:::     :::

ประสบการณ์พาแชมป์

วันอาทิตย์ที่ 02 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
6,600
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูลได้รับรางวัลยืนยันความยอดเยี่ยมในผลงานของพวกเขาปีนี้ ด้วยการคว้าถ้วยยุโรปหูใหญ่ใบนี้มาจนได้นะครับ !

                นที่สุดลิเวอร์พูลก็ผงาดความแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ไปเป็นของตัวเองจนได้ ถึงแม้อาจจะมีแฟนบอลค่อนขอดว่าโชคดี หรือเล่นได้ด้อยกว่าคุ่แข่งอย่างสเปอร์สก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นประสบการณ์และความเก๋าเกมของทางฝั่งหงส์แดงที่มีมากว่าสเปอร์สนั่นเอง ที่ทำให้ถ้วยหูใหญ่ใบนี้ตกเป็นของพวกเขาอย่างยอดเยี่ยมในครั้งนี้



 

การเริ่มต้นในฝันของหงส์แดง

               ทั้งลิเวอร์พูลและสเปอร์สนั้นต่างฝ่ายต่างก็มีนักเตะตัวหลักที่ทีมตนเองเฝ้ารอที่ส่งลงสนามอยู่หลายคน ทางฝั่งลิเวอร์พูลก็เฝ้ารอโรเบอร์โต้ ฟีร์มีโน่  ส่วนทางสเปอร์สนั้นก็หวังว่าแฮรี่ เคน จะผ่านความฟิตลงสนามในเกมนี้ ก็สมหวังทั้งสองฝ่าย ทั้งให้ทั้งสองทีมจัดชุดใหญ่ลงสนามได้ตั้งแต่ต้นเกม ไม่มีอะไรให้ต้องค้างคาใจเรื่องขุมกำลังของทั้งสองฝั่ง

               เมื่อกรรมการเป่านกหวีดเริ่มเกมการแข่งขัน  เพียงแค่จังหวะการบุกครั้งแรกของฝั่งลิเวอร์พูล ความได้เปรียบก็อยู่ที่ทางฝั่งหงส์แดงทันทีเมื่อซาดิโอ มาเน่ที่ได้บอลท้ายกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย และตักบอลไปโดนแขนมุสซ่า ซิสโซโก้ ที่ไม่ระวังตัวและไม่ละเอียดเอาเสียเลย เพราะจากแอกชั่นของเขานั้น เขาไม่ได้เก็บแขนตัวเองเวลาเข้ามาป้องกันเลยแถมยังทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเสียอีก คือ ยื่นแขนออกมานอกลำตัวเสียอย่างนั้น ทำให้กรรมการไม่มีทางเลือกเลย นอกจากจะเป่าเป็นจุดโทษให้ทางฝั่งหงส์แดงไปตั้งแต่นาทีที่ 1 ของการแข่งขันไปแบบช่วยไม่ได้ นี่ก็เป็นเรื่องของประสบการณ์เช่นกัน ที่ทำให้ลิเวอร์พูลได้เปรียบในจังหวะนี้ ถ้านัดนี้เป็นการแข่งขันพรีเมียร์ลีกธรรมดา ผมเชื่อว่าซิสโซโก้จะไม่พลาดง่ายๆ และมีสติมากกว่านี้แน่นอน  และก็เป็นซาลาห์ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ ซัดเข้าไปที่กลางประตู ส่งให้ลิเวอร์พูลชึ้นนำไปอย่างสบายๆ ตั้งแต่ต้นเกม 1-0



เข้าทางหงส์

               หลายๆ คนอาจจะมองว่ารูปเกมในเกมนี้เป็นของสเปอร์ส และสเปอร์สเล่นดีกว่าลิเวอร์พูลในเกมนี้ แต่จริงๆ ก็ต้องบอกว่ามันเป็นธรรมชาติของรูปเกมแบบนี้นี่แหละครับ เพราะว่าทางฝั่งลิเวอร์พูลได้ประตูเร็วตั้งแต่ต้นเกม ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดันเกมรุกอะไรมากมาย ส่วนสเปอร์สที่เป็นฝ่ายเสียประตูก็ต้องโหมบุกเพื่อเอาประตูคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งถ้าดูในภาพรวมแล้ว ถึงสเปอร์สจะเป็นฝ่ายที่ครองเกมและคุมคามลิเวอร์พูลได้มากกว่า แต่จังหวะจบสกอร์หรือการลุ้นประตูตีเสมอของน้องไก่นั้น แทบไม่มีให้เห็นแบบจะแจ้งกันเลย กลับกันตรงที่แม้ว่าทางฝั่งลิเวอร์พูลดูเหมือนจะโดนคุกคามมากกว่า แต่พวกเขากลับมีโอกาสลุ้นประตูหนีห่างออกไปมากกว่าเสียอีกจากจังหวะยิงไกลของเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน นี่คือรูปเกมที่ลิเวอร์พูลโปรดปรานและเข้าทางพวกเขามากกว่าสเปอร์สอย่างแท้จริง และด้วยความเหนียวแน่นของพวกเขาทำให้พวกเขาประคองความได้เปรียบให้ตัวเองจนจบครึ่งแรกไปแบบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงซักเท่าไร



ความเก๋าของคลอปป์

               ครึ่งหลังก็ดูเหมือนรูปเกมจะยังคงเป็นเหมือนเดิม และจริงๆ ทางฝั่งของลิเวอร์พูลก็ยังไม่ได้ดูเป็นรองหรือเพลี่ยงพล้ำอะไรให้กับสเปอร์สเลย แต่ถึงเป็นอย่างนั้น ประสบการณ์ของเจอร์เก้น  คล็อปป์ก็สอนเขาว่า ในเกมใหญ่แบบนี้เขาจะพลาดจุดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ และถ้ามีอะไรที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เขาก็พร้อมที่จะลดความเสี่ยงนั้นให้เหลือน้อยที่สุดให้ได้ จึงทำให้แม้ว่าพวกเขาจะยังได้เปรียบเรื่องสกอร์อยู่ แต่ก็กลับเป็นฝ่ายที่ขยับเปลี่ยนตัวก่อนทางฝั่งสเปอร์สเสียอีก เมื่อโรเบอร์โต้  ฟีร์มีโน่ ที่ร้างสนามไปนานดูจะเรี่ยวแรงหมด และยังหาจังหวะเกมไม่ได้ ก็ถูกเปลี่ยนตัวให้ ดิว๊อก โอริกี้ ลงสนามไปแทน และในไม่กี่นาทีต่อมา เขารู้ว่าไวนัลดุ้มเริ่มหมดแรงแล้ว และทีมต้องการความนิ่งและประสบการณ์ในเกมแบบนี้ เขาก็ไม่มีลังเลที่จะส่งเจมส์ มิลเนอร์ลงมาแทนไวนัลดุมทันทีที่เห็นตรงนั้น นี่ถือเป็นการพัฒนาของเจอร์เก้น คล็อปป์อย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่เขาเน้นเกมบุกแบบเอาใจแฟนบอล แต่ตอนนี้ประสบการณ์สอนเขาว่าในจังหวะแบบนี้ และสถานการณ์แบบนี้ควรจะตัดสินใจยังไง กลับกันกับเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่เกมนี้เขาเสี่ยงกับแฮรี่ เคน ในเกมนี้ และถ้าจะว่ากันตามตรง เกมนี้แฮรี่ เคนก็ไม่ได้มีพิษสงอะไรเลย เขาแทบส่วนร่วมในเกมรุกเลยแม้แต่น้อย แต่พอชก็ยังเสี่ยงกับแฮรี่ เคนไปแบบนั้นจนจบเกม จริงอยู่ถ้าสุดท้ายแฮรี่ เคนเป็นผู้ที่ทำประตูตีเสมอหรือแม้แต่พลิกชนะได้ การเสี่ยงครั้งนี้ของพอช ก็คงได้รับการสรรเสริญจากแฟนบอลอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อผลของเกมนี้ออกมาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แบบนี้ ก็ต้องบอกว่าเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเดิมพันครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง



ดอกผลของประสบการณ์

               จากการแก้เกมของเจอร์เก้น คล็อปป์ที่ตัดสินใจไป ก็ส่งผลให้รูปเกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นอย่างชัดเจน และน่าจะได้ประตูหนีห่างไปแล้วจากการยิงของเจมส์ มิลเนอร์ในนาทีที่ 69 แต่พอไม่เสียประตู ในช่วงท้ายเกมสเปอร์ก็โหมบุกหนักเพื่อที่จะเอาประตูคืนให้ได้ แต่ผู้เล่นที่มากประสบการณ์ของลิเวอร์พูลก็ประคองตัวเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวรับของพวกเขาที่เกมนี้ทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติจริงๆ  แผงหลังชุดนี้เจอบททดสอบมาแล้วอย่างมากมาย และน่าจะเรียกได้ว่าแม้แต่แนวรุกที่น่ากลัวที่สุดในยุโรปอย่างบาร์เซโลน่า พวกเขาก็ยังผ่านมาได้ และนั่นยิ่งเสริมความมั่นใจให้กับแนวรับชุดนี้เข้าไปอีกขั้น ทำให้การกดดันและการโหมบุกของสเปอร์สในช่วงท้ายแบบนี้พวกเขาก็ยังนิ่งพอที่จะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้  และสุดท้ายเกมก็ปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อดิว๊อก โอริกี้ ได้บอลในกรอบเขตโทษจากจังหวะเตะมุม ยิงเสียบมุมเข้าไปให้ลิเวอร์พูลหนีห่างสเปอร์สไป 2-0 ทำให้เกมนี้ตกเป็นของลิเวอร์พูลแบบสมบุรณ์แบบไปเลย


               สุดท้ายลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ไปเป็นของพวกเขาได้สำเร็จ และเป็นรางวัลการันตีถึงความยอดเยี่ยมของพวกเขาในปีนี้ได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่ารูปเกมที่ออกมาจะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งเท่าไร แต่สิ่งที่พวกเขามีเหนือกว่าคู่แข่งของเขาอย่าง “ประสบการณ์” นั้น พวกเขาก็สามารถหยิบเอาข้อได้เปรียบตรงนี้มาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม และแชมป์ครั้งนี้ของพวกเขาก็น่าจะพูดได้เต็มปากว่า ได้แชมป์เพราะ “เก๋ากว่า” จริงนั่นแหละครับ  ยินดีกับแชมป์ยุโรปครั้งที่ 6 ของทีมครั้งนี้กับแฟนๆ ลิเวอร์พูลด้วยครับ นี่คือความสำเร็จที่เหล่ากองเชียร์รอคอยและโหยหากันมานานเหลือเกิน ดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้ให้เต็มที่ครับ นี่คือช่วงเวลาแห่งความสุขของแฟนบอลลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง YNWA ครับทุกคน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด