หลังจากการล้างบางคดีทุจริตของฟีฟ่าหลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับลูกหนังต้องเปลี่ยนแปลงกันมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ยูฟ่า ที่ได้ประธานคนใหม่นาม เซเฟริน
ตอนนี้ถือเป็นสมัยที่ 2 ของผู้บริหารชาวสโลวิเนีย หลังจากรอบแรกทำผลงานได้ดีและเป็นที่พอใจของบรรดาสมาชิก ซึ่งตอนนี้ในวาระที่ 2 ของเขา เซเฟริน หมายมั่นปั้นมือที่จะเดินหน้าผลักดันหลายๆโครงการ รวมไปถึงพัฒนาของเก่าที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไป
หนึ่งในนั้นคือ ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ หรือที่แฟนบอลบ้านเรารู้จักกันในชื่อ 'กฎการเงิน' หรือ 'FFP' ที่เข้ามาควบคุมการซื้อขายนักเตะของบรรดาสโมสรสมาชิก และยังเข้าไปสอดส่องเส้นทางการเงินพร้อมกับตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลต่างๆ
ที่ผ่านมาคณะกรรมการของ 'FFP' ทำงานกันได้ดีและจัดการลงโทษทีมที่กระทำความผิด รวมไปถึงตักเตือนบรรดาสโมสรที่ส่อแววว่าอาจจะทำผิดกฎ
กระนั้นก็มีบางสโมสรหรือบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวและมองว่าการมีขึ้นของคณะกรรมการตรวจสอบด้านการเงินส่งผลด้านลบให้กับสโมสรฟุตบอลและยังเป็นศัตรูที่คอยเล่นงานทีมใหญ่
อย่างไรก็ตาม เซเฟริน กลับมองต่าง เพราะเขาเชื่อว่าคณะกรรมการของ 'FFP' ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอิสระในการตรวจสอบซึ่งไม่ได้ถูกสั่งหรือขึ้นตรงกับ ยูฟ่า แต่อย่างใด
"มันเป็นเรื่องที่สำคัญ (FFP) มันเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญหลายเรื่องของพวกเรา มันอาจจะเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าผมไม่สามารถพูดเกี่ยวกับกรณีที่เป็นรูปธรรม แต่เรามีองค์กรที่เป็นอิสระที่กำลังทำการตัดสินใจ"
"จะมีการแข่งขันมากมายในอนาคต การเปลี่ยนแปลงของสโมสร สโมสรที่ใหญ่กว่าเดิม ที่มีอุปกรณ์มากขึ้น ฟุตบอลกลายมาเป็นกีฬาของโลกมากขึ้น และ ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย มันประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้เราจะไปต่อจากจุดนี้อย่างไร? เราจะทำให้กฎส่งผลให้การแข่งขันมีความสมดุลได้อย่างไร?"
สิ่งเหล่านี้ เซเฟริน เผยว่าทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกำลังถกเถียงถึงก้าวต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้การแข่งขันออกมาสมดุลที่สุด ถือเป็นโจทย์ยากมากเพราะฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่มีสโมสรมากมายหลายพันหลายหมื่นทีม ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ยากของการพัฒนาที่ทำให้ทุกๆสโมสรเท่าเทียมกัน
อย่างที่ทราบว่าแต่ละสโมสรมีขนาด ปัจจัย การเงิน หรือแม้แต่ทีมงานที่ไม่เข้ากัน ซึ่งสิ่งนั้นเปรียบได้กับโจทย์ที่ยากของ เซเฟริน ที่อยากจะทำให้ฟุตบอลเกิดความเท่าเทียม และแน่นอนว่า 'FFP' คือเครื่องมือและเป็นองค์กรที่ประธานของยูฟ่า หวังว่าจะช่วยให้แต่ละสโมสรมีความเหมือนกันในตลาดนักเตะ
สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือแนวคิดในการจำกัดนักเตะที่จะถูกปล่อยยืมออกไปของแต่ละสโมสร เพราะปัญหาเหล่านี้ถือเป็นปัญหาที่มองข้ามไม่ได้ บางสโมสรมีนักเตะในสัญญากว่า 180 ราย (รวมทุกชุด) และเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งนักเตะทุกคนลงสนาม และนั่นจึงเป็นที่มาของการต้องปล่อยบรรดาดาวรุ่งหรือส่วนเกินในทีมออกไปให้สโมสรอื่นๆยืมใช้งาน
"เรามีการจำกัดนักเตะใน แชมเปี้ยนส์ ลีก เอาไว้ที่ 25 ราย แต่ไม่มีการจำกัดในการลีกระดับชาติ เรามีบางสโมสรที่มีนักเตะในสัญญาถึง 190 ราย แล้วทำไมเราต้องการการยืมตัวมากขนาดนั้น? ถ้าคุณซื้อนักเตะและปล่อยเขาออกไปให้ยืม เขามีอายุ 19 ปี ผมพอเข้าใจได้ แต่ถ้าเขาอายุ 32 ปี และคุณซื้อเพื่อทำให้ทีมอื่นๆอ่อนลงไป ซึ่งผมไม่ได้กล่าวถึงกรณีในอังกฤษเท่านั้น"
ชัดเจนว่าแนวคิดต่างๆของ เซเฟริน ต่างโดนทีมใหญ่คัดค้านต่อต้าน และแอบหมั่นไส้พอสมควร เพราะไม่ว่าจะเป็นกฎการเงิน หรือแนวคิดใหม่ๆ อาทิ การจำกัดนักเตะ หรือการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงเวลาลงสนามในการายการยุโรป ส่งผลเสียต่อบรรดายักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้น (ซึ่งขึ้นอยู่แต่ละกรณีไป)
ยังมีแนวคิดถูกเผยออกมาจากจากให้สัมภาษณ์กับ เดลี่ เมล์ สื่อดังของอังกฤษ เกี่ยวกับเรื่องตลาดนักเตะที่ เซเฟริน มองไปถึงการนำเอาหลักการและแนวคิดของ เมเจอร์ลีก เบสบอล ในสหรัฐฯมาใช้งาน นั่นคือหากเจ้าของสโมสรต้องการลงทุนในตลาดซื้อขายคือค่าแรง 100 ล้านปอนด์ พวกเขาก็จะต้องจ่ายเงินจำนวนเดียวกันให้กับกองทุนสาธารณะ ซึ่งเงินตรงนี้จะนำเอาไปทำประโยชน์ในด้านต่างๆ
เรื่องนี้ เซเฟริน ได้วางแนวคิดเอาไว้คร่าวๆ โดยเขามองว่าหากเรื่องนี้ได้รับการเห็นชอบและเปิดให้ใช้งาน ก็จะนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือบรรดาแฟนบอลที่ต้องเดินทางไปเชียร์ทีมรักนอกประเทศ โดยจะยึดตามรายการสำคัญๆ อาทิ นัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ ยูโรปา ลีก เพราะเกมชิงดำทั้งสองนัดในฤดูกาลนี้ถูกวิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะ ยูโรปา ลีก ที่โดนในแง่ของการเดินทาง และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ถูกตำหนิในเรื่องค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าปกติ
"เรายังคิดถึงภาษีสิ่งฟุ่มเฟือยที่อาจจะนำมาใช้ได้ คือถ้าคุณลงทุน 100 ล้านปอนด์ จากนั้นคุณจ่ายอีก 100 ล้านปอนด์ และทุกๆคนต้องเคารพในกฎนั้น"
"มีแนวคิดบางอย่าง ที่มันอาจจะเป็นสิ่งที่ตรงไปตรงมาหรือได้รับความนิยม ว่าเราจะหยุดมัน (ความไม่สมดุลในการแข่งขัน) เราจะไม่หยุด เพียงแค่พยายามลดลงมานิดหน่อย มันเป็นปัญหาที่เราต้องเผชิญ มันอยู่ในขั้นตอนและเราต้องมาถกเถียงเรื่องนี้กับบรรดาผู้ถือหุ้น"
นั่นคือแนวคิดโดยรวมที่ เซเฟริน แสดงให้ถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดที่ตนเองรวมไปถึงองค์กรอย่าง ยูฟ่า กำลังจะผลักดัน
แน่นอนว่าประเด็นสำคัญยังคงหนีไม่พ้นเรื่องกฎการเงิน โดยเฉพาะตอนนี้ที่สโมสรดังอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเผชิญอยู่ แต่ เซเฟริน เชื่อว่าคณะกรรมการจะทำงานอย่างมีอิสระและตัดสินอย่างถูกต้อง นอกจากนี้เขายังปฏิเสธว่า ยูฟ่า จ้องเอาผิดกับบรรดาสโมสรใหญ่ๆเท่านั้น
"ไม่ว่ากรณีใดก็ตามเราจะบังคับให้ทำตามกฎ มันไม่เกี่ยวกับกรณีที่เป็นรูปธรรม แต่สำหรับ ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ จะไม่มีคำว่าสโมสร เล็ก กลาง หรือใหญ่ ผมรู้ว่าทุกๆคนพูดแบบนั้นกัน แต่ผมหมายความแบบนั้นจริงๆ ผมเชื่อในเรื่องความมีอิสระของพวกเราและพวกเขาจะพิจารณาได้อย่างเหมาะสม"
"ผมไม่อยากแสดงความเห็นอะไรต่อหน้าสาธารณะ เราเชื่อมั่นในพวกเขา (คณะกรรมการควบคุมการเงินของสโมสร) ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในตัวพวกเขา เราก็จะเปลี่ยนตัว พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญและเราไม่สามารถเข้าไปทำการตัดสินใจถึงสิ่งที่พวกเขาจะทำ"
นอกจากการดำเนินงานตามที่ตนเองและทีมงานวางไว้ สิ่งที่สำคัญควบคู่ไม่แพ้กันคือการแสดงให้ทุกคนเห็นว่ากฎที่ทาง ยูฟ่า ตั้งขึ้นมานั่นโปร่งใสและมีประโยชน์ในการพัฒนาองค์และเกมลูกหนัง
นั่นคือสิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า ยูฟ่า ภายใต้การนำของ เซเฟริน ดำเนินมาในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากดูจากแนวคิดของประธานคนนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองทำลงไป
กาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่ากฎระเบียบที่ออกมา หรือแนวคิดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น ดีกับวงการฟุตบอลจริงหรือไม่
