:::     :::

จากอดีตถึงปัจจุบันของ'โกลเด้น บอย'(ตอน 1)

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
4,761
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เป็นผู้เล่นคนแรกที่คว้ารางวัล'โกลเด้น บอย'เมื่อปี 2003 ผ่านมาจนถึงปีนี้มีนักเตะรับรางวัลนี้แล้ว 16 คนแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้างไปติดตามกันครับ

'โกลเด้น บอย'เป็นรางวัลจากนักข่าวกีฬาที่มอบให้กับผู้เล่นดาวรุ่งที่ทำผลงานโดดเด่นในยุโรปในรอบปีปฏิทินโดยนักเตะที่ได้รับการเสนอชื่อต้องมีอายุต่ำกว่า 21 ปีและเล่นอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศ โดยเริ่มต้นมอบรางวัลนี้ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 ซึ่ง ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท มิดฟิลด์ชาวดัตช์ของ อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม เป็นคนแรกที่คว้ารางวัลนี้มาจนถึงคนที่ 16 มัทไธส์ เดอ ลิกท์ จากค่ายเดียวกัน

นับจาก ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ผ่านมา 16 ปี แต่ละคนที่เคยรับรางวัล'โกลเด้น บอย'ตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้างไปดูกันครับ


2003 : ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม)

ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เริ่มต้นอาชีพอย่างยิ่งใหญ่และรวดเร็วหลังฝึกฝนทักษะลูกหนังบนถนนในกรุงอัมส์เตอร์ดัมก่อนย่างเท้าเข้าสู่โรงเรียนลูกหนังของอาแจ็กซ์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบและหล่อหลอมจนกลายเป็นผู้เล่นที่มีเทคนิคความสามารถยอดเยี่ยมจนกระทั่งย้ายมาค้าแข้งกับ ฮัมบูร์ก ในอีก 12 ปีต่อมา 

มิดฟิลด์ชาวดัตช์ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของอาแจ็กซ์ตั้งแต่อายุ 17 ปีและคว้าแชมป์พรีเมียร์ดัตช์ 2 สมัยในปี 2002 และ 2004 สร้างชื่อด้วยการเป็นมิดฟิลด์ที่ยิงถึง 14 ประตูในซีซั่น 2001-2002 และกระทุ้งอีก 18 ประตูในฤดูกาลถัดมา 

แต่การบาดเจ็บขัดขวางความก้าวหน้าของเขาพอสมควร ก่อน ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการย้ายซบ ฮัมบูร์ก ในปี 2005 ทว่าการเลือกย้ายขึ้นไปเล่นทางตอนเหนือของเยอรมันเป็นหนึ่งในการตัดสินใจอันชาญฉลาด ในปี 2008 เขาย้ายมาเล่นกับ เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่ของสเปนด้วยค่าตัว 13 ล้านยูโร ค้าแข้งอยู่ที่นั่น 2 ซีซั่นก่อนย้ายไปอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จนกระทั่งกลับมาอยู่กับทีมสิงห์เหนือคำรบสองในปี 2012

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท อยู่ในช่วงถดถอยเหมือนทีมสิงห์เหนือหลังจบอันดับ 7 ในปี 2013 แต่เกือบจะตกชั้นตลอด 2 ปีถัดมาและการตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งกับ เรอัล เบติส ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม เขาแทบจะไม่เหลือความโดดเด่นจนต้องระเห็จออกจากสเปนหลังอยู่ได้เพียงปีเดียว ก่อนย้ายไปเล่นในเดนมาร์กซูเปอร์ลีกกับ มิดทิลแลนด์ สองซีซั่นและปิดท้ายกับ เอสเบิร์ก จนกระทั่งประกาศอำลาวงการเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 


2004 : เวย์น รูนี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน/แมนฯยูไนเต็ด)

หลังการลงเล่นทีมชุดใหญ่ของเอฟเวอร์ตัน 2 ปีและยังทำผลงานโดดเด่นในศึกยูโร 2004 กับทีมชาติอังกฤษ มันเป็นช่วงเวลาที่'โกลเด้น บอย'ของเมืองผู้ดีจะย้ายไปเล่นกับทีมที่ยิ่งใหญ่กว่า นิวคาสเซิ่ล ต้องการเขาแต่ข้อเสนอ 20 ล้านปอนด์ถูกปฏิเสธ ก่อน แมนฯยูไนเต็ด จะคว้าตัวไปร่วมทีมด้วยสนนราคา 25 ล้านปอนด์กลายเป็นสถิติผู้เล่นอายุต่ำกว่า 20 ปีที่มีค่าตัวแพงสุดในขณะนั้น 

ภายใต้การดูแลของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้เขากระทุ้ง 11 ประตูบนเวทีพรีเมียร์ลีกซีซั่นแรกกับทีมปีศาจแดง ตามด้วยการยิงประตูแตะสองหลักอีก 10 ฤดูกาลติดต่อกัน ซึ่งเป็นการยิงมากกว่า 25 ประตูถึงสองซีซั่น มีส่วนช่วยยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัยและแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอีกหนึ่งครั้ง

รูนี่ย์ ปิดฉากการค้าแข้งกับ แมนฯยูไนเต็ด นาน 13 ฤดูกาลหลังย้ายกลับ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 แต่อยู่กับทีมทอฟฟี่เพียงปีเดียว ก่อนเซ็นสัญญา 3 ปีครึ่งกับ ดี.ซี.ยูไนเต็ด ของเมเจอร์ลีกและยังค้าแข้งมาจนถึงปัจจุบัน 


2005 : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)

'ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้จากผู้เล่นวัยรุ่นมาก่อนเลย'ฟาบิโอ คาเปลโล่ กล่าวหลังการดูเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เล่นงานลูกทีมประสบการณ์ของเขาในเกมปรีซีซั่นปี 2005 ระหว่าง ยูเวนตุส กับ บาร์เซโลน่า 'ตอนจบเกม ผมเดินไปหา แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด และขอยืมตัวเขามาเล่นหนึ่งซีซั่นเพราะพวกเขามีนักเตะนอกอียูเกินโควตา 3 คน (เมสซี่ ได้รับพาสสปอร์ตสเปนในอีกหนึ่งเดือนต่อมา) เขาหัวเราะและพูดว่า'ไม่มีทาง''

บาร์เซโลน่า รู้ดีว่าพวกเขามีเพชรล้ำค่าอยู่ในมือและตอนนี้คนอื่นเริ่มมองเห็นเช่นเดียวกัน เมสซี่ ณ ตอนนั้นยังไม่ใช่เครื่องจักรผลิตประตูเหมือนทุกวันนี้ แต่ด้วยทักษะการเลี้ยงลูกฟุตบอลทำให้ผู้คนจ้องมองจนแทบขากรรไกรค้างและเขาถูกคาดการณ์ว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นดีที่สุดในอนาคต 

'ดีที่สุดในโลก? ผมไม่ใช่นักเตะเก่งที่สุดในบาร์ซ่า' โรนัลดินโญ่ แข้งดาวดังของบาร์เซโลน่ากล่าวไว้ในช่วงปี 2005 ซึ่งแนวรุกชาวบราซิเลียนกำลังพูดถึงรุ่นน้องในทีมที่ชื่อเมสซี่ 

ผ่านมาจนถึงวันนี้ เมสซี่ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับ บาร์เซโลน่า เขาคว้าแชมป์ลีกา 10 สมัย, โกปา เดล เรย์ 6 สมัย, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 3 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 3 ครั้ง และ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 7 ครั้ง 


2006 : เชส ฟาเบรกาส (อาร์เซน่อล)

อาร์เซน่อล ส่งเด็กหนุ่มชาวสเปนลงประเดิมทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนที่ ฟาเบรกาส จะกลายเป็นผู้เล่นขาประจำในทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ โดยลงเล่นร่วมกับ จิลแบร์โต้ ซิลวา และ ปาทริค วิเอร่า 

มิดฟิลด์ชาวสเปนปรับสถานะจากศิษย์เอกของเวนเกอร์ก้าวขึ้นมาแบกรับภาระรับผิดชอบมากขึ้นหลัง วิเอร่า ย้ายไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส ในปี 2005 ซึ่ง ฟาเบรกาส ตอบสนองด้วยการโชว์ฟอร์มน่าประทับใจแบบสม่ำเสมอ ก่อนจะคว้ารางวัล'โกลเด้น บอย'ในปี 2006 ด้วยวัยเพียง 19 ปี โดยลงเล่นพรีเมียร์ลีกมากว่า 100 เกม 

ฟาเบรกาส ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2005 แต่หลังจากนั้นเขาไม่เคยคว้าแชมป์กับ อาร์เซน่อล อีกเลยจนกระทั่งย้ายกลับ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 แต่ก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีกา, โกปา เดล เรย์, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ กับ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ รายการละสมัย ส่วน สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ได้สองครั้ง 

เขาหวนกลับอังกฤษอีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญากับ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 ก่อนคว้าแชมป์ที่รอคอยหลังกดโทรฟี่พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ อีกรายการละครั้ง จนกระทั่งอำลาถิ่น'สแตมฟอร์ด บริดจ์'ย้ายไปค้าแข้งกับ โมนาโก ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา 


2007 : เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน (แอตเลติโก มาดริด)

ตอนที่คุณประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 15 ผู้คนจะคาดหวังกับคุณมากกว่าที่เคยเป็น เหมือนตอน เฟร็ดดี้ อาดู ลงประเดิมสังเวียนตั้งแต่อายุ 14 ปี แต่นั่นคือสิ่งที่คุณต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นเพราะความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวจนได้รับโอกาสจากเทรนเนอร์ตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จเหมือน เซร์คิโอ กุน

อเกวโร่ สร้างชื่อกับ อินเดเปนเดียนเต้ ก่อน แอตเลติโก มาดริด จะจ่ายเงิน 23 ล้านยูโรดึงเข้าสังกัดในปี 2006 เพื่อเป็นทายาทของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ซึ่งย้ายไปค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล เขาทำผลงานโดดเด่นตั้งแต่ซีซั่น 2007-2008 หลังกระทุ้ง 7 ประตูจากการลงเล่น 11 เกมแรก ซึ่งรวมถึงการซัดประตูทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด ตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาล จากผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้ กุน คว้ารางวัล'โกลเด้น บอย'ปีนั้นไปครอง 

ตลอด 4 ฤดูกาลหลังสุดที่ค้าแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด เขาไม่เคยยิงประตูต่ำกว่าสองหลักจนกระทั่ง แมนฯซิตี้ ทุ่มเงิน 38 ล้านปอนด์ดึงตัวไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 ตลอดช่วง 2 ฤดูกาลที่ลงเล่นกับทีมเรือใบ เซร์คิโอ กุน กระทุ้งรวมกัน 231 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 337 เกม พร้อมฟาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัน, ลีก คัพ 4 สมัย และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2 ครั้ง หลังเคยคว้าแชมป์ยูโรปาลีก กับ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ กับทีมตราหมีเท่านั้น 


2008 : อันแดร์ซอน หลุยส์ เดอ อาเบรว โอลิเวยร่า (แมนฯยูไนเต็ด)

'อานนนน-แดร์รรร-ซอน,ซอน,ซอน'เขาดีกว่า คเลแบร์ซอน'เสียงเพลงที่กองเชียร์ปีศาจแดงแต่งเพื่อร้องเชียร์มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวบราซิเลียนที่ แมนฯยูไนเต็ด ดึงมาจาก ปอร์โต้ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2007 โดยเป็นแข้งจากเมืองกาแฟรายที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสรต่อจาก คเลแบร์ซอน ที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงสำหรับการค้าแข้งในถิ่น'โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด' 

เขาถูกขนานนามว่าเป็น'นิวโรนัลดินโญ่' หลังเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ เกรมิโอ ก่อน ปอร์โต้ จะซิวเข้าสังกัดตั้งแต่ปี 2005 จากนั้นจึงย้ายมาสู่โรงละครแห่งความฝันในอีก 2 ปีต่อมา แต่จากตำแหน่งการเล่นที่ไม่ชัดเจนและฟอร์มที่ขาดความคงเส้นคงวาทำให้อันแดร์ซอนปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับยูไนเต็ดในปี 2015 ก่อนชื่อนี้จะค่อยๆถูกลืมในเวลาต่อมา 

อันแดร์ซอน เป็นนักเตะที่มีเทคนิคความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยมเตะตา เซอร์ อเล็กซ์ จนยอมจ่ายเงินราว 20 ล้านปอนด์ดึงมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2007 ด้วยวัยเพียง 19 ปี แต่มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนเล่นด้วยความอึดอัดในบทบาทใหม่กับทีมปีศาจแดงจนต้องใช้เวลาลงเล่นมากกว่า 40 นัดกว่าจะยิงประตูแรกในสีเสื้อยูไนเต็ด 

การบาดเจ็บไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาล้มเหลว แต่อันแดร์ซอนไม่สามารถทำได้อย่าง พอล สโคลส์ ซึ่งเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องและยาวนาน แม้เขาประกาศอำลาสังเวียนในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2011 แต่ เซอร์ อเล็กซ์ ดึงกลับมาร่วมทีมอีกครั้งในช่วงเดือนมกราคมปีต่อมาหลังทีมประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงาน ซึ่งรวมกันอันแดร์ซอนด้วย

ช่วงปี 2014 แมนฯยูไนเต็ด ปล่อย อันแดร์ซอน ย้ายไปเล่นกับ ฟิออเรนติน่า ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์นาซิโอนาล อีก 2 ปีหลังจากนั้น ต่อด้วย โกริติโบ ในปี 2017 และล่าสุดค้าแข้งอยู่กับ อาดานา เดมีร์สปอร์ ทีมลีกรองของตุรกีในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา 


2009 : อเล็กซานเดร ปาโต้ (มิลาน)

เขาเป็นอีกหนึ่งนักเตะบราซิเลียนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยหลัง มิลาน จ่ายเงิน 13 ล้านปอนด์ดึงมาร่วมทีมตั้งแต่ปี 2007 ด้วยวัยเพียง 18 ปี ทั้งที่เพิ่งลงเล่นเกมทางการกับ อินเตอร์นาซิโอนาล เพียง 10 นัดเท่านั้น 

ปาโต้ เปิดตัวกับทีมปีศาจแดง-ดำสวยหรูด้วยการยิง 9 ประตูจากการลงเล่น เซเรีย อา 18 เกม เขายังทำผลงานได้ดีตลอดช่วง 4 ฤดูกาลแรกจนมีส่วนช่วย มิลาน คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ในซีซั่น 2010-2011 ซึ่งกองหน้าชาวบราซิเลียนกระทุ้งรวมกัน 50 ประตูจากการลงเล่น 102 เกมกับทีมรอสโซเนรี่ 

แต่การบาดเจ็บกลายเป็นอุปสรรคสำคัญมาอาชีพค้าแข้งกับเขา โดยเฉพาะการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซึ่งมีส่วนทำให้ข้อตกลงที่จะย้ายไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถูกยกเลิก จากนั้นการบาดเจ็บบริเวณเดิมกำเริบขึ้นมาอีกครั้งทำให้เวลาของเขากับทีมปีศาจแดง-ดำสิ้นสุดลงไปโดยปริยาย 

ปาโต้ ย้ายกลับบราซิลไปค้าแข้งกับ โครินเธียนส์ ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโรในปี 2013 ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ เซา เปาโล ในปีต่อมา จนกระทั่งมีโอกาสย้ายมาเล่นกับ เชลซี ด้วยสัญญายืมตัวแต่ลงเล่นเพียง 2 นัดและยิงหนึ่งประตู จากนั้นจึงย้ายมาเล่นกับ บียาร์เรอัล ในซีซั่น 2016-17 ต่อด้วยการย้ายไปโกยเงินหยวนกับ เทียนจิน 2 ปี ก่อนกลับมาค้าแข้งกับ เซา เปาโล ในปัจจุบัน 


2010 : มาริโอ บาโลเตลลี่ (แมนฯซิตี้)

ย้อนกลับไปในปี 2010 ทุกอย่างดูดีมาก เขามาถึง แมนฯซิตี้ ด้วยอายุเพียง 20 ปีหลังพิสูจน์ฝีเท้ากับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยการยิง 20 ประตูจากการลงเล่น 54 เกมบนเวที เซเรีย อา และเพิ่งลงประเดิมสนามกับทีมชาติอิตาลีก่อนเดินทางมาเปิดตัวกับทีมเรือใบเพียง 2 วัน ซึ่ง บาโลเตลลี่ พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นนักเตะหนุ่มที่กำลังรอให้ถูกกล่าวถึงผลงานในสนาม 

หลังการเปิดตัวหวือหวาในระดับหนึ่งและคว้ารางวัล'โกลเด้น บอย'จากการเอาชนะ แจ็ค วิลเชียร์ ของ อาร์เซน่อล ก่อนโชคชะตาพลิกผัน เขาประสบปัญหาบาดเจ็บ, การติดโทษแบนและคลำเป้าได้น้อยลง 

จากแข้งพรสวรรค์ แต่ไม่สามารถทำผลงานได้ดีในสนามและยังมีปัญหานอกสนามจน แมนฯซิตี้ ส่งไปอยู่กับ มิลาน หลัง โรแบร์โต้ มันชินี่ เบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของนักเตะ ซีซั่นแรกย้ายมาเล่นแบบยืมตัวก่อนทีมปีศาจแดง-ดำจะเซ็นร่วมทีมแบบถาวร ก่อน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะเสี่ยงเดิมพันด้วยการดึง บาโลเตลลี่ ย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูล แต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจนอยู่ได้เพียงซีซั่นเดียวพร้อมเสียงโอดครวญภายหลังว่า'การย้ายมาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล เป็นการตัดสินใจเลวร้ายที่สุดในชีวิตผม'

บาโลเตลลี่ กลับมาอยู่กับ มิลาน ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนจะโยกไปค้าแข้งกับในลีกฝรั่งเศสกับ นีซ นาน 3 ปีและย้ายมาเล่นกับ มาร์กเซย ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา 

(ติดตามตอนต่อไป)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด