:::     :::

สรุปพรีเมียร์วีก 10

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2560 คอลัมน์ สนามเด็กเล่น โดย เสือเตี้ย
8,242
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
พรีเมียร์ลีกผ่านเลข 2 หลักกันไปแล้วสำหรับนัดที่ 10 ของฤดูกาลและเป็นสัปดาห์แรกที่ทีมในกลุ่ม "ท็อปซิกซ์" ยึดอันดับ 1-6 เอาไว้ได้ทั้งหมด และนี่คือ 5 ประเด็นสำคัญในเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

1. "ท็อปซิกซ์" มาครบแล้ว


ทีมกลุ่มนำ "ท็อปซิกซ์" ยึดอันดับ 1-6 เมื่อผ่าน 10 นัดแรกของฤดูกาล

จอร์จ เกรแฮม อดีตกุนซือผู้พาอาร์เซน่อลครองแชมป์ดิวิชั่น1 (เดิม) 2 สมัย เคยพูดถึงสถานการณ์การลุ้นแชมป์เอาไว้ประมาณว่าเมื่อครบ 10 นัด เราถึงจะเห็นภาพที่คาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 

ตอนนี้ 6 ทีมกลุ่มนำต่างยึด 6 อันดับแรกของตารางทั้งหมด ดังนี้ 1. เรือ, 2. ผี, 3. ไก่, 4. สิงห์, 5. ปืน และ 6. หงส์ แถมยังเรียงลำดับตามการเป็น "ตัวเต็ง" อย่างที่ร้านพูลถูกกฎหมายมองเอาไว้ อาจสลับเล็กน้อยแค่ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล 

มันอาจจะเร็วไปที่จะสรุปว่าตอนจบสุดท้ายก็คงประมาณนี้เพราะฤดูกาลยังอีกยาวไกล และอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่อย่างน้อยก็เห็นภาพชัดเจนของกลุ่มท็อปซิกซ์กับการอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น และไม่ได้ปล่อยให้ม้ามืดทีมใดเข้ามายุ่มย่ามในพื้นที่ของตัวเอง


2. เรือดีที่สุด


แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นทีมที่สตาร์ตดีสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกไปแล้ว

ไม่ใช่แค่การนำจ่าฝูง แต่ทุกนัดที่แมนฯ ซิตี้ ลงสนามคือการตอกย้ำว่าพวกเขาคือทีมที่ดีที่สุดในลีก และไม่ใช่แค่ฤดูกาลนี้ หากแต่ชัยชนะนัดล่าสุดยังทำให้ เรือใบสีฟ้า กลายเป็นทีมที่ออกสตาร์ตได้ดีสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 

ผลงาน 10 เกมชนะ 9 เสมอ 1 มี 28 แต้มพร้อมผลต่างได้เสีย +29 ถือว่ายอดเยี่ยมสุดเท่าที่พรีเมียร์ลีกเคยมีมา โดยก่อนนี้มีแค่ 2 ครั้งที่ทำได้แบบนี้ (28 แต้มแต่ลูกได้เสียสู้ปีนี้ไม่ได้) นั่นคือเชลซี 2005/06 ของ โชเซ่ มูรินโญ่ กับ แมนฯ ซิตี้ 2011/12  ยุค โรแบร์โต้ มันชินี่ โดยทั้งสองหนก็จบด้วยการเป็น "แชมป์" ทั้งหมด

ไล่เรียงสถิติอื่นยิ่งเห็นชัด แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเฉลี่ยมากสุด (66.2 %), สร้างโอกาสยิงต่อเกมมากสุด (18.5 ครั้ง) และผ่านบอลเท้าต่อเท้าแม่นยำที่สุด (89.4 %) 

ไม่แปลกใจที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกมายกย่องลูกทีมหลังจบเกมบุกชนะเวสต์บรอมวิช 3-2 ว่า ไม่ได้ตื่นตระหนกเลยในจังหวะที่โดนเจ้าถิ่นตีเสมอ 1-1 หรือไล่มาเป็น 3-2 เพราะจิตใจแข็งแกร่ง และรับมือได้ทุกสถานการณ์ที่เผชิญ 


3. 'มู' ขุดหลมพรางล่อไก่


อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลงสำรองยิงประตูให้ผีหักคอไก่

เล่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของตัวเอง และเจอสเปอร์สที่ไม่มีดาวซัลโวอันดับ 1 อย่าง แฮร์รี่ เคน แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ จัด "หลัง 3" ลงรับมือ สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างในตัวว่า มุมมองที่มีต่อ "ไก่เดือยทอง" ได้เปลี่ยนไปจริง

2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ สเปอร์ส จบด้วยการมี 4 คะแนน และ 16 คะแนน เหนือแมนฯ ยูไนเต็ด ตามลำดับ เพิ่งมีฤดูกาลนี้ที่คะแนนทั้งคู่เบียดไหล่ต่อไหล่เท่ากันก่อนเป็นผีแดงชิงโอกาสหนีด้วยชัยชนะหวุดหวิด 

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ หงุดหงิดใจในลึกๆ ที่ลูกทีมเสียประตูจากการต่อเพียง 3 จังหวะ เริ่มจาก ดาบิด เด เคอา สาดยาวให้ โรเมลู ลูกากู โหม่งเช็ด และในจังหวะที่ เอริก ดายเออร์ ไม่ทันระวังตัว อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ก็ปาดเข้าไปเกี่ยวบอลยิงสำเร็จ

"หลัง 3" ในเกมนี้ของผีแดงไม่ได้มุ่งมั่งตั้งหน้าตั้งตาอุดเพราะในขณะที่เกมรุกสเปอร์สลดทอนประสิทธิภาพลงจากการไม่มี เคน นั่นก็เท่ากับเปิดทางให้ลูกทีม มูรินโญ่ กล้าบุกมากขึ้น และทุกจังหวะเลยด้วยซ้ำ 

ก่อนประตูชัยตัดสินเกมของ มาร์กซิยาล ก็ถือเป็นเกมที่สนุก เป็นสกอร์ ณ ตอนนั้น คือ 0-0 ที่มีรสชาติกว่า "แดงเดือด" มากมาย

มูรินโญ่ ยังแสดงให้เห็นกุนซือหนุ่มไฟแรงอย่าง โปเช็ตติโน่ ได้เห็นว่า "ความเก๋า" ยังมีเหลือเฟือ และราวกับว่าได้วางแผนซ้อนแผน จัดทีมเหมือนตั้งใจล่อให้สเปอร์สบุกเข้าใส่ และค่อยหาจังหวะชักมีดออกมาเสียบคอ


4. ลมหายใจพาเลซ


รอย ฮ็อดจ์สัน นำพาเลซเก็บไปได้แล้ว 4 คะแนน

4 คะแนนที่ คริสตัล พาเลซ มีในตอนนี้เป็นผลงานของ รอย ฮ็อดจ์สัน และหนึ่งคะแนนล่าสุดที่มาได้จาก เวสต์แฮม ด้วยประตูตีเสมอในนาที 97 (ย้ำ 97) กำลังบอกกับเราว่า "ปู่รอย" อาจเป็นคนที่ใช่สำหรับภารกิจหิดโหดพาทีมหนีตาย

ไม่ได้ดูแคลน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ แต่ในสถานการณ์ที่โดนขุนค้อนนำ 2-0 เมื่อจบครึ่งแรก ยอมรับเลยมองไม่ออกจริงๆ ว่า "ดิ อีเกิ้ลส์" จะพาตัวเองกลับมาเป็นเช่นไร โอกาสโดนลูก 3 ลูก 4 มีมากกว่าไล่ตีเสมอด้วยซ้ำหากยังเป็นกุนซือดัตช์คุมทัพ

ผลงานล่มยักษ์สัปดาห์ก่อนหน้าที่อัดแชมป์เก่า ปลดล็อกทั้งประตูแรกและชัยชนะนัดแรกของฤดูกาล ต่อด้วยฮึดเก็บผลเสมอทั้งที่เริ่มต้นไม่ดี เป็นผลงานที่น่าพอใจแฟนบอลพาเลซอย่างยิ่ง 

จริงอยู่ว่ายังมีหลายสิ่งที่ต้องปรับ แต่สัญญาณบวกหลายๆ อย่างทั้งการยิงประตูชาวบ้านได้อีกครั้ง, เกมในบ้านที่สู้ไม่ถอย และ การกลับมาฟิตอีกครั้งของ วิลฟรีด ซาฮา ที่สำคัญสุดๆ 

อีกสิ่งก็คือ ประสบการณ์ของ รอย ฮ็อดจ์สัน ที่กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ได้ "ตกยุค" อย่างที่ถูกเย้ยหยัน


5. ทอฟฟี่หาทางออกไม่เจอ


บททดสอบแรกของ เดวิด อันส์เวิร์ธ ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้

ในเกมที่ต่างฝ่ายต่างเพิ่งปลดโค้ชออกจากตำแหน่ง เลสเตอร์ ซิตี้ เริ่มต้นยุคใหม่กับ โคล้ด ปูแอล ด้วยชัยชนะต่อหน้ากองเชียร์ของตัวเอง ขณะที่เอฟเวอร์ตันยังคงวนเวียนหาทางออกไม่เจอ

ปัญหาที่ เดวิด อันส์เวิร์ธ ต้องเจอกับภารกิจนายใหญ่ทอฟฟี่คือ เกมรับที่เสียประตูง่ายดาย ไม่ว่าใครเข้ามาคุมก็จะเจอปัญหาเดียวกันนี้เพราะผู้เล่นในเกมรับอย่าง ฟิล จากิลก้า, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ และ เลห์ตัน เบนส์ อายุรวมกันนับร้อยปี ส่วนพวกตัวใหม่โชวฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐาน 

ขณะที่แนวรุกต่างทำผลงานน่าผิดหวัง การกลับมาของ เวย์น รูนี่ย์ ยังไม่ใช่คำตอบ และตอนนี้พวกเขาออกสตาร์ทแย่สุดนับแต่ฤดูกาล 1994/95

ทั้งหมดสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน พึ่งพา โรเมลู ลูกากู มาเกินไป...



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด