:::     :::

เกมแห่งฤดูกาล(1)

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,186
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-19 ปิดฉากลงไปหนึ่งเดือนแล้ว มีหลายๆ เกมที่ยังคงติดตาตรึงใจแฟนบอล ให้ได้จดจำไปจนกว่าซีซั่นใหม่จะมาถึง

จาก 20 ทีมพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น เชลซี ทีมที่ลงเตะมากที่สุด 63 เกมตลอดฤดูกาล หรือจะเป็น คาร์ดิฟฟ์ กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ สองทีมที่เตะน้อยที่สุด 40 นัด ต่างก็มีเกมที่ดีที่สุดของซีซั่นกันทั้งสิ้น

และนี่คือเกมที่ถูกเลือกให้เป็น 'แมตช์ ออฟ เดอะ ซีซั่น 2018-19' ของทั้ง 20 ทีมพรีเมียร์ลีก
อาร์เซน่อล
อาร์เซน่อล 2 - เชลซี 0
พรีเมียร์ลีก, เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม, 19 มกราคม
อเลซ็องด์ ลากาแซ็ตต์ กับ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ยิงปิดเกมตั้งแต่ครึ่งแรก แม้เทียบจากโอกาสที่มี น่าจะยิงได้มากกว่านั้นก็ตาม แต่การจบเกมด้วยคลีนชีตคือผลงานที่สมบูรณ์แบบในเกมลอนดอนดาร์บี้
และเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของบรรดาแนวรับ เอ็คตอร์ เบเยริน, โซคราติส ปาปาสทาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, เซอัด โคลาซินัก ที่จัดการแนวรุกของ เชลซี โดยเฉพาะจอมทัพ เอแดน อาซาร์ ได้อยู่หมัด
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือชัยชนะทำให้ ปืนใหญ่ แซง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นอันดับ 5 และตาม สิงโตน้ำเงิน ที่ยืนอยู่อันดับ 4 เหลือ 3 คะแนน หายใจรดต้นคออย่างเต็มที่ในช่วงเวลานั้น
บอร์นมัธ
บอร์นมัธ 4 - เชลซี 0
พรีเมียร์ลีก, ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม, 30 มกราคม
บอร์นมัธ อาศัยช่วงเวลาที่ เชลซี กำลังเป๋นอกบ้าน ใช้ฟุตบอลสไตล์อังกฤษดั้งเดิมเล่นงานจนอยู่หมัด โดยเฉพาะเกมรุกริมเส้นที่โจมตี 'ซาร์รี่บอล' ไม่สนว่าทีมเยือนจะมาครองบอลมากเกือบ 70%
แม้ครึ่งแรกไม่มีประตูเกิดขึ้น แต่ครึ่งหลังทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ที่ไม่มีศูนย์หน้าตัวเก่ง คัลลัม วิลสัน ก็ไม่มีปัญหา รัวยิง 4 ประตูจาก โจชัว คิง สองลูก, เดวิด บรู๊คส์ และ ชาร์ลี แดเนียลส์ ปิดท้ายชัยชนะ 4-0 พูลสวัสดิ์ 
สามคะแนนของ เดอะ เชอร์รี่ส์ กลายเป็นชัยชนะสองนัดติดต่อกันในลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม และถีบ เชลซี ร่วงลงสู่อันดับ 5 ทำให้อนาคตของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เริ่มสั่นคลอนหนัก
ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน
ไบรท์ตัน 3 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2
พรีเมียร์ลีก, เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม, 19 สิงหาคม
เกมที่ดีที่สุดของ เดอะ ซีกัลล์ส เกิดขึ้นตั้งแต่นัดที่สองของฤดูกาล และเป็นเกมในบ้านนัดแรกในรัง เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ด้วย ซึ่งผู้มาเยือนคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่เคยบุกมาปราชัยที่นี่ในฤดูกาลก่อนหน้า 2017-18 ทำให้ ไบรท์ตัน การันตีการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก
ทีมของกุนซือ คริส ฮิวจ์ตัน จัดหนักสามประตูตั้งแต่ครึ่งแรก จาก เกล็น เมอร์รี่ย์, เชน ดัฟฟี่ และจุดโทษของ ปาสกาล โกรส นอกจาก เมอร์รี่ย์ กับ โกรส ที่ยิงได้แล้ว อ็องโตนี่ น็อกการ์ต กับ โซลลี่ มาร์ช ยังสร้างสรรค์เกมรุกปั่นป่วนแนวรับ ผีแดง ได้ตลอดทั้งเกมด้วย
เบิร์นลี่ย์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - เบิร์นลี่ย์ 2
พรีเมียร์ลีก, โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด, 29 มกราคม
เบิร์นลี่ย์ อยู่ในช่วงเวลาที่ดี เก็บ 10 คะแนนจาก 4 เกม ถีบตัวเองจากโซนตกชั้นขึ้นมาอยู่อันดับ 16 ก่อนบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคใหม่ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่กำลังใส่เกียร์ 5 คว้าชัยชนะ 8 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ โอกาสบุกมาแบ่งแต้มของ เดอะ คลาเร็ตส์ จึงแทบมองไม่เห็น
หลังจากครึ่งแรกไม่มีประตู ครึ่งหลัง แอชลี่ย์ บาร์นส์ ยิงเซอร์ไพรส์ทุกคนใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่นาที 51 จากนั้น คริส วูด ก็ทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นยิ่งเงียบกริบเมื่อบวกประตูที่สองนาที 81 แต่น่าเสียดายที่มาเสียสองประตูในช่วงท้ายเกม แต่ถือเป็นหนึ่งแต้มที่เบรคสถิติสวยหรูของ โซลชา
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
คาร์ดิฟฟ์ 2 - บอร์นมัธ 0
พรีเมียร์ลีก, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม, 2 กุมภาพันธ์
นี่คือเกมแรกในบ้านนับตั้งแต่ เอมิเลียโน่ ซาล่า ศูนย์หน้าตัวใหม่สูญหายไปพร้อมกับเครื่องบินระหว่างเดินทางมาจากฝรั่งเศส และยังไม่มีการพบศพในช่วงเวลานั้น
บรรยากาศที่ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม เต็มไปด้วยความโศกเศร้า และแฟนบอลทุกคนต่างหวังเห็นปาฏิหารย์เกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุด กองเชียร์ เดอะ บลูเบิร์ดส์ ต้องการสามแต้มเพื่อถีบหนีอันดับ 18
สองประตูของ บ๊อบบี้ รีด ตั้งแต่ 5 นาทีแรก และจุดโทษในช่วงต้นครึ่งหลัง กลายเป็นชัยชนะนัดที่ 6 จาก 25 เกมแรก และทำให้มีความหวัง เพราะไล่จี้โซนปลอดภัยเหลือ 2 แต้มแล้ว
เชลซี
เชลซี 2 - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0
พรีเมียร์ลีก, สแตมฟอร์ด บริดจ์, 8 ธันวาคม
เชลซี เริ่มตามหลังจ่าฝูงห่างออกไปเป็น 10 คะแนนแล้ว หลังจากแพ้สองจากสามเกมหลัง ก่อนเปิดบ้านรับมือทีมนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยมีเป้าหมายลดช่องห่างให้เหลือ 7 และยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้ เรือใบสีฟ้า เกมแรกในพรีเมียร์ลีกให้ได้
ประตูนำในช่วงท้ายครึ่งแรกของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มีความสำคัญพอๆ กับที่ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า เซฟลูกยิงของ เลรอย ซาเน่ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง
กลับมาเล่นครึ่งหลังรูปเกมเลยเข้าทางเจ้าถิ่นที่จัด 'ซาร์รี่บอล' ให้ทีมเยือนรับประทาน และยิงปิดกล่องจาก ดาวิด ลุยซ์ ซึ่งเป็นสองแอสซิสต์ของ เอแดน อาซาร์ เป็นชัยชนะตามเป้า พร้อมฉุด แมนฯ ซิตี้ เสียจ่าฝูงให้ ลิเวอร์พูล หลังจบเกมที่ 16
คริสตัล พาเลซ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - คริสตัล พาเลซ 3
พรีเมียร์ลีก, เอติฮัด สเตเดี้ยม, 22 ธันวาคม
คริสตัล พาเลซ มีเกมที่น่าจดจำอยู่หลายนัด ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะที่บ้าน อาร์เซน่อล 3-2 ชัยชนะที่บ้าน เลสเตอร์ 4-1 แต่เกมที่ดีที่สุดไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม
ในช่วงเวลาที่ แมนฯ ซิตี้ กำลังเรียกความเชื่อมั่นกลับมา หลังจากแพ้เกมแรกต่อ เชลซี เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และได้ประตูขึ้นนำตามสไตล์จาก อิลคาย กุนโดอาน
แต่หลังจากนั้น คริสตัล พาเลซ จัดลูกยิงผีจับยัดใส่ เอแดร์ซอน จาก เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ และ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ซึ่งเป็นลูกยิงแห่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกด้วย ก่อนเสริมด้วยจุดโทษในครึ่งหลังจาก ลูก้า มิลิโวเยวิช
เอฟเวอร์ตัน
เอฟเวอร์ตัน 4 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0
พรีเมียร์ลีก, กูดิสัน พาร์ค, 21 เมษายน
เอฟเวอร์ตัน กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี ไล่ตั้งแต่เปิดบ้านชนะ เชลซี 2-0, บุกชนะ เวสต์แฮม 2-0 และเปิดบ้านชนะ อาร์เซน่อล 1-0 ก่อนบุกแพ้ ฟูแล่ม แบบพลิกล็อก 0-2
แฟนบอล ทอฟฟี่ กำลังหัวเสียกับความปราชัยในเกมล่าสุด แต่ทุกอย่างก็ถูกลืมไปในทันที หลังจาก ริชาร์ลิซอน กระโดดฟาดบอลเข้าไปตุงตาข่ายตั้งแต่ 13 นาทีแรก ตามด้วยประตูสวยๆ จาก กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน กับ ลูก้า ดีญ และปิดท้ายจากตัวสำรอง ธีโอ วัลค็อตต์ กลายเป็นเกมที่ดีที่สุดแห่งฤดูกาลแบบไม่ต้องสงสัย
ฟูแล่ม
ฟูแล่ม 4 - ไบรท์ตัน 2
พรีเมียร์ลีก, คราเวน ค็อทเทจ, 29 มกราคม
ฟูแล่ม พ่ายแพ้มาสามเกมติดต่อกัน และการเสียสองประตูเร็วตั้งแต่ 17 นาทีแรกให้ เกล็น เมอร์รี่ย์ จึงน่าจะกลายเป็นความพ่ายแพ้เกมที่สี่ติดต่อกันแบบไม่ยากเย็นนัก และทำให้แฟนบอลเซ็งหนักในช่วงพักครึ่ง
แต่หลังจากกลับออกมาจากห้องแต่งตัว ทีมของกุนซือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็กลายเป็นคนละทีมจากครึ่งแรก คาลัม แชมเบอร์ส ยิงไล่มาตั้งแต่สองนาทีแรก และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ทำอีกสองประตูให้ ฟูแล่ม แซงนำ และยิงฝังจาก ลูเซียโน่ เวียตโต้ กลายเป็นชัยชนะเกมที่ 3 จาก 12 นัดของกุนซือชาวอิตาเลียน
ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์
วูลฟ์แฮมป์ตัน 0 - ฮัดเดอร์สฟิลด์ 2
พรีเมียร์ลีก, โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม, 25 พฤศจิกายน
หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลได้สุดห่วย 10 นัดแรกชนะไม่เป็น แถมยังมีแค่ 3 คะแนนเท่านั้น พอเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนกลายเป็นเดือนที่ดีของกุนซือ ดาวิด ว้ากเนอร์ ที่ชนะเกมแรกของซีซั่นเหนือ ฟูแล่ม 1-0 จากนั้นก็ยังเล่นในบ้านแบ่งแต้ม เวสต์แฮม 1-1
เกมต่อมาที่บุกเยือน โมลินิวซ์ จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับ เดอะ เทอร์เรียร์ส เป็นอย่างมาก ประตูที่เฉียบคมของ อารอน มอย ตั้งแต่ต้นเกม บวกกับการสกัดบอลจากเส้นประตูของ ฟิลิป บิลลิง ที่ปฏิเสธลูกโหม่งของ ราอูล ฮิเมเนซ รักษาความได้เปรียบในครึ่งแรก ก่อนยิงปิดกล่องจาก มอย คนเดิม ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ทำให้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เก็บ 7 แต้มจาก 3 นัด ถีบจากบ๊วยขึ้นมาอยู่ที่ 14 อย่างน่าภาคภูมิ
*ติดตามตอน 2 อีก 10 ทีมที่เหลือ*

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด