แต่ถ้าถาม “แฟนบอลเมืองทอง” ภาพแรกที่ลอยมาในห้วงความคิดเหล่า “กิเลนผยอง” อาจเป็นชายชื่อ เฮแบร์ตี แฟร์นานเดส
หลังจากไปลื่นบ่อน้ำมันอยู่ที่ซาอุดีอาระเบีย จนถูกฉุดกลับมาใช้ชีวิตเปื้อนลูกหนังแถบนนทบุรี ดาวยิงวัย 30 ปี กลายเป็นเสาหลักของทีมทันที
ไม่ว่าลมฝนจะผ่านมาแถบธันเดอร์โดม พัดกุนซือเปลี่ยนไปกี่หน เฮแบร์ตี ยังคงยืนที่หนึ่งเสมอสำหรับบทบาทคีย์แมน
สร้างสรรค์เกมรุก : เฮแบร์ตี
เตะมุม : เฮแบร์ตี
ฟรีคิก : เฮแบร์ตี
จุดโทษ : เฮแบร์ตีเขาเหมือน "พาราเซตามอล" ที่ไม่ว่าใครคิดอะไรไม่ออก ปวดหัว หมดปัญญา ก็แค่มองหาเขาแล้วส่งบอลไปให้
เรียกว่า "ขี้ไม่ออก" ขอให้บอก เฮแบร์ตี นั่นอาจเป็นตัวเลือกดีที่สุด
กาลครั้งหนึ่ง ผู้เขียนเคยคุยกับโค้ชระดับไทยลีก ถึงการเจอกับ เอสซีจี เมืองทองฯ เขาบอกว่าวิธีรับมือ เมืองทอง "ง่ายแต่ยาก"
เมื่อบอลมาไม่ถึงเขา เฮแบร์ตี จะเริ่มเคลื่อนที่หาบอลเอง เขาจะเตร่ไปทั่วสนามทั้งริมเส้น หรือลงต่ำมากลางสนาม เพื่อรับบอลและสร้างสรรค์เกม
ถ้าคุณตั้งโซนลึก อีซ้ายเขาสามารถลั่นไกได้ทุกเมื่อในแอเรีย 40 หลา แต่หากคุณตัดฟาล์ว ก็มีโอกาสถูกฟรีคิกที่คมกริบเขาอีก แต่หากคุณสามารถสร้างความรำคาญกับ เฮแบร์ตี หรือทำให้เขาเล่นอย่างลำบากได้ เท่ากับว่าคุณตัดขา "กิเลน" ไปข้างหนึ่งแล้ว
แม้ฟุตบอลจะเล่นเป็นทีม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกทีมต้องมีคีย์แมน หรือนักเตะที่สร้างจุดเปลี่ยน เป็นที่พึ่งยามทีมชนกับทางตัน
สิ่งเหล่านั้นดูเหมือน เฮแบร์ตี จะแบกเอาไว้บนบ่าเกือบหมดยิ่งกับฤดูกาลนี้ที่ผลงานทีมบัดซบสุดในประวัติศาสตร์การออกสตาร์ท แต่ดาวยิงบราซิเลียนรายนี้ ยังผลิตผลงานได้อย่างต่อเนื่อง ทำทุกอย่างสากเบือยันเรือรบ ในแผงแนวรุก เมืองทอง
ผู้เขียนลองไล่ดูสถิติการทำประตูของ เอสซีจี เมืองทอง ในฤดูกาลนี้ ตั้งแต่ประตูแรกจนถึงปัจจุบันขณะ พวกเขาพังตาข่ายคู่แข่งไป 19 ตุง (นับถึงนัดที่ 17 หลังชนะ ทรู แบงค็อกฯ 3-2)
นี่คือความจริงที่พบ…
ประตูที่ 1 (ชนะ เชียงใหม่ 2-0) : เฮแบร์ตี ลากหลบ 2 แนวรับ เชียงใหม่ ก่อนปาดให้ ธีรศิลป์ ใส่สกอร์
ประตูที่ 2 (ชนะ เชียงใหม่ 2-0) : เฮแบร์ตี ยิงจุดโทษตอกฝาโลง
ประตูที่ 3 (ชนะ สิงห์ เชียงราย 3-2) เฮแบร์ตี พาบอลหลบแนวรับ เชียงราย ถวายพานให้ กรวิชญ์ ยิงเน้นๆ
ประตูที่ 4 (ชนะ สิงห์ เชียงราย 3-2) เฮแบร์ตี ลากจากแดนตัวเอง หลบ 3 ผู้เล่น เชียงราย ทะลุช่องให้ ธีรศิลป์ ยิง
ประตูที่ 5 (ชนะ สิงห์ เชียงราย 3-2) เฮแบร์ตี พาบอลสวนกลับไว ทะลุช่องให้ อดิศักดิ์ กดด้วยซ้ายเป็นประตูชัย
ประตูที่ 6 (แพ้ นครราชสีมา 1-3) เฮแบร์ตี ตวัดด้วยซ้ายจังหวะเดียวข้ามแนวรับให้ อดิศักดิ์ ซัดตีไข่แตก
ประตูที่ 7 (แพ้ การท่าเรือ 1-2) เฮแบร์ตี แอสซิสต์จากฝั่งขวาให้ วีรวุฒิ กาเหย็ม แปโล่งๆ
ประตูที่ 8 (เสมอ พีทีที ระยอง 2-2) เฮแบร์ตี เรียกจุดโทษ ก่อนลุกขึ้นมายิงเอง
ประตูที่ 9 (เสมอ พีทีที ระยอง 2-2) บอลเริ่มต้นจาก เฮแบร์ตี เล่นกับ สารัช ธีรศิลป์ ก่อน มาริโอ ดีดไซส์ก้อยตีเสมอ
ประตูที่ 10 (ชนะ สุโขทัย 2-0) เฮแบร์ตี จ่ายให้ สุพร ครอสให้ ธีรศิลป์ โหม่งเข้าไป
ประตูที่ 11 (ชนะ สุโขทัย 2-0) เฮแบร์ตี วอลเลย์ด้วยซ้ายจังหวะเดียว ตอกฝาโลงค้างคาวไฟ
ประตูที่ 12 (ชนะ ตราด 3-0) เฮแบร์ตี ขวิดเป็นประตูจากจังหวะถวายพานของ มาริโอ
ประตูที่ 13 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ประตูที่ 14 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ประตูที่ 15 (ชนะ พีที ประจวบ 2-1) เฮแบร์ตี เปิดให้ อดิศักดิ์ ยิงเน้นๆ
ประตูที่ 16 (ชนะ พีที ประจวบ 2-1) เฮแบร์ตี ยิงฟรีคิกชนเสา เด้งมาเข้าทาง แดร์เลย์ ซ้ำเป็นประตูชัย
ประตูที่ 17 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ประตูที่ 18 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ประตูที่ 19 (ชนะ ทรู แบงค็อกฯ 3-2) เฮแบร์ตี ตะบันอีซ้ายนอกกรอบ นาทีสุดท้าย ให้ทีมแซงชนะสุดมันส์
สิ่งเหล่านี้คือผลงานที่ เฮแบร์ตี รังสรรค์ให้สโมสรในซีซั่นนี้
5 ประตู 8 แอสซิสต์ มีส่วนร่วมกับ 15 ลูก จากทั้งหมด 19 ประตู ที่ทีมทำได้
หากไม่ยกว่าหมอนี่ว่าคือ "หัวใจกิเลนผยอง"
ก็ไม่รู้จะหยิบคำไหนมาเอื้อนเอ่ยถึงหมอนี่ได้อีก...
