:::     :::

ปั้นจนดังแล้วขายกำไรอื้อ

วันจันทร์ที่ 08 กรกฎาคม 2562 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
4,576
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ชูเอา เฟลิกซ์ กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่ในประวัติศาสตร์ที่ เบนฟิก้า ขายออกจากทีมด้วยค่าตัว 126 ล้านยูโรไป แอตเลติโก มาดริด

เท่านั้นไม่พอ มันทำให้เจ้าหนูวัย 19 รายนี้ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่ เนย์มาร์ (222 ล้านยูโร) และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (135 ล้านยูโร) เพียงสองคนเท่านั้น

แพงกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว, แพงกว่า ปอล ป็อกบา ตอนย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แพงกว่า เอแด็น อาซาร์ ที่ย้ายไปเรอัล มาดริด และก็แพงกว่า อองตวน กรีซมันน์ ที่เตรียมจะย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า

ไม่ใช่ว่าเพราะดาวรุ่งเนื้อหอมรายนี้ค่าตัวแพงขนาดนั้น เพียงแต่มันคือ "ค่าฉีกสัญญา" ที่เซ็นกันเอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วก็มักจะตั้งสูงๆเอาไว้ก่อน ถ้าทีมไหนกล้าจ่าย และนักเตะอยากไปก็เชิญ

ในช่วง 2-3 ปีหลัง เบนฟิก้า ถือว่าทำกำไรมหาศาลจากการขายนักเตะได้เงินไปหลายร้อยล้านยูโร ช่วยให้ตัวเลขของสโมสรมีสีเขียวเต็มพรืด 


ขณะเดียวกันผลงานของทีมก็ยังคงยอดเยี่ยมอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศ ล่าสุดปีนี้ก็คว้าแชมป์ซูเปอร์ลีกา โปรตุเกสมาครอง แม้ในบอลยุโรปจะยังห่างไกลแต่ก็เข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มอยู่ทุกปี

เฟลิกซ์ มาอยู่กับสโมสรตั้งแต่อายุ 15 ปี ในระยะเวลาเพียงแค่ 4 ปีเศษเท่านั้นทีม "เหยี่ยวลิสบอน" ฟันกำไรแบบเน้นๆกับการขายไปให้ แอตเลติโก มาดริด ทั้งที่เพิ่งจะขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวในปีนี้เท่านั้น

คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แฟนบอล เบนฟิก้า คงไม่มีอะไรต้องไปเสียดาย 

ลองดูกันว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีนักเตะคนไหนที่ผ่านมือ เบนฟิก้า มาแบบไม่เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไร แต่ขายออกไปทำกำไรอื้อซ่ากันเลยทีเดียว

เอแดร์ซอน

ตำแหน่ง : ผู้รักษาประตู

ไป : แมนเชสเตอร์ ซิตี้  ค่าตัว : 40 ล้านยูโร


เช่นเดียวกันกับ ชูเอา เฟลิกซ์, เอแดร์ซอน ลงเล่นเต็มฤดูกาลให้กับ เบนฟิก้า เพียงแค่ปีเดียวก่อนที่จะย้ายทีมพร้อมค่าตัวก้อนโต

จริงอยู่ที่มือกาวทีมชาติบราซิลเคยมาอาศัยอยู่กับทีม "เหยี่ยวลิสบอน" ในสมัยที่เป็นดาวรุ่งด้วยอายุเพียง 16 ปี ก่อนจะเดินทางกลับไปเทิร์นโปรกับ ริเบยเรา สโมสรในบ้านเกิดหนึ่งปีก่อนไปสร้างชื่อกับ ริโอ อาฟ และถูก เบนฟิก้า ดึงกลับมาอยู่กับทีมอีกครั้งในปี 2015 ด้วยค่าตัวที่ 500,000 ยูโร

ในปีแรก เอแดร์ซอน ยังไม่ได้เป็นตัวจริงของทีมถาวร และยังเคยถูกส่งไปเฝ้าเสาให้กับ เบนฟิก้า บี อีกด้วย กระทั่งในซีซั่น 2016/17 ก็ก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว

ผู้รักษาประตูวัย 23 ปี (ในตอนนั้น) ฉายแววไม่ธรรมดาถึงขนาดที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เบิกเงินจากสโมสรจำนวน 40 ล้านยูโรเพื่อดึงตัวมาเฝ้าเสา ซึ่ง เอแดร์ซอน ก็โชว์ผลงานยอดเยี่ยมช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ปีติดต่อกัน โดยเฉพาะในฤดูกาลที่ผ่านที่กวาด 3 แชมป์ในประเทศ

จนถึงตอนนี้คาดกันว่าค่าตัวของนักเตะน่าจะพุ่งถึงหลัก 70 ล้านยูโรไปแล้วด้วย

ราอูล ฮิเมเนซ

ตำแหน่ง : กองหน้า

ไป : วูล์ฟแฮมป์ตัน  ค่าตัว : 38 ล้านยูโร


หลังจากสร้างชื่อมากับ คลับ อเมริกา สโมสรในบ้านเกิดด้วยผลงาน 39 ประตูจาก 102 เกม, ราอูล ฮิเมเนซ ในวัย 23 ปีก็ได้โอกาสในการก้าวไปอีกขั้นของเส้นทางอาชีพด้วยการโยกมาค้าแข้งในยุโรป

แอตเลติโก มาดริด ไม่ใช่สโมสรเล็กเลยกับการยกระดับการเล่นกับค่าตัว 11 ล้านยูโร แต่ดาวยิงทีมชาติเม็กซิโกก็เข้ามาเป็นเพียงตัวสำรองของทีมต่อจาก มาริโอ มานด์ซูคิช เท่านั้น ทำให้ผลงานในแง่ของตัวเลขดูไม่ค่อยโสภาเท่าไรนัก

แค่ปีเดียวในเมืองมาดริดก็มีข่าวเรื่องย้ายทีมออกมา เวสต์แฮม สโมสรดังจากอังกฤษหวังจะยืมตัวมาใช้งานในพรีเมียร์ลีก ซึ่งทุกอย่างเกือบจะลงเอยแล้ว แต่ทาง จอร์จ เมนเดส แนะนำให้นักเตะย้ายไปเล่นในโปรตุเกสกับ เบนฟิก้า มากกว่า

ซึ่งจะว่าไปแล้วด้วยผลงานของ ฮิเมเนซ ในลีกแดนฝอยทองต้องบอกว่าไม่ได้ดีเลิศอะไร ตัวเลข 31 ประตูจาก 120 เกมดูจะน้อยไปสักหน่อย จนกระทั่ง เบนฟิก้า ตัดสินใจปล่อยให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมน้องใหม่ของพรีเมียร์ลีกยืมตัวใช้งาน

และที่ลีกแดนผู้ดีเหมือนจะเข้ากับฝีเท้าของสตาร์รายนี้มากกว่าหลังซัด 13 ประตูจาก 38 เกม คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของประตูที่ทีมทำให้ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา จนทีม "หมาป่า" ต้องทุ่มทุน 38 ล้านยูโรเพื่อดึงตัวมาร่วมทีม

ถึงตอนนี้ราคาก็คงขยับสูงขึ้นไปอีกหลังพ่วงดีกรีแชมป์คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ ล่าสุดพร้อมด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาครอง

เนลซอน เซเมโด้

ตำแหน่ง : แบ็กขวา

ไป : บาร์เซโลน่า  ค่าตัว : 35 ล้านยูโร


แข้งที่คงไม่มีใครที่รู้จักกันมากนักหากไม่ได้ย้ายไปอยู่กับโคตรทีมอย่าง บาร์เซโลน่า เมื่อซัมเมอร์ปี 2017

จากเด็กดาวรุ่งในทีม ซินเตรนเซ่ สโมสรในลีกล่าง (มากๆ) ของโปรตุเกส มาอยู่กับ เบนฟิก้า ในปี 2012 ซึ่งในฤดูกาลแรกก็ถูกส่งให้ ฟาติมา สโมสรในระดับดิวิชั่น 3 ยืมตัวใช้งานก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพราะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องก่อนกลับมาอยู่กับ เบนฟิก้า บีอีกสองปี

มาถึงฤดูกาล 2015/16 เซเมโด้ เริ่มฉายแววว่ามีของ เพราะถึงแม้จะเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาแต่การเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกเหมือนปีกเป็นที่ถูกตาต้องใจแฟนบอลเป็นอย่างยิ่งจนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมหลังจากที่ มักซี่ เปเรยร่า ย้ายออกไปอยู่กับ ปอร์โต้

ในขณะที่ "เจ้าบุญทุ่ม" มีปัญหาทางแบ็กขวานับตั้งแต่การอำลาทีมของ ดาเนี่ยล อัลเวส ก็ประจวบกับจังหวะที่ เนลซอน เซเมโด้ ขึ้นมาพอดี ทำให้ยักษ์ใหญ่จากสเปนทุ่มเงิน 35 ล้านยูโรดึงตัวไปร่วมทีม

และนั่นคือเม็ดเงินแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่ เบนฟิก้า ได้จากการขายแบ็กรายนี้ออกจากทีมไป

วิคตอร์ ลินเดเลิฟ

ตำแหน่ง : กองหลัง

ไป : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  ค่าตัว : 35 ล้านยูโร


หนึ่งในนักเตะตำแหน่งแนวรับที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่ผ่านมา ท่ามกลางปัญหาเกมรับที่เสียประตูเป็นว่าเล่นของทีม

เด็กหนุ่มจากสวีเดนโยกมาอยู่กับยอดทีมของโปรตุเกส ซึ่งตลอดเส้นทางของ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ถือว่าไม่ง่ายเลยเพราะต้องขึ้นๆลงๆระหว่างทีมชุดใหญ่กับทีมบีมาตลอด 5 ปี และเพิ่งจะขึ้นมาลงสนามเต็มตัวกับทีมชุดใหญ่ในซีซั่น 2016/17 

ลินเดเลิฟ ค่อยๆพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนมีหลายทีมจับตามอง ด้วยเทคนิคที่มีและสิ่งสำคัญก็คือความ "ใจสู้" ทำให้เขาเป็นที่ชอบใจของแฟนบอลรวมถึงสโมสรที่ให้ความสนใจ

จากนักเตะที่มาอยู่กับทีมแบบไม่มีค่าตัวสุดท้าย "ปีศาจแดง" ทุ่มเงินระดับ 35 ล้านยูโรดึงไปร่วมทีม ฟันกำไรแบบเน้นๆกันไป

เรนาโต้ ซานเชส

ตำแหน่ง : กองกลาง

ไป : บาเยิร์น มิวนิค  ค่าตัว : 35 ล้านยูโร


ตัวนี้ต้องบอกว่าปั้นมากับมือของจริง หลังจากที่มาอยู่กับสโมสรตั้งแต่อายุเพียงแค่ 9 ขวบเท่านั้น

เรนาโต้ ซานเชส ค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาเล่นในทีม เบนฟิก้า บี ก่อน จากนั้นก็ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2015/16 แต่ที่ทำให้เจ้าตัวเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั้นมาจากการที่ติดทีมชาติโปรตุเกสชุดลุยศึกยูโร 2016 หลังจากที่เคยอยู่ในทีมชุดยู-17 ชิงแชมป์ยุโรปที่เข้าถึงรอบรอบชนะเลิศ ซึ่งในปีนั้นเจ้าตัวติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย 

เรนาโต้ ติดทัพฝอยทองชุดใหญ่ลุยรายการเมเจอร์ในฐานะนักเตะอายุน้อยที่สุดทำลายสถิติเดิมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เคยติดทีมลุยยูโร 2004 

และในปีนั้น โปรตุเกส ก็ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อด้วยการก้าวไปคว้าแชมป์อย่างสุดยอด แถมชื่อของ เรนาโต้ ซานเชส ยังได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์อีกด้วย

สุดท้าย บาเยิร์น มิวนิค ทนไม่ไหวทุ่มเงิน 35 ล้านยูโร ดึงตัวมาร่วมทีม ซึ่งในเงื่อนไขนั้นค่าตัวสามารถจะพุ่งถึงขีดสุดที่ 80 ล้านยูโรด้วย

แม้ว่าจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร แต่เขาก็ถือเป็นนักเตะโปรตุเกสคนแรกที่ได้มาค้าแข้งกับทีม "เสือใต้" เลย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด