เฮดโค้ชเกาหลีใต้ ที่เพิ่งแยกทางกับ เอสซีจี เมืองทองฯ ได้ไม่ถึงสัปดาห์ กลายเป็นข่าวบนหน้าสื่อถึงการเดินทางไปส่ง “รีซูเม่” สมัครงานใหม่ เป็นกุนซือทีมชาติไทย

หลากความเห็น หลายความคิดถูกแสดงออกมาบนโลกออนไลน์ บางคนพยักหน้า โค้ชยุน คือตัวเลือกที่เหมาะ บ้างเห็นว่ามีคนอื่นดีกว่านี้

แต่สำหรับมุมของผู้เขียนนี่เป็น “ชอยส์” ที่น่าสนใจเลยทีเดียว

ในวันที่ฟุตบอลไทย ไม่ต่างจากการหมุนกาซาปองเสี่ยงดวงออกจากตู้ เราแทบไม่รู้หรือการันตีได้เลยว่า เฮดโค้ชที่เข้ามาใหม่จะ “ยกระดับ” ทีมได้มากแค่ไหน ขนาดกุนซือดังอย่าง  มิโลวาน ราเยวัช ยังเอาชื่อมาทิ้งกับทีมชาติไทยได้

กอปรกับ “ช้างศึก” ทั้งทีมชุดใหญ่ และ U-23 กำลังอยู่ในโมงยามสุญญากาศ ไร้กุนซือทำทีม ทั้งที่ทีมชุดใหญ่ มีโปรแกรมลงแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ในช่วงปลายปี ส่วนทีมชุดเล็กก็เตรียมเป็นเจ้าบ้าน ในศึก เอเอฟซี U-23 แชมเปียนส์ชิพ 2020 หา 3 ชาติ ไปเล่นโอลิมปิกรอบสุดท้ายที่กรุงโตเกียว

ดังนั้น สิ่งที่สมาคมฟุตบอลฯควรทำคือ การหาเฮดโค้ชคนใหม่เข้ามาให้ไวที่สุด

 

ทำไมต้อง ยุน จอง-ฮวาน ?

ที่ผ่านมา “ช้างศึก” ตกเป็นข่าวกับกุนซือสัญชาติเอเชียบ่อยครั้งโดยเฉพาะ ญี่ปุ่น ทว่าท้ายสุดมติในที่ประชุมของสมาคมถูก “ตีตก” ไปตลอด

หลายคนแสดงความเห็นว่า การใช้กุนซืออย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ คือฝันร้ายของนักเตะทีมชาติไทย เพราะโค้ชเหล่านี้ขึ้นชื่อด้าน “วินัย” ความเนี้ยบ ความฟิต เป็นหลัก และอาจไม่ถูกโฉลกกับแข้งแดนปลาแดก

แต่หากไม่คิด “เปลี่ยนแปลง” กรุณาอย่าถามหาความสำเร็จ

ตัวอย่างมีให้เห็นชัดแจ้ง คือเพื่อนบ้านอย่าง “เวียดนาม” หลังลองผิด-ถูก อยู่นาน วันนี้เขากลายเป็นทีมชั้นนำระดับเอเชีย จากการมาของ พัค ฮัง-ซอ โค้ชเกาหลีใต้ ที่ปลุกเสกดาวทองจนกลายเป็นชาติลูกหนังหมายเลข 1 อาเซียน

กับตัว ยุน จอง-ฮวาน เองไม่ใช่เฮดโค้ชที่โลว์โปรไฟล์แต่อย่างใด แม้จะไม่เคยจับงานระดับทีมชาติ แต่เจ้าตัวมีผลงานจับต้องได้สมัยคุมทีมระดับเจลีก ทั้งพา เซเรโซ โอซากา คว้าดับเบิ้ลแชมป์ หรือ ซางัน โตสุ สโมสรเล็กๆบนเกาะคิวชู ติดท็อป 5 ของตารางได้

เมื่อโค้ชไทยไม่ปัง โค้ชฝรั่งยังไม่ใช่ ทำไมไม่ลองเปลี่ยนใหม่มาใช้กุนซือเลือดเอเชียดูบ้าง ?

 

คนที่ไม่ใช่กับบางทีม อาจเป็นคนใช่สำหรับบางทีม

แม้จะสอบตกกับการคุมทัพ “กิเลนผยอง” แต่เอาเข้าจริง เขาคือโค้ชฝีมือมากโปรไฟล์คนหนึ่ง สิ่งที่เราเห็นตลอด 2 เดือนในการทำงานที่ไทยคือ การพยายามเปลี่ยนแปลงทีมให้ดีขึ้นตลอดเวลา ท่ามกลางทรัพยากรที่มีจำกัดจำเขี่ย

หาก “ช้างศึก” อยากได้การเปลี่ยนแปลง ผู้เชียนเชื่อว่า โค้ชยุน คือ 1 ในกุนซือที่จะกล้า “ปฏิวัติ” ทีมชาติไทยออกจากขนบธรรมเรียมลูกหนังไทยแบบฉบับเดิม

ไม่มีระบบลูกรัก ไร้แข้งอุปถัมป์ วัดกันที่ฝีตีนเพียวๆ แข้งคนไหนตอบโจทย์แท็คติก ก็ได้รับโอกาส ไม่นับรวมถึงระเบียบวินัย ความเข้มงวด การทุ่มเทที่ใส่ใจทุกรายละเอียด

หรือจะเป็น บอลเพรสซิ่ง ที่ทีมชาติไทยแพ้ทางมาตลอด คือสิ่งที่ กุนซือวัย 46 รายนี้ ใช้มาจนชินสมัยคุมเจลีก

อีกอย่างการแสดงความประสงค์คุมทีมชาติไทย มันทำให้เราเห็นถึงแพสชั่น และความเป็นนักสู้ของ ยุน จอง-ฮวาน ที่มีอยู่เต็มตัว แม้จะมีข้อเสนอจากต่างแดน แต่เจ้าตัวยังต้องการพิสูจน์ตัวเองในเมืองไทยต่อ

มีทั้งไฟ ความมุ่งมั่น ทั้งความเป็นมืออาชีพ ประสบการณ์

อยู่ที่สมาคมฟุตบอลฯแล้วล่ะ ว่าจะอินด้วยหรือไม่