สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เก็บชัยในช่วงการปรีซีซั่น 3 เกมรวด ในชัยชนะเหนือ เพิร์ธ กลอรี่, ลีดส์ ยูไนเต็ด และอินเตอร์ มิลาน โดยหนึ่งในคนที่ทำผลงานได้เป็นอย่างดี นั่นคือ "เมสัน กรีนวู้ด" ดาวยิงที่เป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของสโมสรวัย 17 ปี 

กรีนวู้ด สามารถยิงประตูในช่วงปรีซีซั่นไปแล้ว 2 ประตูด้วยกัน ส่งผลให้เขาได้รับคำชมมากมาย จากทั้งบรรดาคนในทีม และแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่หวังว่า เขาจะได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้

ช่วงนี้เราไปดูบทวิเคราะห์ของสื่อดังจากต่างประเทศอย่างเดลี่ เมล กันหน่อย ถึงความเป็นมาเป็นไปของกรีนวู้ด กับเส้นทางที่ผ่านมา และอนาคตข้างหน้าที่รอเขาอยู่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนโยบายที่แสนยาวนานต่อบรรดาผู้เล่นดาวรุ่ง โดยพวกเขาจะถูกปกป้องจากแสงสปอร์ตไลท์แห่งความมีชื่อเสียง พร้อมกับหลีกเลี่ยงจากสิ่งยั่วยุต่างๆโดยนักเตะที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อต่างๆ รวมถึงสื่อของสโมสรอย่างเอ็มยูทีวีด้วย

กรีนวู้ด คือนักเตะที่หลายคนพยายามนำไปเปรียบเทียบกับนักเตะรุ่นพี่ที่มีเส้นทางคล้ายคลึงกันอย่าง "มาร์คัส แรชฟอร์ด" อย่างไรก็ตาม สถิติของกรีนวู้ด ในอะคาเดมี่ ถือว่าโหดกว่าแรชฟอร์ด อยู่พอสมควร

สถิติบ่งบอกว่า ช่วงเวลาที่ลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างรุ่นยู-18 ไล่จนถึงยู-23 กรีนวู้ด กระหน่ำไปถึง 46 ประตู จากการลงเล่น 43 เกมด้วยกัน พร้อมกันนี้ เขายังสามารถสร้างสรรค์เกมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ผ่านสถิติการแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมยิงประตูอีก 13 ลูก

ผลลัพธ์ที่ออกมา ถือว่าน่าประหลาดใจกว่านั้น เมื่อเขาต้องแบกอายุ ด้วยการที่เป็นนักเตะที่อายุน้อยสุดในสนามแทบทุกเกม โดยกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนก่อนหน้านี้อย่างโชเซ่ มูรินโญ่ เล็งเห็นถึงสิ่งนั้นเหมือนกัน โดยเขาพากรีนวูด ไปออกทัวร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาด้วย 

กรีนวู้ด คือเด็กจากแบร็ดฟอร์ด ที่มาเติบโตที่ย่านวิบซี่ย์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง เขามาจากครอบครัวของนักกีฬา โดยน้องสาวของเขาก็เป็นนักวิ่ง ที่สามารถทำสถิติ 12.7 วินาที จากการวิ่งระยะ 100 เมตร พร้อมกับได้ทุนการศึกษาในแง่ของกีฬา 

แน่นอนว่า กรีนวู้ด ก็มีความเร็ว ส่งผลให้ถูกโยกจากตำแหน่งหมายเลข 10 มาเป็นกองหน้าเต็มตัว การยิงประตูอย่างถล่มทลาย ทำให้โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ดึงเขามามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เขาสร้างสถิติกลายเป็นนักเตะของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในวัย 17 ปี 5 เดือน กับอีก 5 วัน 

เกมดังกล่าว กรีนวู้ด ได้รับโอกาสลงมาเล่นเป็นตัวสำรอง นัดพลิกนรกกับการเยือนเปแอสเช เรื่องราวที่น่าสนใจคือ ในขณะที่เขากำลังเฉลิมฉลองการเข้ารอบกับพวกรุ่นพี่ที่กรุงปารีส โดยเช้าวันรุ่งขึ้น เขาต้องเดินทางกลับมาที่ประเทศอังกฤษ เพื่อมาเรียนหนังสือต่อทันที

ขณะที่สไตล์การเล่นของเขา แรชฟอร์ด ให้คำนิยามว่า "จอมสังหารตามธรรมชาติ" คำกล่าวนั้นมีความจริงผสมอยู่บางส่วน เพราะกรีนวู้ด ไม่ได้มีเพียงความดิบเถื่อนเพียงอย่างเดียว จากการที่เคยเล่นตำแหน่งหมายเลข 10 ทำให้เขาสามารถพัฒนาไปอีกระดับ แถมยังมีความอันตรายในกรอบเขตโทษ 

เขาเป็นนักเตะสไตล์ที่ชอบดวลกับคู่แข่ง และเลี้ยงฝ่าตัวประกบ ด้วยการใช้ความเร็ว ถือเป็นปัจจัยที่ต้องมีไว้ เพื่อต่อสู้กับบรรดานักเตะในศึกพรีเมียร์ลีก จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างคือ เขาเป็นนักเตะที่สามารถเล่นได้ทั้งสองเท้า โดยทั้งเท้าซ้าย และขวา ให้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

เคลย์ตัน แบล็คมอร์ อดีตผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1982-1994) ออกมากล่าวผ่านสื่ออย่างแมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ อย่างน่าสนใจว่า "กรีนวู้ด สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นเด็กที่เล่นได้ทั้งสองเท้า"

"เขาเป็นนักเตะคนแรกที่ผมเห็นว่า สามารถยิงฟรีคิก และจุดโทษ ด้วยเท้าที่แตกต่างกันได้ ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย" แม้ว่ากรีนวูด จะสูง 5 ฟุต 11 นิ้ว ทว่ายังเหลือเวลาอีกมาก เพื่อเป็นการเพิ่มเติมความแข็งแกร่งของทางร่างกาย

สำหรับโอกาสในฤดูกาลนี้ โซลชา ออกมาบอกแล้วว่า กรีนวู้ด จะมีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ พร้อมกับบอกว่า มีโอกาสลงเล่นกับเชลซี ในศึกพรีเมียร์ลีก เกมแรกของฤดูกาล 2019-20 เช่นเดียวกัน

โดยนายใหญ่ชาวนอร์เวย์ กล่าวว่า “"กรีนวู้ด มีโอกาสลงเล่นในแมตช์กับเชลซี เขาเป็นเด็กที่มีความสามารถล้นเหลือ พร้อมกับเขาไปอยู่ด้านใน และแถวๆกรอบเขตโทษ เพื่อเป็นการสร้างสรรค์โอกาสการยิงประตู"

ความเป็นจริงแล้ว แรชฟอร์ด จะถูกโซลชา เลือกเป็นกองหน้าในตำแหน่งหมายเลข 9 อย่างไรก็ตาม กรีนวู้ด สามารถเป็นตัวสอดแทรกที่ดี ยามที่ผู้เล่นในแนวรุกบาดเจ็บ หรือการที่อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล ไม่ได้อยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงเหมือนเดิม แน่นอนว่า เขาถือเป็นนักเตะที่มีอนาคตที่สดใสรออยู่ 

กรีนวู้ด เป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม และเป็นดาวรุ่งที่ดีที่สุดของเรา เขาก้าวมาสู่ทีมที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องใช้เวลา เราต่างรู้ดีถึงความสามารถของเขา" โซลชา ทิ้งท้าย