:::     :::

ทัศนคติเชิงลูกหนังกับ ฆวน มาต้า

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,789
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากเอ่ยชื่อของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีความเป็นมืออาชีพ

"ฆวน มาต้า" ถือเป็นชื่อที่หลายคนคิดถึง ด้วยบุคลิกภาพที่เรียบร้อย, ไม่ปริปากบ่น และตั้งหน้าตั้งตา คอยทำผลงานเพื่อทีม ทำให้แฟนบอล "ปีศาจแดง" ตกหลุมรักเขาได้ไม่ยาก

ล่าสุดในวัย 31 ปี มาต้า ตกเป็นข่าวว่า ยอมลดค่าเหนื่อยลงเป็นจำนวนมาก เพื่อเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่มจากเดิมอีก 2 ปี ตามนโยบายการต่อสัญญาของกลุ่มนักเตะ ที่มีอายุน้ำหน้าด้วยเลข 3 

ช่วงนี้ เราไปดูมุมมองนอกสนามของเขากันหน่อย ทั้งเรื่อง Common Goal โครงการการกุศล ที่ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส ผ่านการรวบรวมนักฟุตบอลที่สมัครใจ บริจาคค่าเหนื่อย 1 เปอร์เซนต์ให้ รวมถึงไลฟ์สไตล์ และแนวความคิดต่างๆที่น่าสนใจ

ช่วยพูดถึงขั้นตอน ในการมีส่วนร่วม และช่วยเหลือผู้อื่นหน่อยซิ ?

"Common Goal ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการเป็นนักฟุตบอล และเป็นมุมมองที่แตกต่างในโลกของลูกหนังด้วย ผมเชื่อว่า ฟุตบอลสามารถหลอมรวมคนให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้"

"เรามีความสุขกับการดำเนินโครงการ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีนักฟุตบอลเข้าร่วมกว่า 70 คน มีบริษัทใหญ่, สมาคม และสโมสรฟุตบอลเข้าร่วมด้วย ทุกฝ่ายต่างต้องการช่วยเหลือคนอื่นเหมือนกัน การบริจาคทำให้โลกมีความสมดุลมากกว่าเดิม"


เป้าหมายในการบริจาคค่าเหนื่อย 1 เปอร์เซนต์ล่ะ ?

"นั่นคือความฝันเลยล่ะ จำนวน 1 เปอร์เซนต์จากทั้งหมด เราเริ่มต้นจากวงการลูกหนังยุโรป โดยที่เป็นการบริจาคเพื่อสังคม เมื่อคุณต้องการทำอะไรบางอย่าง คุณต้องมีการแชร์ไอเดีย คุณจะสามารถทำได้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้น เราจะสามารถพูดได้เต็มปากว่า เราทำได้แล้ว เมื่อผู้คนถามผมว่า อะไรคือขีดจำกัดของ Common Goal ผมก็ไม่รู้จริงๆ"

"การรวมพลัง มีค่ามากกว่า 1 เปอร์เซนต์เสียอีก เพราะตัวเลขเป็นเรื่องของความคิดเท่านั้น หากเราสามารถทำให้ผู้คนคิดถึงเรื่องการช่วยเหลือ และเอาใจใส่ผู้อื่น นั่นคือความฝันที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว"

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นสโมสรที่คุณเล่นมายาวนานที่สุด (5 ปีแล้ว) คุณรู้จักเมืองแมนเชสเตอร์ ดีแล้วหรือยัง ?

"เมืองแมนเชสเตอร์ มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ผมอยู่ที่นานกว่าที่เมืองบาเลนเซีย หรือว่า กรุงลอนดอน เสียอีก ผมรู้สึกว่าแมนเชสเตอร์ กลายเป็นบ้านของผมไปแล้ว"

"ที่นี่ ผมอาศัยอยู่ใกล้กับสนามฝึกซ้อมมากขึ้น มันถือเป็นวิถีชีวิตแบบชนบท ที่ค่อนข้างผ่อนคลาย ผมชอบมันนะ แมนเชสเตอร์ คือเมืองที่วิเศษ มีคนที่สร้างสรรค์ผลงานมากมายที่นี่ ทั้งนักดนตรี, นักแสดง, จิตรกร และนักเขียน เป็นผู้ที่ส่งต่อพลังไปยังผู้อื่น" 

"ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพวกเขา แน่นอนว่า ดนตรีเป็นส่วนสำคัญของเมืองด้วย มันเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ คุณสามารถเห็นความรักที่มีต่อคนแมนเชสเตอร์ และความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นแมนคูเนี่ยนส์"


คุณคิดถึงชีวิตวันวานบ้างมั้ย ?

"ผมคิดว่า เราทุกคนย่อมนึกถึงวันวานเก่าๆ กิจวัตรที่เราทำกับผองเพื่อน หลังเลิกเรียน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมมีความสุขทุกครั้งแหล่ะ เมื่อคิดถึงวันเวลาเหล่านั้น มันถูกเก็บอยู่ในใจของผม แต่มันเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา"

"เพื่อนของผมอยู่ที่เมืองบาเลนเซีย เรามักออกไปไหนด้วยกันในช่วงซัมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นที่กาดิซ หรือกรีซ เราเป็นกลุ่มเพื่อนราว 6-7 คน ที่รู้จักกันมายาวนานกว่า 25 ปี เรายังติดต่อกันทุกวัน เพราะพวกเขาคือส่วนสำคัญในชีวิตผม"

แล้วการเขียนบล็อคล่ะ ?

"การเขียนบล็อค เป็นอะไรที่ท้าทายนะ อย่างไรก็ตาม การเขียนหลังจากความพ่ายแพ้ ถือเป็นอะไรที่ยากต่อการเขียนเลยล่ะ เพราะคุณจะมีความรู้สึกที่แย่ผสมอยู่ด้วย คุณรู้ดีว่า แฟนบอลไม่มีความสุขอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาได้อ่านสิ่งที่คุณกำลังเขียน พวกเขาต้องการอ่านสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากขัยชนะมากกว่า"

"ทว่าการเขียนบล็อค เป็นสิ่งที่ผมลงมือทำมาเป็นระยะเวลาหลายปี ทั้งในช่วงเวลาที่ดี และไม่ดี ผมรู้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบ ที่จะแสดงหน้า และข้อความของคุณเอง รวมถึงความซาบซึ้งที่มีต่อแฟนบอล แม้ว่าเราต้องพบกับความพ่ายแพ้ ผมก็จะไม่หยุดเขียนมันหรอก"


คุณเคยพูดถึงสื่อโซเชี่ยล ที่มีอิทธิพลในเชิงลบ ?

"เมื่อผมยังเป็นเด็ก ผมชอบคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในสนามบ้าง ทั้งการยิงประตู, การเปิด และการควบคุม ผมเป็นคนที่ชอบพูดถึงเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทำให้คุณต้องปรับตัวตาม เราสื่อสารในแนวทางที่แตกต่างออกไปจากเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ผมคิดว่ามันมีความเสี่ยงอยู่ในนั้นเล็กน้อย"

"เด็กสมัยนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องของรองเท้า และเสื้อผ้า นั่นเป็นเรื่องปกติ ที่เราสามารถเข้าใจได้ แต่มันต้องเป็นแบบนี้อีกนานหลายปี ผมคิดว่าฟุตบอลจะสูญเสียความสำคัญไป มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับทุกคน เมื่อแก่นสารนั้นหายไป เสื้อผ้า, รองเท้า และสิ่งอื่น ก็จะไร้ความหมาย ฟุตบอลจะไม่เป็นฟุตบอลอย่างที่เรารู้จัก"

"หากเอ่ยถึงเกมการแข่งขัน ผมว่าเราควรพยายามสร้างบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก เช่นจากทวิตนี้ หรือโพสต์นั้น เรามาพูดถึงสิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นในเกมดีกว่า ทั้งการควบคุมบอล, การผ่านบอล และการดวลกัน ผมรักที่จะคุยเรื่องเหล่านี้มากกว่า"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด