อูไน เอเมรี่ นำลูกทีมไปทัวร์อเมริกาพร้อมวางคิวอุ่นทั้งหมด 4 นัด เป็นการอุ่นปกติ 1 นัด และอีก 3 นัดเป็นรายการอินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ ก่อนวนกลับไปที่ยุโรปอีกรอบ

อย่างที่ทราบกัน การได้ทัวร์แดนมะกันครั้งนี้ไม่มี โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กัปตันทีมที่ปฏิเสธเดินทางมาด้วยเหตุผลที่สื่อรายงานว่าต้องการย้ายทีม 

ในนัดแรกกับ โคโลราโด้ ราปิดส์ เอเมรี่ จัดทีมด้วยการใช้ดาวรุ่งเป็นหลัก อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ปีเศษ ผู้รักษาประตูใช้ แม็ตต์ เมซี่ย์ (24 ปี) ที่ฤดูกาลหน้าขยับขึ้นมาเป็น 3 ของทีม

แผงหลัง 4 คนจากขวาไปซ้ายประกอบด้วย คาร์ล เจนกินสัน (27 ปี), คาลั่ม แชมเบอร์ส (24 ปี), แซ็ค เมดลีย์ (19 ปี) และ โดมินิค ธอมป์สัน (19 ปี) โดยที่ แชมเบอร์ส รับหน้าที่กัปตันทีม 

ขณะที่แดนกลางวาง เจมส์ โอลายินก้า (18 ปี) ตัดเกมร่วมกับ ร็อบบี้ เบอร์ตัน (19 ปี) ตัวรุกใช้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (18 ปี) หัวหอกตัวใหม่ชาวบราซิเลียนลงทำเกมร่วมกับ ไทรีซ จอห์น-จูลส์ (18 ปี) และ บูกาโย่ ซาก้า (17 ปี) ส่วนหน้าเป็น เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (20 ปี)

โคโลราโด้ ราปิดส์ ไม่ได้ส่งชุดใหญ่ลงเล่นเช่นกันเพราะเพิ่งผ่านเกมเมเจอร์ลีกที่เสมอ ปอร์ตแลนด์ ทิมเบอร์ส มา 2-2 มาได้เพียง 2 วัน 

ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารจอมเก๋าวัย 40 ปี, ไค กามาร่า หัวหอกเซียราลีโอน รวมไปถึงตัวหลักอื่นอย่างโจนาธาน ลูอิส, ทอมมี่ สมิธ, ดีเอโก้ รูบิโอ, แดนนี่ วิลสัน และ อันเดร ชินยาชิกิ ต่างได้พักทั้งหมด

ตัวจริงนัดแรกอายุเพียง 20 ปีเศษ

เมื่อต่างฝ่ายต่างใช้สำรองและดาวรุ่งลงดวลกัน คุณภาพโดยรวมของอาร์เซน่อลจึงมีมากกว่าและเป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้ตั้งแต่ต้น

เกมรับของอาร์เซน่อลไม่ได้ถูกทดสอบมากนักในครึ่งแรก โคโลราโด้ ราปิดส์ มีจังหวะโต้ขึ้นมาไม่กี่ครั้ง และเป็นจังหวะฉายเดี่ยวของผู้เล่นเกมรุก ไม่ได้เกิดจากการประสานงานกันด้วยทีมเวิร์ก

ส่วนเกมรุกอาร์เซน่อลเน้นขึ้นริมเส้นเป็นหลักทั้ง บูคาโย่ ซาก้า เจ้าหนูวัย 17 ปีทางฝั่งซ้ายและ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ตัวใหม่ทางฝั่งขวาที่ถูกโฟกัสพอสมควรเพราะเป็นหน้าใหม่รายเดียวของอาร์เซน่อลจนถึงตอนนี้ 

กาเบรียล หรือ มาร์ติเนลลี่ แล้วแต่จะเรียก มีจังหวะในเกมพอสมควรทั้งช่วงต้นเกมที่ บูคาโย่ ซาก้า ถวายพานให้ยิงเน้นๆ ตรงจุดโทษแต่ก็ซัดหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย ผู้ตัดสินมองว่าจังหวะนี้แฉลบจังให้เตะมุม แต่กระนั้นก็น่าจะปิดบัญชีได้ดีกว่านี้เพราะกรอบประตูอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว

อีกจังหวะที่ตัดสินใจไม่ดีคือตอนที่หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาแล้วกึ่งยิงกึ่งเปิดจนบอลพุ่งผ่านเสาไกลออกหลัง ลูกนี้หากตั้งใจเปิดก็ลึกไป หรือตั้งใจยิงเองก็หลุดกรอบไปอีก

จังหวะจ่ายบอลยังขาดๆ เกินๆ พอสมควร ทว่าข้อดีที่เห็นคือมีความตั้งใจในการเล่นมาก พยายามวิ่งหาช่อง หาพื้นที่เพื่อเปิดทางเลือกในการจ่ายบอลของเพื่อนร่วมทีม และที่ทำได้ดีอีกอย่างคือ เวลาที่ทีมเสียบอลก็ถอยกลับวิ่งลงมาช่วยตลอด ไม่มีเอ้อระเหยค้างอยู่ข้างบนแม้เป็นผู้เล่นเกมรุกก็ตาม

หอกใหม่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ยิงได้ตั้งแต่นัดแรก

ส่วนในครึ่งแรก ดาวรุ่งจากอีตัวโน่มีความเข้าใจในเกมมากขึ้น เริ่มจับจังหวะการเล่นของเพื่อนร่วมทีมได้ การต่อบอลจึงมีความไหลลื่น ไม่ขาดช่วง และได้รางวัลตอบแทนกับหนึ่งประตูตั้งแต่นัดเปิดสนาม 

ประตูนี้สะท้อนให้เห็นจุดเด่น 2 อย่างที่บ่งบอกว่ามีสัญชาตญาณของการเล่นเกมรุก

อย่างแรกคือการที่รู้จักวิ่งสอดเข้าในเขตโทษในจังหวะตัวรุกอื่นทั้ง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ ไทรีซ จอห์น-จูลส์ วิ่งเหยาะๆ หน้าเขตโทษ ไม่ได้ตัวพุ่งเข้าไปทั้งที่แบ็กซ้ายอย่าง โดมินิค ธอมป์สัน หลุดขึ้นมาแล้วและเตรียมเปิดบอลเข้าข้างใน

อย่างที่สองคือ บอลที่เปิดจาก ธอมป์สัน ค่อนข้างแรงและพุ่งเข้าหัวตัว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ตั้งหัวโหม่งไม่ทันเพราะกำลังวิ่งด้วย แต่ก็แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการสะบัดหัวไหล่กระแทกบอลให้เข้าประตูไป 

การเล่นที่ดีขึ้นในครึ่งหลังและทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรก การประเดิมสนามในสีเสื้ออาร์เซน่อล กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จึงน่าประทับใจอย่างยิ่ง

ส่วนคนที่ถือว่าทำได้ดีสุดในเกมรุกคือ บูคาโย่ ซาก้า ที่อายุน้อยสุดในสนาม 

ตัวหลักออกสตาร์ตที่ข้างสนาม

เราได้เห็นลีลาของ ซาก้า กันมาบ้างแล้วในฤดูกาลก่อนที่ได้เล่นในยูโรปา ลีก ตัวเล็กแต่คล่อง เลี้ยงบอลเก่ง และเอาตัวรอดได้ดี 

จังหวะแรกควรได้แอสซิสต์หาก มาร์ติเนลลี่ ไม่ยิงพลาดไป แต่พอได้หลุดเข้าเขตโทษอีกทีก็เลือกยิงเองด้วยการงัดข้ามตัวผู้รักประตูเข้าไปอย่างสุดยอด ลูกนี้นิ่งและเฉียบขาดเกินอายุทีเดียว

คนอื่นที่เด่นรองลงมาคือ โดมินิค ธอมป์สัน แบ็กซ้ายที่มีจังหวะแทงบอลขึ้นหน้าสวยๆ หลายครั้ง รวมถึง  เจมส์ โอลายินก้า กลางรับรูปร่างสูงใหญ่ทีเดียว 

โอลายินก้า ไม่เคยยิงประตูให้อาร์เซน่อลเลยตั้งแต่เล่นมาในระดับเยาวชนที่เข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ แต่นัดนี้เขายิงประตูแรกที่สวยงามเหลือเกินหลังตัดบอลได้หน้าเขตโทษแล้วกดด้วยขวาส่งบอลเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด ผู้รักษาประตูของ ราปิดส์ ได้แต่ใช้สายตาป้องกัน

2-0 ในครึ่งชั่วโมงแรก และ 3-0 ตอนหนึ่งชั่วโมงพอดีทำให้ทุกอย่างลงล็อกอย่างมากเพราะสามารถเปลี่ยนตัวหมุนเวียนกันเล่นได้

บรรดาตัวหลักเริ่มทยอยลงสนามทั้ง ชโคดราน มุสตาฟี่ และ โคลาซินัช ที่ได้เล่นราวครึ่งชั่วโมง ก่อนช่วงท้ายถึงคิวของ 3 สตาร์ดังอย่าง เมซุต โอซิล, อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

มุสตาฟี่ ให้ โอซิล ทำหน้าที่กัปตันในช่วงท้าย

30 นาทีสุดท้าย อาร์เซน่อลยังเป็นฝ่ายครองเกมต่อเนื่อง แต่จังหวะยิงส่วนใหญ่พลาดเป้าหมายไปเยอะทำให้ไม่มีสกอร์เพิ่มเติม

โอบาเมย็อง ดูวูบวาบและพยายามวิ่งหาหาพื้นที่ต่อบอลทำชิ่งมากกว่าซีเนียร์คนอื่นๆ ที่เหมือนวิ่งเล่นอยู่สวนหลังบ้านมากกว่า 

ไม่ต้องพูดถึงตัวพ่ออย่าง โอซิล ที่เคาะบอลง่ายๆ ตามสไตล์เพราะเข้าใจดีว่าไม่ใช่เกมที่ซีเรียสจริงจังมากนักและการโชว์ตัวให้แฟนๆ ได้กรี๊ดก็ถือว่าโอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องโหมอะไรเพราะยังอยู่ในช่วงแรกของปรีซีซั่น

ของจริงรออยู่ในนัดต่อไปที่ต้องรับมือ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกอินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยน คัพ หรือ ไอซีซี 

"เสือใต้" ดีกรีดับเบิ้ลแชมป์ของเยอรมันจะลงเล่นอุ่นเครื่องเป็นนัดแรก แต่ชื่อชั้นระดับนี้ไม่น่าใช้เวลานานในการปรับจูนจังหวะการเล่น และน่าจะแลกกับอาร์เซน่อลได้อย่างสนุกแน่นอน

อูไน เอเมรี่ จะจัดตัวเน้นมากขึ้นกว่า กลุ่มที่ยังไม่ได้สัมผัสเกมในนัดแรกอย่าง โซคราส ปาปาสตาโธปูลอส, นาโช่ มอนเรอัล, กรานิต ชาคา และอาจรวมถึง แบรนด์ เลโน่ น่าจะได้โอกาสกันถ้วนหน้า

น่าจะเป้นเกมที่ได้เห็นความพร้อมของอาร์เซน่อลมากขึ้นกับการเจอคู่แข่งระดับท็อปของยุโรปแบบนี้