:::     :::

ย้อนวันวานกับ "โอบา"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล พบความผิดหวังในฤดูกาลล่าสุดที่พลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แต่สำหรับผลงานส่วนตัวของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง แล้วต้องบอกว่าโดดเด่นอย่างมาก

โอบาเมย็อง จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งดาวซัลโวร่วมของพรีเมียร์ลีกหลังซัดไป 22 ประตูเท่ากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ 2 สตาร์ลิเวอร์พูล และเมื่อรวมทุกรายการแล้ว หัวหอกทีมชาติกาบองซัลโวไป 31 ประตู

เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โอบาเมย็อง เพิ่งฉลองเบิร์ธเดย์ครบ 30 ปีซึ่งถือว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้งแล้วโดยเฉพาะกับตำแหน่งกองหน้าที่อายุงานโดยทั่วไปมักสิ้นสุดเร็วกว่าตำแหน่งอื่น

"โอบา" ได้โอกาสหวนนึกถึงหลากหลายเรื่องราวในวันที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาครบ 3 ทศวรรษซึ่งเริ่มจากแรงบันดาลใจแรกในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ  

"ผมจะเล่าสั้นๆ ว่าทำไมผมจึงมาเป็นนักฟุตบอล - ก็เพราะพ่อของผมนั่นเอง"

"พ่อคือนักเตะขวัญใจของผมคนแรก ครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาเล่นในสนามคือตอนค้าแข้งกับเลอ อาร์ฟ และผมก็น่าจะอายุ 3 ขวบได้ ผมรู้ในทันทีเลยว่าต้องเป็นแบบเขาให้ได้ ง่ายๆ แบบนั้นเลย" 

"จากนั้นเป็นต้นมา ผมก็เล่นฟุตบอลอยู่ตลอด ในตอนพักเที่ยงตอนเรียน ผมก็เล่นกับเพื่อนๆ เราวิ่งหวดลูกบอลพลาสติกหรืออะไรประมาณนั้น ก็มีเล่นบาสเก็ตบอลนะ แต่ผมไม่ได้สนุกเหมือนกับเล่นฟุตบอล"

โอบาเมย็อง สามารถเลือกเล่นให้ทีมชาติสเปนได้เพราะมีสัญชาติสแปนิชตามคุณแม่ แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกเล่นให้ทีมชาติกาบองตามพ่อบังเกิดเกล้า ก่อนหน้านี้ โอบา ก็เคยวาดฝันว่าอยากไปค้าแข้งในลา ลีกา ดูสักครั้ง 

"พ่อของผมเป็นกัปตันทีมชาติกาบองและผมก็รู้สึกเหมือนเกิดที่กาบองแม้ใช้ชีวิตวัยเด็กที่ฝรั่งเศสก็ตาม เขาสอนผมเกี่ยวกับกาบองหลายอย่างจนกลายมาเป็นสิ่งที่ปลูกฝังให้กับผม ผมสามารถเลือกเล่นให้สเปนหรือฝรั่งเศสได้นะ ผมเคยเล่นให้ฝรั่งเศสชุดอายุไม่เกิน 21 ด้วย แต่ผมรู้อยู่ในใจว่าต้องการเอาอย่างพ่อของผม" 

"เขามาดูผมเล่นทุกนัดตอนที่ผมเล่นให้สโมสรแรกใกล้ๆ กับลาวาลในฝรั่งเศส ผมต้องการเริ่มเล่นตั้งแต่อายุ 4 ขวบเลยนะ แต่อายุแค่นั้นในฝรั่งเศสยังต้องเล่นอีกแบบ ดังนั้นผมก็เลยต้องรอจนถึงอายุ 5 ขวบ" 


โอบาเมย็อง ในวัยเด็กกับทีมลาวาล

"สโมสรแรกของผมคือ ลอ อุยเซรี (L'Huisserie) แน่นอนว่า ผมเล่นให้ทีมนัดแรกด้วยการเป็นกองหน้า ผมรู้ในตอนนั้นเลยว่าฟุตบอลคืนส่วนหนึ่งของชีวิต นับจากนั้นผมก็พยายามทำประตูให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"

"มีครั้งหนึ่งที่จำได้ดี ผมอายุ 9 ขวบได้ในตอนนั้น เรากำลังชนะ 1-0 แต่ผมยังไม่ได้ยิงประตู ผมหันไปมองพ่อที่รวมกับกองเชียร์และผมก็เห็นปู่ของผมมาดูด้วย ผมบอกกับตัวเองว่า 'ต้องยิงให้ได้แล้วตอนนี้' จังหวะต่อมาที่บอลลอยเข้าเขตโทษ ผมกระโดดสุดตัวและตีลังกายิงเข้าประตูไปเลย ผมไม่เคยลืมประตูนั้นและใบหน้าอันเปี่ยมรอยยิ้มของคุณปู่เลย" 

ฟุตบอลระดับเยาวชนในฝรั่งเศสมีการแข่งขันกันสูงมากนั่นเพราะเด็กจำนวนมากล้วนความฝันเหมือนกันคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ช่วงเริ่มต้นของ โอบาเมย็อง จึงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแม้มีผู้นำทางเป็นนักเตะอาชีพอยู่แล้วเช่นเดียวตำแหน่งกัปตันทีมชาติ 

"ในตอนนั้น เราย้ายทีมค่อนข้างบ่อย ผมเคยเล่นให้เยาวชนของนีซ, ลาวาล และรวง มันยากอยู่แล้วกับการย้ายไปย้ายมา แต่ตอนนี้ผมมองว่าเป็นผลดีอย่างมากนะเพราะช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว"

"ผมเล่นริมเส้นมากกว่าหน้าเป้าเพราะมีความเร็ว ผมวิ่งเร็วแต่ไหนแต่ไรและทุกคนก็บอกแบบนั้น แต่พอผมอายุมากขึ้นสัก 15 หรือ 16 ปีนี่แหละ ความเร็วผมก็ดร็อปลงเล็กน้อย"

โอบาเมย็อง ก็เหมือนกับนักฟุตบอลอีกหลายคนที่ต้องพบเจออุปสรรคบนเส้นทางที่ตัวเองเลือก หัวหอกอาร์เซน่อลเกือบตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลและไปเอาดีด้านอื่นเพราะอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ยังไม่ได้เฉียดเข้าใกล้การเล่นอาชีพด้วยซ้ำ 

"ผมเคยมีปัญหาที่หัวเข่าและไม่สามารถวิ่งได้เร็วเหมือนที่เคยทำได้ และมันก็ทำให้เบื่อๆ ฟุตบอลอยู่บ้าง ผมไม่มีสโมสร และไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ก็เลยทำได้เพียงอยู่กับบ้านและพยายามคิดให้บวกเข้าไว้"

"มันยากในตอนนั้นแต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอล ผมยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักในทุกวัน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมคิดเพียงว่าจำเป็นต้องซ้อมให้หนักเข้าไว้เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในชีวิต" 


แจ้งเกิดจริงจังกับแซงต์-เอเตียน

"หลัง 6 เดือนของการซ้อม พ่อผมก็ถามว่า 'ลูกพร้อมจะซ้อมกับทีมหรือยัง?' ผมตอบไปว่า 'พร้อมแล้วครับ' เพราะที่ซ้อมหนักมาตลอดก็เพื่อโอกาสนี้ นั่นคือตอนที่ได้เริ่มซ้อมกับบาสเตีย และเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพก็เริ่มจากตรงนั้น"  

บาสเตีย มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าหลายสโมสรที่ผ่านมา สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้สภาพร่างกายของดาวยิงเชื้อสายกาบอง-สแปนิชกลับมาสมบูรณ์มากขึ้น แต่ยังรวมถึงเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ให้โอบาเมย็องตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี 

"ผ่านไป 2 ปีกับบาสเตีย ผมย้ายไปร่วมทีมเอซี มิลาน ในปี 2007 ผมพยายามเค้นเอาสปีดที่เคยมีออกมาเพื่อวิ่งให้เร็วอีกครั้ง  ผมยังอายุน้อยมากและประสบการณ์ก็แทบไม่มี แต่ที่มิลาน ผมก็ได้เรียนรู้ในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพจริงๆ"

"ผมโชคดีเพราะในตอนนั้นมีผู้เล่นระดับท็อปหลายคนในทีมทั้ง (เปาโล) มัลดินี่, (อเลสซานโดร) เนสต้า, กาก้า, (คลาเรนซ์) เซดอร์ฟ และ โรนัลโด้ ผมค่อนข้างขี้อาย แต่ก็สนใจเฝ้าดูนักเตะเหล่านี้ ผมได้เรียนรู้มากมายเลย"


ใกล้ชิดกับสตาร์มิลาน แต่ไม่ได้ลงเล่นในเกมทางการ

"ผมไม่เคยได้เล่นชุดใหญ่ให้มิลาน และช่วงยากลำบากในอาชีพก็เริ่มตอนนั้น ผมทำได้ดีกับดิฌง (ยืมตัว) แต่พบกับช่วงลำบากอย่างมากตอนยืมตัวที่ลีลล์และโมนาโก ผมไม่ค่อยได้เล่นซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ยากมากๆ สำหรับผม"

โอบาเมย็อง ได้ลงเล่นกับสตาร์รุ่นพี่ในทีมมิลานอยู่บ้างแต่ก็เฉพาะในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น เขาถูกปล่อยให้ ดิฌง, ลีลล์ และ โมนาโก ยืมใช้งาน 3 ฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนเป็น แซง-เอเตียน ที่มองเห็นศักยภาพและตัดสินใจดึงตัวไปร่วมทีมถาวรหลังทำได้ดีในช่วงยืมตัว 

"แต่พอผมย้ายไปร่วมทีมแซงต์-เอเตียน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป คริสตอฟ กัลติเย่ร์ ให้ความเชื่อมั่นกับผมอย่างมาก ผมเคยถูกปล่อยยืมตัวมาตลอด แต่หลังจาก 6 เดือนแรกผ่านไป สโมสรก็ซื้อผมถาวรและผมมีความสุขมากทีเดียว นั่นคือหนึ่งในช่วงเวลาที่ผมพูดว่า 'โอเค ผมต้องพัฒนาตัวเองให้ได้ ต้องทำงานให้หนักขึ้นกว่าที่ผ่านมา' และผมก็ทำตามนั้น" 

"นอกสนามก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ผมมีลูกชายคนแรก - เคอร์ติส - ซึ่งทำให้รู้ว่าผมจำเป็นต้องทุกอย่างเพื่อเป็นนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมคิดว่านับจากนั้นเป็นต้นมา ทุกอย่างก็ไปได้สวยสำหรับผม"


ร้อนแรงต่อเนื่องที่ดอร์ทมุนด์

"ผมได้แชมป์เฟร้นช์ ลีก คัพ กับแซงต์-เอเตียน เป็นคนทำประตูแรกของทีมชาติในโอลิมปิก เกมส์ และได้ดาวซัลโวในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2012 ที่กาบอง ผมพลาดจุดโทษในรอบก่อนรองฯ กับมาลี และนั่นน่าจะเป็นช่วงเวลาแย่ที่สุดของผมกับฟุตบอล แต่ผมก็ต้องอยู่กับมันต่อไปและก็เริ่มทำประตูจากจุดโทษได้มากขึ้น มันเป็นช่วงเวลาย่ำแย่แต่ก็เปิดโอกาสให้ผมได้สร้างสรรค์ช่วงเวลาที่ดีมากมายหลังจากนั้น"

ปี 2013 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ผิดหวังได้เพียงรองแชมป์ยูฟ่า แชเมปี้ยนส์ ลีก เมื่อพ่ายต่อคู่ปรับสำคัญอย่างบาเยิร์น มิวนิค ผู้บริหารของ "เสือเหลือง" จึงตัดสินใจดึงตัว โอบาเมย็อง ไปร่วมทีมด้วยสัญญา 5 ปี เพื่อเป็นความหวังในแนวรุกคนใหม่แทนที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ "เสือใต้" ตามไล่ล่าตัวอย่างหนัก

"โอบา" กับ "เลวาน" ได้เล่นร่วมกันหนึ่งฤดูกาล และก็เป็นไปตามคาด เลวานย้ายไปร่วมทีมบาเยิร์นหลังหมดสัญญากับดอร์ทมุนด์ในปี 2014 

"ผมได้ 2 แชมป์ซูเปอร์ คัพ และเดเอฟเบ โพคาล กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์หลังจากนั้น และกลายเป็นดาวซัลโวตลอดกาลอันดับ 6 ของสโมสร ผมรักช่วงเวลาที่ดอร์ทมุนด์ แต่เมื่ออาร์เซน่อลติดต่อเข้ามา ผมก็ตื่นเต้นอย่างมากกับความท้าทายใหม่"

"ผมชื่นชอบอาร์เซน่อลอยู่แล้วเพราะประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของพวกเขาและนักเตะอย่าง เธียร์รี่ อองรี เขาเป็นต้นแบบสำหรับกองหน้า และด้วยการที่ผมมีความเร็วและยิงประตูได้ ผมจึงเฝ้ามองเขาอยู่เสมอ" 


เป็นดาวซัลโวร่วมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด

"เขาคือเหตุผลที่ผมเลือกหมายเลข 14 อันที่จริงตอนผมมาถึง ผมเลือกหมายเลข 7 นะ แต่ว่ามิคกี้เป็นเจ้าของอยู่แล้ว ผมก็เลยคิดว่า 'ทำไมผมไม่เดินตามรอยตำนานไปเลยล่ะ?'  ผมภูมิใจอย่างมากที่ได้สวมเสื้อหมายเลข 14 และก็รู้สึกเป็นเกียรติ"

"มันเป็นเรื่องง่ายมากในการปักหลักที่นี่ แฟนบอลให้การต้อนรับอย่างดีและในทีมก็ดีกับผมอย่างมาก" 

ซัมเมอร์นี้ โอบาเมย็อง ไม่มีภารกิจกับทีมชาติในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เนื่องจากกาบองตกรอบคัดเลือกอย่างพลิกความคาดหมาย แต่กระนั้นในอีกมุมก็ได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการพักผ่อน ฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจเพื่อกลับมาช่วยทีมในฤดูกาลหน้า

กับข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการย้ายออกจากอาร์เซน่อล ยังไม่มีอะไรชัดเจนและมีน้ำหนักมากนัก โอบาเมย็อง คือดาวซัลโวของทีมและเป็นหนึ่งในแกนหลักที่ อูไน เอเมรี่ ต้องการเก็บเอาไว้ 

ตราบใดที่เจ้าตัวยังสวมเสื้อตราปืนใหญ่ลงสนาม แฟนบอลก็มั่นใจได้เลยว่าหัวหอกวัย 30 ปียังคงเต็มที่เหมือนเดิม และความผิดหวังที่ผ่านมาก็จะยิ่งเป็นแรงขับให้ทำผลงานดียิ่งดียิ่งกว่าเดิม 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด