:::     :::

คุยกับ "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ : "ขึ้นแล้วอย่าหลง ลงแล้วอย่าท้อ"

วันพฤหัสบดีที่ 06 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
12,964
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากเกมที่ไทยพ่ายต่อเวียดนาม อย่างน่าเจ็บใจ 0-1 ในศึกคิงส์คัพ 2019 ความรู้สึกของผมคือกร่อยสนิทไม่ต่างไปจากแฟนบอลไทยทุกคน แน่นอนว่ามีข้อวิจารณ์มากมายที่อยากจะพิมพ์ออกมา แต่เราเองก็ไม่ใช่โค้ชหรือนักเตะ ดังนั้นเพื่อให้เป็นความคิดเห็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ผมจึงเลือกคุยกับตำนานกองหน้าทีมชาติไทยอย่าง "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ซึ่ง "พี่ตุ๊ก" จะมีมุมมองอย่างไรบ้าง ติดตามกันเลยครับ


แมน : สวัสดีครับพี่ตุ๊ก ผมอยากถามความเห็นของพี่หลังจากที่ไทยแพ้เวียดนาม ว่าตอนนี้สามารถพูดได้เลยมั้ยว่าไทยไม่ใช่ทีมที่ดีกว่าเวียดนามอีกต่อไปแล้ว

ปิยะพงษ์ : พี่มองว่ามันเป็นเรื่องการเลือกตัว 11 ผู้เล่นที่ลงสนาม และแท็กติกการเล่นที่โค้ชเลือกใช้มากกว่า ต้องดูว่า 11 ตัวจริงที่เลือกลงไปนั้นบางตำแหน่งเหมาะสมที่สุดแล้วหรือยัง โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าทีมใดก็ตามการใช้ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีกับสโมสร ความมั่นใจและจังหวะต่างๆ มันก็ไม่เข้าที่เข้าทางหรอกครับ  

แมน : เป็นเพราะการขาด ชนาธิป กับ ธีรศิลป์ หรือเปล่าครับ ถ้าหากฟูลทีมพี่คิดว่าเราจะชนะเขาได้หรือเปล่า

ปิยะพงษ์ : คิดแบบนั้นไม่ได้หรอก เราไม่มีทางใช้นักเตะคนสำคัญได้ทุกเกมอยู่แล้ว แน่นอนว่าถ้ามี ชนาธิป กับ ธีรศิลป์ โค้ชก็สามารถเลือกผู้เล่นได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นนักเตะที่มีศักยภาพ แต่ถึงขาดผู้เล่นคนสำคัญไป ในส่วนของโค้ชเองก็มีหน้าที่เลือกนักเตะที่พร้อมที่สุดเข้ามาแทน และหาวิธีการใช้งานทรัพยากรที่มีอยู่ให้ออกมาดีที่สุด

แมน : หมายความว่าเราควรต้องยึดระบบการเล่นเป็นหลักให้ได้ มากกว่าหวังพึ่งตัวบุคคล

ปิยะพงษ์ : ทั้งสองอย่างต้องประกอบกัน แน่นอนว่าระบบการเล่นต้องเป็นหลักก่อน แต่หากมีผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างได้มันก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ 

แมน : พี่ตุ๊กคิดว่าถึงแม้เราขาดผู้เล่นคนสำคัญไป ก็ต้องมีวิธีเอาชนะเวียดนามได้อยู่ดีใช่มั้ยครับ

ปิยะพงษ์ : ทีมฟุตบอลเดี๋ยวนี้ในอาเซียนทันกันแทบจะทุกทีมแล้ว นักเตะในไทยลีกเองก็มีศักยภาพที่ดี อยู่ที่โค้ชจะมีแท็กติกหรือวิธีการยังไงในการเอามาใช้ พี่ไม่เห็นด้วยที่พอทีมแพ้แล้วจะกล่าวโทษนักเตะคนไหน อย่างกวินทร์ น่ะไม่ต้องไปด่าน้องมันหรอก เพราะน้องมันก็พยายามเต็มที่เมื่อได้รับมอบหมาย เขาเองก็ดีพอที่จะเป็นมือหนึ่งในทีมชาติไทยอยู่แล้ว หรืออย่างการเรียกร้องหา ชนาธิป หรือ ธีรศิลป์ ตอนนี้ ธีรศิลป์ จะ 31 แล้ว อีกไม่เกิน 2 ปีก็อาจจะเลิกเล่นทีมชาติ หน้าที่ของโค้ชก็คือต้องหาคนเข้ามาทดแทนให้ได้ ไม่งั้นคนก็ถามถึงแต่ ปิยะพงษ์ แล้วสิ ถ้าจะต้องหวังพึ่งจนขาดใครไปไม่ได้เลย

แมน : พี่ตุ๊กมองว่าการคัดเลือกผู้เล่นเข้ามาติดทีมชาติของไทยมีปัญหา

ปิยะพงษ์ : พี่ไม่ได้อยากกล่าวโทษโค้ชนะ พี่มองในฐานะที่เราเป็นแฟนบอล ไม่ได้เข้าไปคลุกคลีในการฝึกซ้อมหรือนั่งดูผู้เล่น ถ้าพี่เป็นโค้ชหรือเป็นประธานเทคนิคก็คงพูดได้เต็มปากมากกว่า คือในระดับโลกทุกๆ ทีมก็ต้องยึดผู้เล่นที่ผลงานปัจจุบันดีที่สุดเข้ามาติดทีมชาติก่อน ไม่ได้ยึดจากชื่อเสียงหรือผลงานในอดีต แต่ก็นั่นแหละพี่ไม่เห็นตอนซ้อม โค้ชเขาก็อาจจะมองว่าผู้เล่นน่าจะดีที่สุดแล้วสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน 

แมน : หลายคนวิจารณ์โค้ชโต่ย เรื่องที่ส่ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ลงมาในช่วงท้ายเกม ในสถานการณ์ที่ทีมเสมออยู่ และเรากำลังเป็นฝ่ายบุกเพื่อลุ้นชนะใน 90 นาที แทนที่จะส่งคนที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่าง สุรชาติ สารีพิมพ์, อดิศักดิ์ ไกรษร อาจจะไม่นับรวม ธีรศิลป์ ที่ไม่สมบูรณ์ พี่ตุ๊กคิดว่ายังไง

ปิยะพงษ์ : โต่ยเขาอาจจะมองเห็นว่า ศุภณัฏฐ์ ถึงแม้จะอายุยังน้อย แต่ในสโมสรหรือทีมชาติชุดเยาวชน เวลาเขาถูกส่งลงมาในช่วงท้ายแล้วสามารถเปลี่ยนเกมได้บ่อยๆ ใช้ความเร็วความสดเข้ามาสู้กับกองหลัง ถ้าเกมนี้ ศุภณัฏฐ์  ยิงประตูได้เสียงวิจารณ์ก็คงจะกลับตาลปัตร คือคนวิจารณ์ก็ดูจากข้อมูลหรือผลงาน แต่คนเป็นโค้ชมันมีหลักการรายละเอียดอีกเยอะแยะมากมาย

แมน : เกมนัดชิงที่ 3 กับอินเดีย พี่ตุ๊กมองว่ายังไง

ปิยะพงษ์ : คือการชิงที่ 3 ความทุ่มเทของผู้เล่นทั้งไทยและอินเดีย พี่ก็ไม่มั่นใจนะว่าจะเต็มร้อยมากแค่ไหน มันไม่เหมือนเกมนัดชิงอยู่แล้ว และแต่ละคนก็มีหน้าที่ต้องกลับไปรับใช้สโมสรในอีกไม่กี่วัน การโรเตชั่นก็ต้องมีแน่ๆ ล่ะ และคนที่ได้รับโอกาส ก็คงต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถเล่นได้ 

แมน : ถ้าไทยแพ้ขึ้นมานี่จะไม่ยิ่งไปกันใหญ่เลยหรอครับ อินเดียนี่ก็ไม่ธรรมดาเลยนะพี่ จะว่าไปเขาก็มีโอกาสชนะเราได้เหมือนกัน

ปิยะพงษ์ : พี่ว่าโต่ยเขาก็รู้ตัวดีอยู่แล้วล่ะตั้งแต่ก่อนเริ่มทัวร์นาเม้นต์ว่าชะตาเขาเป็นยังไงหลังจบรายการ ถ้าเกิดแพ้อีกก็อาจจะมีผลกระทบเยอะหน่อย อาจจะต้องเงียบหายไปสักพักเหมือนกัน เพราะฟีดแบ็คของแฟนบอลต้องตำหนิโค้ชอยู่แล้่ว 

แมน : ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโค้ชทีมชาติไทย พี่ตุ๊กมองว่าควรจะเป็นโค้ชไทยหรือต่างชาติ เพราะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจะแข่งในเดือนกันยายนนี้แล้ว นี่ก็เหลืออีกแค่ 3 เดือนเอง

ปิยะพงษ์ : ถ้าเป็นโค้ชต่างชาติก็คงต้องเป็นคนที่รู้จักนักเตะและเข้าใจวัฒนธรรมของไทยเป็นอย่างดี โค้ชต่างชาติในไทยหลายๆ คนก็มีฝีมือและประสบการณ์ ถ้าจะเลือกโค้ชต่างชาติน่ะนะ แต่ถ้าเป็นคนไทย จริงๆ พี่ก็มองว่าอย่าง วรวรรณ ชิตะวณิช ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เขาเคยเป็นกุนซือยอดเยี่ยมของลีกสิงคโปร์มาแล้ว หรืออย่าง ตะวัน (ธชตวัน ศรีปาน) ก็มีคุณสมบัติที่ดี อยู่ที่ทางสมาคมแหละครับว่าจะตัดสินใจยังไง

แมน : มีนักข่าวเวียดนามยิงคำถามใส่พี่โต่ยว่า ยอมรับแล้วหรือยังว่าไทยคือเบอร์2ของอาเซียน คำถามแบบนี้ทำให้พี่ในฐานะที่เคยเป็นนักเตะทีมชาติไทยรู้สึกเจ็บปวดมั้ย

ปิยะพงษ์ : พี่จะขอใช้คำของหลวงพ่อคูณที่ว่า "ขึ้นแล้วอย่าหลง ลงแล้วอย่าท้อ" จริงๆ เรื่องแรงกิ้งมันก็ต้องให้ความสำคัญแหละ แต่อย่าลืมว่าไม่มีใครที่จะยืนอยู่เบอร์หนึ่งได้ตลอดกาล แม้กระทั่ง บราซิล ก็เคยแพ้เยอรมัน 7 ลูก เยอรมันก็เพิ่งจะตกรอบแรกฟุตบอลโลกด้วยการแพ้เกาหลีใต้ ฝรั่งเศสที่เคยแพ้หลายเกมติดๆ ก็กลับมาเป็นแชมป์โลกได้ แน่นอนล่ะว่าการที่เวียดนามชนะไทยมันคือความน่าภาคภูมิใจของเขา แต่พี่ว่าเราไม่ต้องไปซีเรียสกับการเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียนอะไรขนาดนั้น กีฬามันมีแพ้ชนะอยู่แล้ว สิ่งที่เราควรสนใจมากกว่าคือจะนำข้อผิดพลาดไปแก้ไขปรับปรุงยังไงเพื่อจะให้มันดีกว่าเดิม

แมน : ออสการ์ ตาร์บาเรซ โค้ชของอุรุกวัยเคยคอมเม้นท์ไว้ว่าทีมชาติไทยต้องหาสไตล์การเล่นของตัวเองให้เจอ อย่างตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่าเวียดนามมีสไตล์เป็นของตัวเอง ใช้เกมเพรสซิ่ง, รับเหนียวแน่น, เล่นหนัก และโต้กลับรวดเร็ว

ปิยะพงษ์ : ปาร์ค ฮัง โซ เขาเป็นโค้ชที่กำหนดไดเร็คชั่นของทีมได้ชัดเจนอยู่แล้ว เขามีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องใช้วิธีการแบบไหนในการเจอคู่ต่อสู้แต่ละทีม ไลฟ์สไตล์ของนักเตะเวียดนามก็อาจจะเข้ากันได้ดีกับวิธีการแบบเกาหลี เราเองก็ต้องหาวิธีการของตัวเองให้ได้เหมือนกันแต่้พี่ยังมองว่าเราเป็นทีมที่ดีแต่การเลือกนักเตะและแท็กติกการเล่นของเราสู้ฝั่งเวียดนามในตอนนี้ไม่ได้

แมน : วันก่อน มีนักข่าวเกาหลีใต้ถาม เหงวียน กง เฝือง กองหน้าเวียดนามที่เพิ่งถูกยกเลิกสัญญากับอินชอน ยูไนเต็ด ว่ารู้จัก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน มั้ย พี่ตุ๊กคิดว่าทำไมเขาถึงถามแบบนั้น

ปิยะพงษ์ : พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเขาคิดยังไงถึงถามแบบนั้น (หัวเราะ) อาจจะมองว่าเป็นนักเตะอาเซียนด้วยกัน แล้วนอกจากพี่ก็ยังไม่เคยเห็นมีใครไปเล่นที่เกาหลีใต้เลย ถึงมีก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าเรา

แมน : ถ้าลองเดาความคิดไปเอง เขาอาจจะสื่อว่านักเตะอาเซียนก็เคยประสบความสำเร็จหรือเปล่า โค้ชของอินชอน ให้สัมภาษณ์ว่า เหงวียน กง เฝือง มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับทุกอย่างในเกาหลีใต้ ทั้งฟุตบอล, การใช้ชีวิต และการเข้ากับเพื่อนร่วมทีม และเขาไม่มีความพยายามที่จะปรับด้วยซ้ำ

ปิยะพงษ์ : แน่นอนว่าเกาหลีหรือญี่ปุ่นเขามองนักเตะอาเซียนด้อยกว่าเขาอยู่แล้ว เพราะพวกเรายังไม่เคยได้ไปบอลโลก กว่าจะทำให้เขายอมรับได้มันต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างมาก กว่าจะทำให้เขายอมส่งบอลให้มันไม่ง่ายหรอก แต่ในโอกาสที่น้อยนั่นแหละ พอมีจังหวะเราก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราที่เป็นนักเตะต่างชาติสามารถสร้างความแตกต่างได้

แมน : แต่ ชนาธิป หรือคนอื่นๆ อย่าง ธีราทร, ฐิติพันธ์ หรือ ธีรศิลป์ ก็ทำผลงานได้ไม่เลวในเจลีกนะพี่

ปิยะพงษ์ : สิ่งที่อาจแตกต่างก็คือนิสัยคนไทย เป็นคนนอบน้อม และปรับตัวเข้ากับที่ใหม่ๆ ได้ดี แบบว่าเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ทั้ง 4 คนมีศักยภาพที่สูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ชนาธิป ที่เป็นคนนครปฐมบ้านเดียวกับพี่ คนนครปฐมนิสัยน่ารักอยู่แล้ว เวลาไปไหนมาไหนเจอใครก็ยกมือไหว้ สวัสดีคร้าบ ถ้าเขาไม่คุยด้วยเราก็เข้าไปคุยกับเขาเองก่อน

แมน : ตอนสมัยพี่ตุ๊กไปเล่นที่เกาหลีใต้ เจอปัญหาเรื่องการปรับตัวเยอะมั้ยครับ มีปัญหากับหัวโจกในทีมบ้างหรือเปล่า กว่าจะมีเพื่อนสนิทในทีมยากมั้ย

ปิยะพงษ์ : เพื่อนสนิทก็มีเวลาอยู่นอกสนาม เราไปอยู่ต่างถิ่นก็พยายามเข้าหาเขาก่อนอยู่แล้ว เวลาไปซ้อมก็สวัสดีคร้าบ อันยองฮาเซโย ไปเรื่อย ตอนแรกไม่มีใครส่งบอลให้พี่เลย เราก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเวลาบอลอยู่กับเรา เรายิงประตูได้ เราจ่ายให้เพื่อนยิงได้ พี่พูดง่ายๆ เลยนะ ใครอยากประสบความสำเร็จในการไปเล่นที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ ให้ดู ชนาธิป เป็นตัวอย่าง เรื่องฝีเท้าก็เรื่องนึง แต่เรื่องระเบียบวินัยและการวางตัว ถ้าทำแบบชนาธิปได้จะไปเล่นที่ไหนก็ได้

แมน : พี่ตุ๊กคิดว่า ชนาธิป สามารถไปเล่นที่ยุโรปในตอนนี้่ได้เลยมั้ย

ปิยะพงษ์ : ได้อยู่แล้ว และควรไปให้เร็วที่สุดด้วย แล้วเขาจะเก่งขึ้นอีกเยอะ แต่ต้องไม่ใช่ทีมระดับหัวตารางของลีกใหญ่ๆ นะ ถ้าทีมระดับกลางหรือล่างจะดีกว่าเพื่อไปแล้วจะได้มีโอกาสลงสนาม ต้องลองไปดู ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็ยังกลับไปญี่ปุ่นได้ ทีมญี่ปุ่นพร้อมอ้าแขนรับชนาธิปอยู่แล้ว และต่อให้ไปญี่ปุ่นไม่ได้แล้วก็ยังกลับมาเล่นในไทยได้สบายๆ 

แมน : ผมอ่านเจอว่า อันเดอร์เลช ของเบลเยียม เคยติดต่อทาบทามพี่ตุ๊กไปร่วมทีม เป็นเรื่องจริงมั้ยครับ

ปิยะพงษ์ : ใช่ครับ มีข้อเสนอยื่นมาให้ แต่เรื่องนี้รายละเอียดมันเยอะ ถ้าจะให้พูดมันก็ยาว สุดท้ายพี่ก็ตัดสินใจไม่ไป แล้วกลับมาอยู่เมืองไทย

แมน : คำถามนี้ต้องขอโทษก่อนนะครับพี่ตุ๊ก ผมเคยได้ยินคนพูดว่าพี่เป็นพวกอารมณ์ศิลปิน ขี้เกียจซ้อม รุ่นพี่นักเตะหมั่นไส้เยอะ อันนี้จริงมั้ย

ปิยะพงษ์ : จริง ถ้าเป็นตอนอยู่ไทยนะ เพราะบ้านเราสมัยนั้นฟุตบอลมันไม่เป็นอาชีพ ตอนเช้าก่อนมาซ้อมยังต้องไปเรียนหนังสืออยู่เลย หรือบางทีก็ต้องเข้าไปทำงานที่ทหารอากาศแล้วตกเย็นก็มาซ้อมบอล สมัยนั้นฟุตบอลมันเหมือนเป็นงานอดิเรกมากกว่า การฝึกซ้่อมก็ในระดับนึงนะ แต่ไม่ได้เป็นหลักสูตรมีมาตรฐานเหมือนสมัยนี้ แต่ถ้าเป็นที่เกาหลี พี่พูดได้เลยว่าระเบียบวินัยพี่อยู่ระดับเดียวกับพวกเกาหลี เพราะอยู่ตรงนั้นพี่ไปเป็นนักเตะอาชีพ ไปเล่นเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ มันถึงต่างกัน

แมน : ผมคุยกับพวกเอเจนต์ เขาเล่าให้ฟังว่าปีหน้าจะมีนักเตะไทยไปเล่นในเคลีก ของเกาหลีใต้ค่อนข้างแน่ พี่ตุ๊กอยากฝากคำแนะนำอะไรไปถึงน้องๆ บ้างครับ 

ปิยะพงษ์ : พี่ยินดีเลยนะ ให้ไปพุดเรื่องการปรับตัว วิธีการต่างๆ ในเกาหลี หรือจะให้พี่ไปช่วยซ้อมให้ พี่พร้อมเลย อยากให้ไปกันเยอะๆ แต่เกาหลีพี่ว่าจะยากกว่าญี่ปุ่นนะ ญี่ปุ่นระเบียบวินัยสูงยังไง เกาหลีใต้ยิ่งกว่าอีก เพราะวิถีชีวิตของคนเกาหลีค่อนข้างเป็นระเบียบและจริงจังมาก ถ้าใครจะไปเล่นที่เกาหลี มาคุยกับพี่ได้เลย ยินดีๆๆ

แมน : ผมขอรบกวนพี่เท่านี้นะครับ วันนี้ขอบคุณมากครับพี่ตุ๊ก 

ปิยะพงษ์ : ได้เลยครับแมน ยินดีมากๆ


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด