมชาติอังกฤษ ทราบว่าพวกเขาเจ๋งแค่ไหน แต่เกมนี้คือบทใหม่ของเรา 


จอร์แดน อยากชูถ้วยแชมป์ฐานะกัปตัน ลิเวอร์พูล

นี่คือทีมที่ดีกว่าขุนพลซึ่งฟาดแข้งพบ เรอัล มาดริด ณ กรุงเคียฟ ปีก่อน ไม่จำเป็นต้องเอาประสบการณ์ความผิดหวังครั้งนั้นมาสร้างแรงบันดาลใจใดๆทั้งนั้น  

เราต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่ามาไกลแค่ไหน เราต้องคว้าโอกาสนี้มาให้ได้  

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})