ขอบอกเลยว่าเขาไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์คนแรกที่ถูกเขี่ยออกจากถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ด้วยความเจ็บปวด

    เขามีเท้าซ้ายที่น่ากลัว

    สปีดชั้นยอด

    ชั้นบอลระดับโลก

    แต่สิ่งเหล่านั้นต่างโดนกลบมิดด้วยอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นบ่อยเกินไปสำหรับทีมยักษ์ใหญ่

    อย่างไปโทษ ซีเนดีน ซีดาน ที่ใจร้ายกับซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเวลส์อย่างเหลือหลาย ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษเรื่องความฟิตของ เบล เองด้วยที่ไม่อาจถูกใช้งานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมานานแล้ว

    สถานการณ์ของ เบล ในปี 2019 ทำให้เราย้อนกลับไปถึง อาร์เยน ร็อบเบน เมื่อปี 2009 ได้เหมือนกัน

    เมื่อ 10 ปีก่อน ร็อบเบน จบฤดูกาลของเขากับราชันชุดขาวด้วยการลงสนามไปเพียง 29 นัด

    นั่นคือซีซั่นอันน่าผิดหวังสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

    เรอัล มาดริด อาจจะมีแชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ติดมือ แต่ก็จบฤดูกาลด้วยการมีคะแนนตามหลัง บาร์เซโลน่า ถึง 9 แต้มในลา ลีกา แถมยังกระเด็นตกรอบ 16 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีกหลังจากแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์รวม 0-5

    ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เจอแบบนี้ก็อยู่เฉยไม่ได้ และเริ่มสร้าง กาลาคติกอส เวอร์ชั่น 2.0 ขึ้นมา

    นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, กาก้า, คาริม เบนเซม่า และ ชาบี อลอนโซ่ ทั้งหมดถูกดึงเข้าสู่ถิ่นเบร์นาเบว ซึ่งนั่นหมายถึงการไม่มี ร็อบเบน เป็นส่วนสำคัญอีกต่อไปแล้ว

    กลอเวลาไปข้างหน้าอีกหนึ่งทศวรรษ เบล ได้พบว่าตัวเขาเองจบซีซั่นด้วยการมีสถิติลงเล่นไป 29 นัดในลีก

    ขณะที่ โรนัลโด้ ซึ่งย้ายมาในปี 2009 เป็นคนทำให้ ร็อบเบน ต้องกระเด็นพ้นทีมไป แต่การที่เขาย้ายออกไปอยู่กับ ยูเวนตุส เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วก็มีการคาดหวังว่านี่แหละคือช่วงเวลาที่ดาวเตะเวลส์จะได้ฉายแสงอย่างเต็มที่

    แต่!!!

    ในความเป็นจริง มันดูเหมือนจะเป็นหายนะสำหรับ เบล มากกว่าเดิมเสียอีก

    ซีดาน ใช้ช่วงเวลาหลังจบเกมปรีซีซั่นที่ มาดริด แพ้ให้กับ บาเยิร์น ว่า "เราหวังว่าเขาจะย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด มันจะเป็นเรื่องดีสำหรับทุกฝ่าย"

    เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสแสดงความแข็งกร้าวเหมือนตอนที่เขาเอาหัวโขกลงที่หน้าอกของ มาร์โก มาร์เตรัซซี่ ไม่มีผิด ซึ่งนั่นหมายถึงให้ เบล ต้องซื้อตั๋วขาออกจากกรุงมาดริดเอาไว้เลย

    แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าผิดหวังที่สุดสำหรับความเยือกเย็นจากจิตใจของ ซีดาน

    มีความสนใจให้ เบล ย้ายไปเล่นในลีกจีน ซึ่งนั่นหมายถึงช่วงอาชีพที่เหลือด้วยค่าแรงระดับมาสเตอร์พีซ 1 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่กองหน้าเวลส์น่าจะลองมองไปยัง ร็อบเบน เพื่อหาแรงบัลดาลใจในการกลับไปจุดไฟในอาชีพค้าแข้งของเขาดู

    เมื่อ 10 ปีก่อน จอมเลื้อยดัตช์แมนค้นพบว่าเท้าซ้ายของตัวเองไม่เหมาะสมกับทีมอย่าง มาดริด

    ซัมเมอร์นั้น ร็อบเบน ย้ายบ้านไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเวลานั้นถือว่าเป็นการเดิมพันอาชีพของเขาว่าจะไปต่อในระดับสูงได้หรือไม่เลยทีเดียว แต่เสือใต้ก็ทำได้เพียงแค่รองแชมป์ลีกตามหลัง โวล์ฟสบวร์ก แถมยังไม่สามารถไปได้ไกลกว่ารอบก่อนรองชนะเลิศทั้งในแชมเปี้ยนส์ลีก และเดเอฟเบ โพคาล ด้วย

    กระนั้นก็ตาม อีกหนึ่งทศวรรษให้หลัง ดาวเตะวัย 35 ปีประกาศรีไทร์ตัวเองจากอาชีพค้าแข้งอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 8 สมัย, แชมป์บอลถ้วยในประเทศอีก 10 ครั้ง, แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก และยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีกอย่างละครั้ง

    แต่ก็ไม่ใช่ว่า สถานการณ์ของ เบล ในตอนนี้จะเหมือนกับ ร็อบเบน ในปี 2009 เลยซะทีเดียว

    เวลานั้น ร็อบเบน เก็บข้าวของออกจากสเปนมาด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น ขณะที่ตอนนี้ เบล กำลังจะอายุเตะหลัก 30 ในเดือนนี้แล้ว แถมค่าจ้างของแข้งเวลส์เองก็ซับซ้อนมากจนอาจต้องหั่นค่าแรงตัวเองหากอยากย้ายไปยังทีมอื่น

    ใครที่เป็นเอฟซีของ เบล ก็คงจะไม่พอใจที่ต้องเห็นสตาร์สุดรักจมทุกข์อยู่ในเมืองกระทิงดุ หรือไม่งั้นก็ตัดสินใจรับเงิน 1 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์ที่จีน ซึ่งนั่นถือเป็นการปิดฉากเส้นทางอาชีพระดับสูงในอนาคตของเขาอย่างแน่นอน

    แต่ด้วยอายุขนาดนี้ เบล ควรจะต้องเป็นผู้นำในลีกชั้นยอดของโลก ถ้าเขาทำทองไม่รู้ร้อนอยู่ มาดริด ต่อ เขาก็อาจจะกลายเป็นการ์ตูนล้อเลียนของนักกอล์ฟ แทนที่จะได้รับความเคารพยำเกรงในฐานะนักฟุตบอลอันโดดเด่น

    ก่อนหน้านี้ ร็อบเบน ได้พิสูจน์มาแล้วว่าคุณเองยังสามารถมีอิทธิพลได้ทั้งถ้วยในประเทศ และระดับยุโรป เมื่อเข้าสู่วัย 30 หลังถูก 'เนรเทศ' ออกจาก มาดริด

    ถ้าหากมีอ็อปชั่นจาก บาเยิร์น เข้ามา ขอแนะนำให้ เบล รีบตะคลุบเอาไว้เลย

    พาสต้า