1 สิงหาคม 2015 เด็กหนุ่มจากรั้วเยาวชนของ เบอร์มิงแฮม โชว์ลีลากระชากลากเลื้อยเข้าไปยิงใส่ เลสเตอร์ ในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นอย่างสวยสดงดงาม
4 มกราคม 2016 เลสเตอร์ ไม่รอช้า จ่าย 3.7 ล้านปอนด์เป็นค่าฉีกสัญญาให้ เบอร์มิงแฮม เพื่อเซ็นสัญญา 4 ปีครึ่งกับเด็กหนุ่มคนนั้นที่ชื่อ 'เดมาเร เกรย์'
"มันเป็นความฝันของผมกับการเล่นในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ที่ผมเริ่มเล่นฟุตบอล ผมจึงมีความสุขมากที่ได้ย้ายมาร่วมสโมสรแห่งนี้"
"คุณได้เห็นแล้วกับผลงานของทีมที่ทำมาตลอดปีนี้ ผมดูเกมฟุตบอลมามาก แนวทางที่ เลสเตอร์ เล่นนี่แหละที่เข้าสไตล์ของผม" หนุ่มน้อยร่างบางวัย 19 หยอดความหวานใส่ทีมใหม่
แม้เวลานั้น เกรย์ เพิ่งอายุแค่ 19 แต่ปีกจรวดที่ขึ้นชั้นมาจากทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 17 ลงรับใช้ เบอร์มิงแฮม ชุดใหญ่ไปกว่า 78 นัด และยิงได้ 8 ประตู
เพียงแค่ 6 เดือนแรก เกรย์ ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเคอะเขิน เพราะ 12 นัดที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก เป็นการลงสำรองถึง 11 นัด และเป็นตัวจริงเกมเดียวคือนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ทีมการันตีแชมป์ไปแล้ว
แฟนบอล จิ้งจอกสีน้ำเงิน เริ่มจดจำเด็กหนุ่มจาก เบอร์มิงแฮม ได้มากขึ้น จากประตูสวยๆ ที่ยิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หรือที่ลากโซโล่เข้าไปยิง ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในเกมเอฟเอ คัพ
แต่ก็ไม่มีเกมไหนที่ผลงานเตะตามากที่สุดตลอด 22 เดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งเกมที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ต่อหน้าแฟนบอลใน คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์
ประตูแรกจากจังหวะเปลี่ยนเกมรับเป็นเกมรุก เกรย์ กระชากหลบหนึ่ง หลบสอง หลบสาม รวมๆ แล้วกว่า 80 หลา ก่อนผ่านให้ ริยาด มาห์เรซ และจบที่ เจมี่ วาร์ดี้ ส่วนประตูที่สองมาจาก เกรย์ ที่เปิดยัดไปถูก จอนโจ เคนนี่ กองหลังเอฟเวอร์ตัน เตะสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง
และยังมีอีกหลายๆ จังหวะที่เรียกเสียงฮือฮา และความน่าตื่นตาตื่นใจให้แฟนบอล แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการตอบแทนความไว้วางใจของผู้จัดการทีมคนใหม่ โคล้ด ปูแอล ที่เลือกส่ง เกรย์ ลงตัวจริงในเกมประเดิมคุมทีม
นั่นก็หมายความว่า กุนซือชาวฝรั่งเศส น่าจะมีที่ว่างในใจให้ ปีกทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ค่อนข้างแน่แล้ว
"ผมเฝ้ารอเวลานี้มาอย่างยาวนาน หวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงเล่นอย่างต่อเนื่องของผม เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการสำหรับการเรียกความเชื่อมั่น และการได้รับแรงผลักดันก็ช่วยพัฒนาผมในฐานะนักเตะ"
"ผมพร้อมลงเล่นเสมอ และผมก็พูดเสมอว่าผมพร้อมลงเล่น" เกรย์ 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นการลงตัวจริงเกมที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา กล่าว
"เขาไม่ได้พูดอะไรมากนักก่อนเกม แค่บอกผมว่าเล่นให้ดีที่สุด หลังเกม เขาพูดชมผมเรื่องการเล่นทั้งตอนครองบอล และไม่มีบอล ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อความเชื่อมั่นของผม"
ส่วนเรื่องประตูที่สองที่ถูกยกเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังเอฟเวอร์ตันนั้น เกรย์ ไม่ใส่ใจเรื่องนี้
"ไม่มีใครพรากประตูนั้นไปจากผมได้ มันเป็นวันที่ดีสำหรับผม และความมั่นใจของผม"
ด้วยสัญญาฉบับแรกและฉบับเดียวที่จะไปสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2020 ทำให้ เลสเตอร์ เปิดการเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ เกรย์ มาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ติดตรงที่ปัญหาภายในต่างๆ ที่ทำให้การเซ็นสัญญาต้องล่าช้า
"นั่นเป็นเรื่องของตัวแทนผมและเจ้าหน้าที่สโมสร ทั้งหมดที่ผมทำได้คือผลงานที่ผมทำในวันนี้ และเมื่อทุกอย่างได้บทสรุป เราก็จะจัดการมัน"
"จริงๆ แล้วเราต้องการเห็นหน้าตาผู้จัดการทีมคนใหม่เสียก่อน ปล่อยให้เป็นเรื่องของตัวแทนผมที่จะจัดการ และเมื่อพวกเขายกหูโทรศัพท์มาหาผมเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเราค่อยจัดการ สำหรับตอนนี้ผมมีความสุขกับการเล่นฟุตบอลที่นี่"
เมื่อเป้าหมายกับสโมสรเริ่มเข้าที่เข้าทาง เป้าหมายต่อไปจึงอยู่ที่ทีมชาติ ซึ่งเวลานี้ เกรย์ ก้าวขึ้นเป็นกำลังหลักของ อังกฤษ ชุดยู-21 แม้ผิดหวังมาจากการตกรอบรองชนะเลิศ ศึกชิงแชมป์ยุโรป 2017 เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ มีการเปิดอัตรานักเตะที่จะติดทีมชาติอังกฤษ ชุดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายเอาไว้ เกรย์ ซึ่งยังไม่เคยถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่มาก่อนเลย ถูกตั้งเอาไว้สูงถึง 14/1 (แทง 1 จ่าย 14 ไม่รวมทุน) แต่หลังจากเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ทุกอย่างลดฮวบฮาบลงเหลือ 4/1 (แทง 1 จ่าย 4 ไม่รวมทุน) เท่านั้น
ถึงเวลานี้ ความฝันของเด็กหนุ่มที่เกิดและโตในเบอร์มิงแฮม ใกล้เป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ก่อนจะก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้น เกรย์ ต้องรักษาผลงานของตัวเองภายใต้การคุมทีมของ ปูแอล ให้ได้สม่ำเสมอและคงเส้นคงวาที่สุด
