:::     :::

ตำนานที่ชื่อ "ตอร์เรส"

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
4,339
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากวันอาทิตย์นี้ เราจะไม่ได้เห็นเฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าแก้มแดงในสนามฟุตบอลอีกแล้วนะครับ เมื่อเขาเตรียมประกาศแขวนสตั๊ด ยุติอาชีพค้าแข้ง หลังโลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอลมากว่า 18 ปีเต็ม..
วันเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินนะครับ ซึ่งมันก็เป็นสัจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เอาเสียจริงๆ ในความทรงจำของผม ยังจำความตื่นเต้นเมื่อครั้งตอนที่กองหน้าแก้มแดงคนนี้ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลได้อย่างตราตรึง แต่ในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เฟร์นานโด ตอร์เรส อดีตยอดกองหน้าของชาวเดอะ ค็อป ได้ประกาศแขวนสตั๊ดไปเสียแล้วครับ และบทความนี้ก็ขออาสาทำหน้าที่ย้อนระลึกถึงกองหน้า”ตำนาน” คนนี้ให้แฟนๆ ได้รำลึกถึงความสุดยอดของเขา ครั้งที่ยังอยู่กับลิเวอร์พูลกันนะครับ



เอล นินโญ่

          คำว่า “เอล นินโญ่”  ถ้าเทียบกับในภาษาอังกฤษ ก็คือ ”The Kid” หรือถ้าเป็นภาษาไทยก็เรียกง่ายๆ ว่า “ไอ้หนู” นั่นแหละครับ หลายๆ คน อาจจะสงสัย ว่าทำไมเฟร์นานโด ตอร์เรส ถึงได้รับฉายานี้ ซึ่งที่มาของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ นอกจาก “ความเก่งกาจ” ของเจ้าตัวนั่นแหละ 



          ตอร์เรสนั้นเริ่มต้นเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ เลยครับ ตอร์เรสนั้นเริ่มต้นเล่นฟุตบอลจากตำแหน่ง”ผู้รักษาประตู” ที่มาจากเหตุผลที่ฟังแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะว่าเขานั้นชื่นชอบ “วากาบายาชิ เก็นโซ” ตัวละครในการ์ตูนเรื่อง “กัปตันซึบาสะ” นั่นแหละครับ แต่แล้วความฝันจะเป็นผู้รักษาประตูของเขาก็ดับลงไปพร้อมกับฟันหน้าที่หายไปจากการโดนฟุตบอลอัดหน้าของเขา (ฮา) ตั้งแต่นั้นเขาก็เปลี่ยนมาเล่นกองหน้ามาโดยตลอด และมีครอบครัวสนับสนุนเต็มที่ โดยเฉพาะคุณปู่ที่เป็นแฟนตัวยงของแอตฯมาดริด ปู่ของตอร์เรสกรอกหูเขาทุกวันว่าให้เล่นกับทีมตราหมีนี้ และมีส่วนผลักดันอย่างมากให้เจ้าตัวเข้าอยู่ในสังกัดนี้ให้ได้ และจนในที่สุด ผลงานของเขาที่ระเบิดฟอร์มในทีม ราโย13 โดยยิงไปทั้งหมด 55 ประตูในฤดูกาลเดียวก็ไปเตะตาแมวมองของทีมตราหมีและถูกดึงมาเข้าสังกัดนี้จนได้


          และเมื่อเขาเข้ามาอยู่ใต้สังกัดนี้ ความเก่งกาจของเขาก็พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งจนกลายเป็นว่าเขานั้น “แบกอายุ” ของเขาเองอยู่ตลอด เขาไปอยู่แอตฯมาดริดชุด U-15 ด้วยวัยเพียงแค่ 13 ปี และยังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จะได้เข้าไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ของแอตฯมาดริด ด้วยวัยเพียง 16 ปี นั่นจึงทำให้ไม่ว่าจะอยู่ทีมชุดไหนก็เด็กไปกว่าเขาเสียทั้งหมด และทุกๆ คนในทีมนั้นก็เรียกเขาเหมือนกันหมดว่า  “เอล นินโญ่”  หรือ “ไอ้หนู” นั่นเอง จนกลายเป็นฉายาของเขามาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง


สร้างตำนานที่แอนฟิลด์

          ความเก่งกาจของเจ้าตัว ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของทีมชั้นนำทั่วยุโรปแต่สุดท้ายเป็นเอล ราฟา ที่ได้ลายเซ็นของเขามาครอบครอง และเขาก็ใช้เวลาไม่นานก็เข้าไปอยู่ในหัวใจของชาวเดอะ ค๊อปได้ทันที เมื่อเขายิงประตูแรกของเขาในเกมที่พบกับเชลซีได้อย่างเหนือชั้น และแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เดอะ ค๊อปทั้งหลายรับรู้ว่า ลิเวอร์พูลได้ยอดกองหน้าเข้ามาสู่ทีมแล้ว และหลังจากนั้นตอร์เรสก็ระเบิดฟอร์มอย่างต่อเนื่องและยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยยิงไปทั้งสิ้น 24 ประตูในฤดูกาลแรก ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่ดีกว่า รุด ฟาน นิสเตอรอยเสียอีก





          จุดพีคในสีเสื้อของลิเวอร์พูลของตอร์เรส อยู่ในฤดูกาล 2008-2009 โดยที่ทีมชุดนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังน่าจะอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ ลิเวอร์พูล ว่านั่นคือทีมชุดที่แข็งแกร่งที่สุด ชุดหนึ่งของลิเวอร์พูลเลยทีเดียว โดยมีจุดเด่นที่ 3 มิดฟิลด์ตรงกลางที่มีความลงตัวและแข็งแกร่งสุดยอด โดยมีฮาเวียร์ มาสเคราโน่ คอยรับหน้าที่ปัดกวาดและทำลายล้างเกมรุกของคู่แข่งด้วยความแข็งแกร่งดุดัน และมีชาบี้ อลองโซ่ที่รับหน้าที่กำหนดจังหวะของทีมและคอยจ่ายบอลแม่นๆ คมๆ ไปให้กับแนวรุกของทีม และสุดท้ายคือ กัปตันทีมสตีเว่น เจอร์ราด ที่รับหน้าที่ตัวฟรีอิสระในเกมรุก และที่สำคัญที่สุดคือ คอยประสานงานกับยอดกองหน้าอย่างเฟร์นานโด ตอร์เรสนั่นเอง ซึ่งการประสานงานของเจอร์ราด กับตอร์เรส ก็เป็นไปได้อย่างสุดยอด ทั้งสองคนนั้นมีเซนส์บอลที่ทันกัน และเหมือนทั้งคู่รู้ใจและเชื่อมันในกันและกันอย่างเต็มที่ เหมือนทั้งคู่มี”พลังจิต” ที่ส่งถึงกันได้

          ตอร์เรส “ไม่มีทางหาผู้เล่นอย่างเจอร์ราดได้ ผู้เล่นคนไหนที่เข้าใจเกมของเขาและทำได้แบบเขา”

          เจอร์ราด “ผมรู้เสมอว่าเขาอยู่ที่ไหน และจากนั้นเขาจะเคลื่อนที่ไปยังจุดไหนต่อ”

แม้กระทั่งตอนที่ย้ายออกไป ตอร์เรสเองยังหวนรำลึกถึงการจับคู่ของเขากับเจอร์ราดอยู่เสมอ

          “เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยเล่นด้วย และผมยินดีที่จะจ่ายเงินให้เลยเพื่อที่ได้เล่นกับเขาอีกครั้ง”

ซึ่งนั่นก็เป็นคำยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเข้าขารู้ใจกันขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่ทีมชุดนั้นพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ...





แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

          เชื่อว่าคำนี้คงจะบาดหัวใจแฟนๆ เดอะ ค๊อปจำนวนไม่น้อย เมื่อคำกล่าวนี้ออกมาจากปากของชายที่ชื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรสดาวยิงคนเก่งคนนี้ของพวกเขา .... แต่ลองมองย้อนกลับไป ณ ช่วงเวลานั้น ก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมตอร์เรสถึงได้ตัดสินใจอย่างนั้นลงไป เมื่อตัวเขาเองรู้สึกว่าเขา “โดนสโมสรหักหลัง” โดยตอร์เรสกล่าวว่า

“ทั่งอลองโซ่ ทั้งมาสเคราโน่ ถูกขายทิ้งไป เบนิเตซก็ไปแล้ว แต่เงินทั้งหมดไม่ได้นำไปใช้กับผู้เล่นใหม่เลย  สโมสรบอกว่า 'เรายังคงต้องการที่ดีที่สุดและเราต้องการที่จะชนะ' แต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม”




ซึ่งถ้าไม่เป็นการเข้าข้างสโมสรลิเวอร์พูลจนเกินไปนัก ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ตอร์เรสพูดมา ก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมดจริงๆ ณ ตอนนั้นลิเวอร์พูลดูจะจมดิ่งและมีวี่แววว่าจะกลับมายากเหลือเกิน เมื่อพวกเขามีโค้ชอย่าง ปู่รอย (ฮา) และเจ้าของเป็นปลิงแถมยังมีตั้งสองตัวอีกต่างหาก และถ้าจะบอกกันจริงๆ แม้ว่ากองเชียร์จะรักตอร์เรสซักแค่ไหน แต่ตอร์เรสก็เป็นเพียงพ่อค้าแข้งคนหนึ่งนั่นแหละครับ เขาก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองไว้ก่อนนั่นแหละ เพราะเขาก็ไม่ได้เกิดและเติบโตหรือผูกพันอะไรกับลิเวอร์พูลแบบหยั่งรากลึกอะไรอยู่แล้ว  เพียงแต่.... แสงสว่างที่ตอร์เรสไปหานั้น ก็ดูจะไม่ค่อยสว่างสำหรับเจ้าตัวเท่าไรนัก (อิอิ) เพราะตั้งแต่ย้ายออกจากลิเวอร์พูลไป ตอร์เรสก็ควานหาฟอร์มเดิมๆ ที่เคยทำไว้ในสีเสื้อลิเวอร์พูลไม่เจออีกเลย



once red always red


          แม้การย้ายทีมของตอร์เรสจะสร้างความโกรธแค้นและเจ็บช้ำน้ำใจให้กับแฟนๆ ลิเวอร์พูลอย่างแสนสาหัส และทำให้มีแฟนๆ ตามด่าตามแช่งตอร์เรสในช่วงแรกๆ เพียงใดก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าลึกๆ แล้วแฟนๆ ลิเวอร์พูลก็ยังมีอาการแอบเอาใจช่วยตอร์เรสอยู่บ้างแหละครับ การเห็นคนรักเก่าของเราไปตกระกำลำบาก แม้ว่าใจนึกมันอาจจะสะใจ (ฮา) แต่อีกใจนึงผมว่าก็ยังเป็นห่วงและแอบเอาใจช่วยเขาอยู่นิดๆ นั่นแหละ และเมื่อเวลาผ่านไปความจริงที่ว่า ไม่ว่ายังไงตอร์เรสก็คือ 1 ในขวัญใจของเหล่าบรรดาเดอะค๊อปเสมอ




"สำหรับผมแล้ว แฟนลิเวอร์พูลเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปอยู่เสมอ ผมอาจจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพของผม เมื่อตอนที่ผมสวมเสื้อสีแดง และทุกความทรงจำของผมนั้นยอดเยี่ยมมาก"

แฟนๆ ชาวเดอะ ค็อปเองก็เช่นกัน ณ ตอนนี้อารมณ์โกรธเกรี้ยวต่างๆ ได้หายไปหมดแล้ว สิ่งที่แฟนๆ จดจำเกี่ยวกับตอร์เรสตอนนี้ เหลือแต่ความทรงจำดีๆ ภาพการยิงประตูอันยอดเยี่ยมของเขา ความเร็วที่ฉีกกระชากกองหลังของเขา ความแข็งแกร่งปราดเปรียว และรอยยิ้มฉลองชัยชนะอันมีสเน่ห์ของเขา เกมนัดอำลาสนามของเจอร์ราดเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีครับ ว่าแฟนๆ นั้นทิ้งเรื่องราวที่เคยโกรธแค้นกันไว้ข้างหลัง เหลือเพียงความรักและให้กับฮีโร่หมายเลข 9 คนนี้ของพวกเขาเสมอ  เพลง “Fernando Torres Liverpool’s number nine” ถูกขับขานออกมาจากแฟนๆ ลิเวอร์พูลอีกครั้ง เพื่อให้กำลังใจเขาเหมือนเมื่อครั้งในอดีตที่ผ่านมา
 
"ขอบคุณแฟนบอลลิเวอร์พูลสำหรับทุกๆ สิ่งที่มอบไว้กับผมในชีวิตการค้าแข้ง พวกคุณคือแฟนบอลที่สุดยอด ผมรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเล่นต่อหน้าพวกคุณอีกครั้ง วันนี้ผมรู้สึกดีสุดๆ การได้ยินพวกคุณร้องเพลงเป็นชื่อผม เป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย ขอบคุณมากจากก้นบึ้งของหัวใจเลยลิเวอร์พูล"

          เช่นเดียวกัน .... ขอบคุณมากนะตอร์เรส  ที่ได้มอบความสุขให้กับพวกเรา ทุกประตูที่คุณยิงให้ลิเวอร์พูล ขอบคุณความทุ่มเททั้งหมดที่คุณเคยทำให้ในสีเสื้อลิเวอร์พูล พวกเราจะจดจำทุกประตูที่คุณทำให้ลิเวอร์พูลไว้ในหัวใจพวกเราเสมอ และจะจดจำกองหน้าที่เก่งที่สุดคนนึงคนนี้ในฐานะตำนานคนหนึ่งของทีมตลอดไป  ขอให้คุณโชคดีกับชีวิตหลังจากนี้ เฟร์นานโด  ตอร์เรส YNWA




 

          


 

 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด