สำหรับ "ชูเอา เฟลิกซ์" ดาวรุ่งอนาคตไกลของทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งเป็นนักเตะคนใหม่ของแอตเลติโก้ มาดริด ผู้สวมเสื้อหมายเลข 7 แทนที่เจ้าของคนเก่าที่ย้ายออกไปอย่าง "อองตวน กรีซมันน์"
ช่วงนี้เราไปย้อนดูเส้นทางลูกหนังของเขากันหน่อย ผ่านจุดเริ่มต้น และผลงานในสนาม ที่สร้างชื่อให้เขาในฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมกับมุมมองของบุคคลรอบข้างว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ชูเอา เฟลิกซ์ คือนักเตะดาวรุ่งที่ค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับสอง หลังย้ายจากเบนฟิก้า มาร่วมทีมแอตเลติโก้ มาดริด ในสนนราคาประมาณ 126 ล้านยูโร แถมยังได้รับการขนานนามว่า เป็นนักเตะที่น่าตื่นเต้นที่สุด นับตั้งแต่การก้าวขึ้นมาช่วงแรกของ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้"
ดาวรุ่งวัย 19 ปี เพิ่งจะก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่ของเบนฟิก้า แบบเต็มตัว ในช่วงฤดูกาล 2018-19 ที่ผ่านมานี้เอง อย่างไรก็ตาม ผลงานในลีก กับการยิง 15 ประตู บวกกับอีก 9 แอสซิสต์ ก็เพียงพอในการช่วยเบนฟิก้า คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของโปรตุเกส
นอกจากนี้ เขายังสามารถยิงแฮตทริคในเกมกับแฟร้งค์เฟิร์ต ในศึกยูโรป้าลีก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พร้อมกับเป็นนักเตะชาวโปรตุกีส ที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่ยิงสามลูกในเกมเดียวของฟุตบอลยุโรป
ฟอร์มการเล่นนั้นเอง ส่งผลให้เขาตกเป็นข่าวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเป็นพลพรรค "ตราหมี" ที่ได้ตัวไปครอบครอง ด้วยการเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ค่าตัวแพงเป็นอันดับสองของโลก รองจากคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ของเปแอสเช
คาร์ลอส คาร์วัลฮัล กุนซือสายเลือดโปรตุกีส ที่เคยคุมสวอนซี หล่นความเห็นเอาไว้ว่า "เบอร์นาโด้ ซิลวา นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งสุดในโลกเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ย้อนเวลากลับไปในวัย 19 ปีเท่ากัน ซิลวา ไม่ได้โชว์ฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นอย่างที่เฟลิกซ์ กำลังทำ นี่คือความสามารถที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ เขาคือผู้เล่นที่เก่งสุดในอะคาเดมี่ของเบนฟิก้า"
เฟลิกซ์ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนัง ด้วยการเป็นเด็กเยาวชนของสโมสร เอฟซี ปอร์โต้ อย่างไรก็ตาม เขาโดนปล่อยออกจากทีมในช่วงปี 2015 ด้วยคำกล่าวอ้างที่ว่า "ตัวผอมบางจนเกินไป”" กระทั่งเป็นเบนฟิก้า เข้ามารับช่วงต่อ พร้อมกับเป็นนักเตะทีมสำรองที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่มีโอกาสลงสนามด้วยวัยเพียง 16 ปี
การประเดิมทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก เกิดขึ้นในเกมกับเบาวิสต้า ในช่วงเดือนสิงหาคม 2018 โดยในเกมต่อมา เขาสามารถเบิกสกอร์แรกได้เป็นผลสำเร็จ แถมเกิดขึ้นในเกมกับคู่ปรับอย่างสปอร์ติ้ง ลิสบอน จากลูกโหม่งในนาทีที่ 86 หลังจากถูกส่งลงมาเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งเวลาหลัง โดยเป็นนักเตะที่อายุน้อยสุดที่ยิงประตูในศึกลิสบอน ดาร์บี้ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการลงสนามช่วงแรกของเขาค่อนข้างจำกัด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนเก่าอย่างรุย วิตอเรีย กระทั่งมากขึ้นกว่าเดิม ภายใต้การนำของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างบรูโน่ ลาเก้ จบฤดูกาลด้วยการยิง 20 ประตู จากการลงเล่น 43 เกมรวมทุกรายการ
ในบรรดาลีกระดับสูงของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นที่อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน, เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ ผลงานการยิงประตูในลีกของเฟลิกซ์ ถือเป็นอันดับสองของนักเตะวัยรุ่น รองจาก "ไค ฮาแวร์ทซ์" ดาวรุ่งของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รายเดียวเท่านั้น
คาร์ลอส คาร์วัลฮัล เพิ่มเติมว่า "ภายใต้เบนฟิก้า จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาถือว่าเป็นคนที่มีพรวรรค์มากสุดในอะคาเดมี่ การก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับเขาแล้ว มันไม่ยากจนเกินไป เมื่อคุณเห็นเขานอกสนาม ผ่านการพูดคุย หรือการเห็นเขาพูดกับสื่อมวลชน คุณจะพบว่า เขาคือเด็กหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาสามารถจัดการกับความกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม"
ขณะที่โชเซ่ เดลกาโด้ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ในโปรตุเกสอย่างโบล่า ออกมากล่าวบ้างว่า "ตั้งแต่การเปิดตัวของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผมยังไม่เห็นนักเตะดาวรุ่งคนไหนที่สร้างความตื่นตาตื่นใจได้อีกเลย กระทั่งเป็นเฟลิกซ์ นี่แหล่ะ ซึ่งความเห็นส่วนตัวของผม เขาดีกว่าเบอร์นาโด้ ซิลวา ในช่วงอายุเท่ากันด้วยซ้ำไป"
นอกจากถูกเปรียบเทียบกับสองรุ่นพี่ร่วมทีมชาติโปรตุเกสอย่างโรนัลโด้ และซิลวา เขายังถูกนำไปเชื่อมโยงกับริคาร์โด้ กาก้า อดีตเพลย์เมคเกอร์ของทีมชาติบราซิล อีกด้วย โดยเรื่องนี้ รุย คอสต้า อดีตดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส บอกว่า "ผมคิดว่าเฟลิกซ์ ก็คือเฟลิกซ์ (มีความไม่เหมือนใคร) เขาเป็นคนที่มีความเข้าใจในเกมสูงมาก พร้อมกับยังมีความสามารถพิเศษที่หายากมากๆ ในการรู้ว่าควรอยู่ในตำแหน่งไหนของหน้าปากประตู"
ก่อนที่คาร์วัลฮัล จะปิดท้ายบ้างว่า "ผมคิดว่าเขามีลักษณะคล้ายกับกาก้า ในความคิดของผมนะ สำหรับการขับเคลื่อนลูกบอล, เชื่อมเกม และยิงประตู ทำไมเขาถึงเป็นคนพิเศษ นั่นเพราะเขาผสมผสานสไตล์ของผู้เล่นหมายเลข 10 เอาไว้ด้วย เขาเล่นเหมือนกองหน้าคนที่สอง สามารถใช้ศีรษะได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ใช่คนตัวใหญ่ก็ตาม"
"เฟลิกซ์ รู้วิธีการในการเจาะเข้าพื้นที่สุดท้าย นั่นคือสาเหตุที่เขายิงประตูได้อย่างมากมาย แถมยิงได้ดีทั้งสองเท้าด้วยอีกด้วย เขาสามารถเชื่อมต่อกับแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม เขาทำได้ดีมาก และเปี่ยมด้วยเทคนิค"
คราวนี้เหลือแค่เวลาแล้วว่า เขาจะสามารถพิสูจน์ตัวเองกับแอตเลติโก้ มาดริด ได้หรือไม่ ?
