ด้วยจำนวน 202 ประตู รวมไปถึงสถิติทำอย่างน้อย 20 ลูกใน 7 จาก 9 ฤดูกาลที่ลงเล่นในลีกสูงสุดเมืองเบียร์ เป็นเครื่องการันตีได้อย่างชัดเจนว่าเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
นอกจากนั้นเขายังคว้าดาวซัลโวไปได้ถึง 4 สมัย ซึ่งเกิดขึ้นในสีเสื้อ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1 ครั้งของฤดูกาล 2013/14 ด้วยจำนวน 20 ประตู
แต่ที่โดดเด่นชัดเจนคงหนีไม่พ้นฤดูกาล 2015/16 ที่เขาทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ไปถึง 30 ประตู คว้าดาวซัลโวไปได้แบบหายห่วง แม้จะโดน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง แย่งตำแหน่งไปในปีต่อมา ทว่า 2 ฤดูกาลหลังสุด 'เลวาน' ก็กลับมาทวงบัลลังก์ได้อีกครั้ง
แน่นอนว่าจากสถิติที่เกิดขึ้นคงไม่มีใครจะหันไปมองดาวยิงคนอื่นๆ ทุกคนต่างยกให้กองหน้าทีมชาติโปแลนด์รายนี้เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้ารางวัลนี้ไปครองอีกสมัย
ทั้งปัจจัยภายในทีม ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของนักเตะเองและเพื่อนๆที่พร้อมเปิดป้อนโอกาสให้หัวหอกวัย 30 รายนี้จบสกอร์ จึงไม่แปลกที่เขาจะนานมาแบบไร้คู่แข่ง
คำถามสำคัญคือ ... จะมีใครที่สามารถก้าวกระโดดขึ้นมาท้าชิงตำแหน่งดาวซัลโวบุนเดสลีกาในฤดูกาลต่อไปบ้าง
ไล่เรียงดูโดยนับจากคู่แข่งเมื่อซีซั่นที่แล้วมีสองนักเตะจากค่าย เสือเหลือง ที่พอจะเบียดได้อย่างสนุก
คนแรกคือ ปาโก้ อัลกาเซร์ ที่เป็นดาวยิงปิดบัญชีตัวความหวังของทาง ดอร์ทมุนด์ แม้ว่าจะมีสถิติทำไปได้ 18 ประตูเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่ว่ากันว่าหากเขาไม่เจออาการบาดเจ็บเล่นงานก็มีโอกาสที่จะแซง เลวานดอฟสกี้ ได้เช่นกัน
นั่นคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดาวยิงวัย 25 ปีทำได้เพียง 18 ประตู ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องสลัดออกไปให้ได้หากหวังที่จะคว้าดาวซัลโวในฤดูกาลต่อไปมาครอง
อีกหนึ่งคนที่ผลงานดีไม่แพ้กันนั่นคือ มาร์โก รอยส์ กัปตันทีมเสือเหลืองที่ระเบิดผลงาน 17 ประตู (จาก 27 เกมลีก) พร้อมกับส่งให้ต้นสังกัดนำเป็นจ่าฝูงอยู่นานพอสมควร ก่อนจะตกบัลลังก์ไปในที่สุด
ปัญหาของแข้งทีมชาติเยอรมันรายนี้ไม่ใช่เรื่องฝีเท้า แต่เป็นอาการบาดเจ็บที่พร้อมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งนั่นส่งผลต่อความต่อเนื่องในเกมรุกของทีมและผลงานส่วนตัวของนักเตะ
ไม่ต่างอะไรไปจาก อัลกาเซร์ หาก รอยส์ สามารถหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บและลงสนามได้อย่างสม่ำเสมอเชื่อว่าเขาจะสามารถก้าวขึ้นไปเขย่าบัลลังก์ของ เลวานดอฟสกี้ ได้แน่นอน ...
... ในวัย 20 ปี ไค ฮาแวร์ตซ์ ก้าวขึ้นมาเป็นคนแบกเกมรุกของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น อย่างเต็มตัว
ผลงาน 17 ประตูเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาถือเป็นหลักฐานสำคัญและยังเป็นมาตรฐานที่เขาได้สร้างไว้ให้กับตนเอง
ชัดเจนว่าฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มต้นนี้ แฟนบอลต่างคาดหวังให้มิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้ทำผลงานได้ดีกว่าที่ผ่านมา เพราะนั่นจะหมายถึงการที่ทีมมีโอกาสไต่อันดับดีกว่าเดิมด้วย
แม้บรรดาผู้สื่อข่าวจะมองว่าคงยากที่จะขึ้นไปทาบ เลวานดอฟสกี้ แต่ด้วยผลงานที่ผ่านมารวมไปถึงการเล่นที่วูบวาบอันตราย การจะมองข้าม 'หนุ่มไค' ก็คงจะเป็นการดูถูกฝีเท้าเขาจนเกินไป
... หลายคนอาจจะคิดว่า ทิโม แวร์เนอร์ คงไม่พอใจกับสถิติ 16 ประตูในซีซั่นที่ผ่านมา เพราะมันลดลงไปจากช่วง 2 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น
แต่หากมองไปที่รายละเอียดการเล่นแล้ว ศูนย์หน้าวัย 23 ปีได้ปรับการเล่นของตนเองให้ถ่างออกไปมากขึ้น รวมไปถึงมีส่วนร่วมกับเกมซึ่งสิ่งที่แลกมากับผลงานการทำประตูที่ลดลงไปนั่นคือจำนวน 7 แอสซิสต์
ยิ่งการมาของ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มผู้รักเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ เชื่อว่าจะเป็นฤดูกาลที่ แวร์เนอร์ และเพื่อนร่วมทีมในแนวรุกมีโอกาสเฉิดฉายรวมไปถึงการเพิ่มจำนวนสกอร์ให้กับตนเอง
... ยังมีนักเตะคนอื่นๆที่น่าสนใจโดยวัดจากผลงานในซีซั่นที่ผ่านมาทั้ง อันเดร ครามาริช หัวหอกตัวเก่งจากสโมสร ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่ฤดูกาลที่ผ่านมากดไป 17 ประตู
กองหน้าชาวโครเอเชียถือมีสถิติที่ดีทั้งจากการเล่นในจังหวะ 'โอเพ่น เพลย์' หรือแม้แต่สังการจุดโทษ โดยเฉพาะอย่างหลังที่เขาทำได้ 5 จาก 6 ครั้งในซีซั่นที่แล้ว
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผลงานของเขาโดดเด่นและถูกพูดถึงคือการประสานงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีม อิชัค เบลโฟดิล (16 ประตู) รวมไปถึงกำลังสนับสนุนรายอื่นๆ
เชื่อว่าหากเขายังคงประสานงานร่วมกับ เบลโฟดิล ได้อย่างยอดเยี่ยมและเพิ่มความเฉียบคมในจังหวะเข้า คงไม่เกินเลยไปหากจะพูดว่า ครามาริช จะทำได้ถึง 20 ประตูเป็นอย่างต่ำ
... เป็นกองหน้าอีกรายที่ผลงานโดดด้วยจำนวน 17 ประตู และ 7 แอสซิสต์
แม้จะเป็นปีแรกในเวทีบุนเดสลีกา ทว่า วูต เว็กฮอร์สต์ แจ้งเกิดเต็มตัวในสีเสื้อโวล์ฟสบวร์ก และสร้างผลกระทบที่ชัดเจนในแนวรุกของทีม ซึ่งมันอาจจะไม่ถึงขั้นพาทีมไปบอลยุโรปได้แต่สัญญาณที่ส่งออกมาถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี
ยิ่งการมาของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ เทรนเนอร์คนใหม่ของทัพหมาป่า เขาเน้นชัดเจนว่าจะปรับรูปแบบการเล่นของทีมให้รวดเร็วและดุดันขึ้น ซึ่งนั่นคงจะเป็นโอกาสให้หัวหอกชาวฮอนแลนด์วัย 26 ปี รายนี้ได้แสดงผลงานอีกครั้ง
