:::     :::

"คนทรยศ" หรือ "ผู้เสียสละ"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การไม่ยอมเดินทางไปทัวร์ปรีซีซั่นกับอาร์เซน่อลของ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กลายเป็นประเด็นใหญ่โตอย่างมากเพราะเป็นการขัดคำสั่งสโมสรของผู้เล่นที่เป็นถึงกัปตันทีม

การตัดสินใจของ กอสซิแอลนี่ ในครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนที่สโมสรรวมถึงแฟนบอลทั้งอาร์เซน่อลและทั่วไป ขณะที่ อูไน เอเมรี่ เฮดโค้ชของทีมรวมถึงบอร์ดบริหารก็ฉุนสุดขีดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

อดีตกองหลังทีมชาติฝรั่งเศส เดินทางมารายงานตัวกับทีมในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี แต่ไม่ได้มาเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องเดินทางไปทัวร์ที่สหรัฐฯ หากแต่มาเพื่อย้ำจุดยืนของตัวเอง ... ไม่เดินทางไปกับทีม

อาร์เซน่อลไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดถึงเหตุผลที่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ปฏิเสธไปทัวร์ซึ่งเพื่อนร่วมทีมคนอื่นออกเดินทางจากอังกฤษในเวลา 12.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่สื่อในอังกฤษรายงานตรงกันว่า กัปตันทีมวัย 33 ปีต้องการย้ายทีม

กอสซิแอลนี่ ยังเหลือสัญญากับอาร์เซน่อลอีก 1 ปี แต่ต้องการย้ายในซัมเมอร์นี้พร้อมทั้งอ้างว่าสโมสรเคยตกลงให้ย้ายได้แบบไร้ค่าตัว แต่อาร์เซน่อลก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาใดๆ เอาไว้ 

ก่อนหน้ายูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้น อาร์เซน่อลกับกอสซิแอลนี่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องต่อสัญญาฉบับใหม่ แต่พอพ่ายต่อเชลซีและพลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เรื่องสัญญาใหม่ของกัปตันกอสจึงแทบชะงักตามไปด้วย 

บอร์ดบริหารปืนใหญ่จำเป็นต้องเข้มงวดมากขึ้นในแผนการใช้เงินทั้งเรื่องงบประมาณในการซื้อนักเตะ ค่าเหนื่อยในการต่อสัญญาผู้เล่นที่มีอยู่ ฯลฯ 

การไม่ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก หมายถึงพลาดแหล่งรายได้สำคัญซึ่งผลตอบแทนจากการเล่นในถ้วยยุโรปทั้งสองรายการต่างกันลิบลับอย่างที่ทราบกัน

ในเบื้องต้น การกระทำของ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ถือว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเป็นนักกีฬาอาชีพ แม้แต่มนุษย์เเดือนทั่วไปก็จำเป็นต้องมีสิ่งนี้เพราะเป็นคุณสมบัติที่ยืนยันว่าเราเคารพต่อบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง

ในเมื่อยังมีสัญญากับสโมสร ยังได้ชื่อว่าเป็นนักเตะในสังกัด และยังรับเงินเดือน กอสซิแอลนี่ ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับที่สโมสรวางเอาไว้ จะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ควรฝ่าฝืน 

ยิ่งเป็นกัปตันทีมด้วยแล้ว ยิ่งต้องเคร่งครัดในระเบียบวินัยมากกว่าคนอื่นเพราะการที่ได้รับความเชื่อมั่นให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมก็เพราะถูกมองว่ามีความเหมาะสม ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติให้เป็นตัวอย่างสมกับตำแหน่งสำคัญ

ทุกคนมีเหตุผล มีความต้องการ มีความปรารถนาของตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าสามารถละเมิดกฎเกณฑ์ได้ เหมือนกับสังคมเราที่ต้องมีกฎหมายช่วยตีกรอบเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำโดยที่ไม่สนใจคนอื่น

กอสซิแอลนี่ อยากย้ายกลับไปฝรั่งเศสหลังมีข่าวว่าหลายทีมในลีก เอิง สนใจ เขาน่าจะได้รับข้อเสนอที่โอเคอย่างมากกับช่วงท้ายอาชีพแบบนี้ 

แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า หลังจากอาร์เซน่อลพลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ความเป็นไปได้ของสัญญาที่อาร์เซน่อลจะให้กับกอสซิแอลนี่คือ เป็นสัญญาปีต่อปี และจ่ายตามที่ลงเล่น ถ้าเจ็บบ่อยและได้ลงสนามน้อยนิด ผลตอบแทนก็เล็กน้อยตามไปด้วย

ดังนั้น เมื่อมีข้อเสนอที่พร้อมจ่ายเต็มที่ในระยะเวลา 2 หรือ 3 ปีตามที่ กอสซิแอลนี่ คิดว่าตัวเองยังเล่นไหวและเป็นสัญญาสุดท้ายในอาชีพค้าแข้ง แรงจูงใจในการกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดก็มากพอที่จะทำให้ทำในสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิด 

หากอาร์เซน่อลยอมปล่อย กอสซิแอลนี่ ให้ย้ายฟรีในซัมเมอร์นี้ ทีมที่ดึงตัวไปใช้งานก็สามารถจ่ายค่าเหนื่อยงามๆ ให้ได้แบบไม่คิดมากเพราะไม่ได้เสียเงินซื้อตัว 

การพยายามงัดข้อเพื่อบีบให้สโมสรตัดใจปล่อยฟรีไม่ใช่วิถีของมืออาชีพ และทันทีที่อาร์เซน่อลแถลงข่าวนี้ออกมา กอสซิแอลนี่ จึงโดนวิจารณ์อย่างหนักหน่วงทั้งจากแฟนบอล นักข่าว และอดีตนักเตะอาร์เซน่อลเอง 


หลายคนยกมือสนับสนุนให้ปลดออกจากตำแหน่งกัปตันทีมไปจนถึงขั้นให้ขายทิ้ง ไม่ควรเก็บเอาไว้เพราะรั้งแต่จะส่งผลเสียต่อทั้งความสามัคคีและสปิริตในทีม ขณะที่เพื่อนร่วมทีมจะมองกอสซิแอลนี่ในสายตามที่ไม่เหมือนเดิม

แน่นอนว่า โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ คือตัวปัญหาและเป็น "คนทรยศ" สำหรับหลายคน 

แต่อีกมุมมันก็มีสิ่งที่น่าคิดตามอย่างมากว่านักเตะที่ไม่เคยสร้างปัญหาใดๆ ตลอดระยะเวลาหายปีที่ผ่านมา ทำไมถึงกล้าแข็งข้อกับสโมสร 

กอสซิแอลนี่ อายุ 33 ปีแล้ว ผ่านชีวิตมาโชกโชนทั้งในฐานะนักฟุตบอลอาชีพและมนุษย์คนหนึ่ง เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าการกระทำแบบนี้ไม่ถูกต้องเหมาะสม รู้แน่ๆ ว่าต้องมีเสียงวิจารณ์ด้านลบตามมามากมาย รู้อยู่แล้วอาจถูกมองว่าเสียคนตอนแก่ 

แต่ทำไมถึงทำ ? เหตุผลแค่อยากกลับไปเล่นในฝรั่งเศสอีกรอบมันมีน้ำหนักมากขนาดนั้นเชียว ?

เป็นไปได้หรือไม่ที่ กอสซิแอลนี่ ยอมพลีชีพครั้งนี้เพื่ออยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเอง

ถ้าเป็นคนอื่นที่งัดข้อสโมสรแบบนี้อาจไม่ได้รับความสนใจหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง เพราะคนที่เงียบที่สุดจะเสียงดังที่สุดเสมอเมื่อเปิดปากพูด ไม่ว่าสิ่งใดที่เอ่ยออกมาหรือกระทำขึ้น ย่อมได้รับความสนใจมากกว่าคนที่ตกเป็นข่าวทุกวันจนน่าเบื่อ 

โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ใช้ความเป็นตัวเองป่าวประกาศและเรียกความสนใจอย่างได้ผล แถลงการณ์อาร์เซน่อลที่ชิงประณามนักเตะออกสื่อ จึงเหมือนประจานตัวสโมสรเองเพราะโดยทั่วไปแล้ว สโมสรหรือองค์กรใดก็ตาม ไม่ควรนำเรื่องทางลบภายในออกสู่ภายนอก 

ด้วยเหตุนี้ สโมสรอาร์เซน่อลจึงถูกรุมทึ้งจากสื่ออย่างหนัก กอสซิแอลนี่ อาจเป็นเป้าใหญ่ที่หลายคนโจมตี แต่ก็มีไม่น้อยที่ต้องการเสาะหาความจริง มากกว่าปัญหาของคนคนเดียว

อาร์เซน่อลบริหารงานและบริหารคนอย่างไรถึงปล่อยให้คนที่ทำตัวดีมาโดยตลอด ไม่เคยออกลูกงอแง กล้าฝ่าฝืนคำสั่งได้ขนาดนี้ 

หากเราตามข่าวกันมาต่อเนื่องจะเห็นกันอยู่แล้วว่า บอร์ดบริหารอาร์เซน่อลถูกวิจารณ์บ่อยครั้งว่าไร้ประสิทธิภาพและไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่มีแฟนบอลทีมไหนที่ชิงชังเจ้าของทีมในระดับที่แฟนอาร์เซน่อลรู้สึกต่อ สแตน โครเอนเก้ (น่าจะสูสีกับแฟนผีที่รู้สึกต่อครอบครัวเกลเซอร์)


เพื่อนร่วมทีมคนอื่นออกเดินทางสู่อเมริกาแล้ว

ขนาดแฟนบอลทั่วไปยังรับรู้ได้ระดับหนึ่งว่าการบริหารงานของอาร์เซน่อลมีปัญหาและเจ้าของทีมก็ไม่เคยควักเงินตัวเองทุนกับสโมสรแม้แต่ปอนด์เดียวทั้งที่ทีมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน 

กอสซิแอลนี่ ที่เป็นคนในแท้ๆ และอยู่มาเกือบสิบปี ย่อมรู้ย่อมเห็นถึงปัญหาที่มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า เขาคงอยากให้ทีมเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อไม่มีวี่แววในแบบที่อยากเห็น ก็ถึงเวลาพอกันที ทางใครทางมัน 

หลายคนเคยตั้งคำถามมาตลอดว่า อาร์เซน่อลมีทิศทางในการก้าวเดินอย่างไรกับเจ้าของทีมแบบนี้ มีเป้าหมายอยากประสบความสำเร็จจากใจจริง หรือ เป็นเพียงคำพูดปลอบประโลมที่ไร้ซึ่งการลงมือทำ

การลุกขึ้นเผชิญหน้ากับสโมสรของ กอสซิแอลนี่ จึงเหมือนเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่บอกกับเราว่าอาร์เซน่อลไม่ใช่สโมสรที่นักเตะพร้อมร่วมหัวจมท้ายไปตลอดซึ่งก็แทบไม่ได้ต่างจากหลายต่อหลายคนที่เลือกไปหาความท้าทายกับทีมอื่น 

คนอื่นก็เพียงไม่ได้ใช้ไม้แข็งแบบกอสซิแอลนี่ หากแต่เลือกวิธีที่นุ่มนวลมากกว่าเช่นการไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่และปล่อยให้ข้อผูกมืดหมดลง จากนั้นก็เก็บกระเก๋าเดินออกจากประตูไป 

การกระทำของ โลร็องต์ แอสซิแอลนี่ นั้นผิดอยู่แล้วในฐานะมืออาชีพ แต่อีกด้านก็คือการยอมสละชื่อเสียง อำนาจ บารมี และอาจรวมถึงศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อให้ผลของการกระทำก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบางสิ่ง 

เป็นคน "ทรยศ" หรือ "เสียสละ" ก็แล้วแต่ใครจะเลือกจดจำ และในแง่ความเป็นจริงมักมีแง่มุมอื่นที่มากกว่า 2 ด้านเสมอ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด