ทีมผู้ดีคืนชีพ?
ฤดูกาลก่อน เลสเตอร์ ซิตี้ ทำเซอร์ไพรส์เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศก่อนโดน แอตเลติโก มาดริด สกัดดาวรุ่ง ส่วน แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล จอดป้าย 16 ทีมสุดท้าย
"ปืนใหญ่" แทบเสียผู้เสียคนเมื่อเจอ "เสือใต้" เมื่อขย้ำไป-กลับรวม 10 ประตู ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" อัดโมนาโกได้ถึง 5-3 นัดแรก แต่กลับเสียท่า 1-3 นัดสองที่ฝรั่งเศส ทำให้ร่วงตามกฎอะเวย์โกล
อีกตัวแทนอย่าง สเปอร์ส จบที่ 3 ของรอบแบ่งกลุ่ม เป็นรองทั้ง โมนาโก และ เลเวอร์คู่เซ่น ต้องเบนเป้าไปลุยถ้วยเล็กยูโรปา ลีก แต่ก็ไปแต่ตัว ไม่พกใจไปด้วย สุดท้ายพ่ายต่อ เกนท์ จากเบลเยียมในรอบ 32 ทีมสุดท้าย
แมนฯ ซิตี้ ไล่อัด นาโปลี ไป-กลับ 2 นัด พร้อมตีตั๋วเข้ารอบอย่างรวดเร็ว
หลังเชลซีได้ชื่อว่าเป็นทีมจากอังกฤษทีมสุดท้ายที่คว้าแชมป์ยุโรป ทีมจากเมืองผู้ดีผ่านรอบแบ่งกลุ่มเข้าน็อกเอาต์ได้พร้อมกันทั้งหมดเพียงครั้งเดียว อีก 4 ครั้ง ต้องมีทีมใดทีมหนึ่งหยุดเส้นทางแค่รอบแรก
ไล่เรียงผลงานกันอีกรอบมีดังนี้
ฤดูกาล 2012/13 : แมนฯ ยูไนเต็ด (16 ทีมสุดท้าย), อาร์เซน่อล (16 ทีมสุดท้าย), เชลซี (รอบแบ่งกลุ่ม-หล่นไปเล่นยูโรปา ลีก และได้แชมป์), แมนฯ ซิตี้ (รอบแบ่งกลุ่ม)
ฤดูกาล 2013/14 : เชลซี (รอบตัดเชือก), แมนฯ ยูไนเต็ด (รอบก่อนรองชนะเลิศ), แมนฯ ซิตี้ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย), อาร์เซน่อล (รอบ 16 ทีมสุดท้าย)
ฤดูกาล 2014/15 : เชลซี (รอบ 16 ทีมสุดท้าย), แมนฯ ซิตี้ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย), อาร์เซน่อล (รอบ 16 ทีมสุดท้าย), ลิเวอร์พูล (รอบแบ่งกลุ่ม-หล่นไปเล่นยูโรปา ลีก และตกรอบ 32 ทีมสุดท้าย)
ฤดูกาล 2015/16 : แมนฯ ซิตี้ (รอบตัดเชือก), เชลซี (รอบ 16 ทีมสุดท้าย), อาร์เซน่อล (รอบ 16 ทีมสุดท้าย), แมนฯ ยูไนเต็ด (รอบแบ่งกลุ่ม-หล่นไปเล่นยูโรปา ลีก และตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย)
ฤดูกาล 2016/17 : เลสเตอร์ ซิตี้ (รอบก่อนรองชนะเลิศ), แมนฯ ซิตี้ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย), อาร์เซน่อล (รอบ 16 ทีมสุดท้าย-อีกแล้ว), สเปอร์ส (รอบแบ่งกลุ่ม-หล่นไปเล่นยูโรปา ลีก ตกรอบ 32 ทีมสุดท้าย)
ผีแดง เข้ารอบไปค่อนตัว รอแค่ประทับตราอย่างเป็นทางการ
ใน 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา มีเพียง 2 ทีมที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศคือ เชลซี ในฤดูกาล 2013/14 และ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาล 2015/16
ทว่าผลงานในฤดูกาลนี้ มีแนวโน้ม "ต่าง" ออกไป ผ่าน 4 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม แมนฯ ซิตี้ กับ สเปอร์ส ตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมได้รวดเร็ว ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่เข้ารอบทางการ แต่ก็ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ลิเวอร์พูลนำจ่าฝูงของกลุ่ม โอกาสอยู่ในมือตัวเอง
ผลงานมาสเตอร์พีซเมื่อคืนวันพุธทั้งเกมแมนฯ ซิตี้ บุกย้ำแค้นจ่าฝูงกัลโช่อย่างนาโปลี 4-2 ในเวลาไล่เลี่ยกับ สเปอร์ส ดับซ่า "แชมป์เก่า" เรอัล มาดริด สวยงาม 3-1 ทำให้ผลงานของทีมจากอังกฤษ ณ ตอนนี้ เหนือกว่าตัวแทนจากสเปน, เยอรมนี และ อิตาลี ลิบลับ
ลิเวอร์พูล เก็บ 6 คะแนนเต็มจาก 2 นัดหลัง พลิกสถานการณ์กลับมาอยู่ในมือตัวเอง
จากการที่มีตัวแทน 5 ทีมทำให้ทีมจากอังกฤษลงเล่นรวม 20 นัด เก็บชัยชนะได้ถึง 15 นัด เสมอ 4 และแพ้แค่ 1 จากเกมเชลซีเสียท่านาโปลี ยิงกระจาย 56 ประตู และเสียเพียง 17 ประตู
คิดคะแนนรวมกันได้ 49 คะแนน เฉลี่ย 2.45 คะแนน/นัด ส่วนแต้มเฉลี่ยตัวแทนจากลา ลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา และ บุนเดสลีกา อยู่ที่ 1.68 คะแนน/นัด, 1.25 คะแนน/นัด และ 1.5 คะแนน/นัด ตามลำดับ
แมนฯ ซิตี้, สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล นำจ่าฝูงของกลุ่มได้ทั้งหมดโดย 2 ทีมแรกทำภารกิจเสร็จสิ้น มีเพียงเชลซีที่รั้งอันดับ 2 แต่โอกาสเข้ารอบก็ยังดูดีกว่า แอตเลติโก มาดริด จากการมีมากกว่า 4 คะแนนก่อนลุ้น 2 นัดสุดท้าย
สเปอร์ส ได้ใจแฟนบอลเมื่อเปิดเวมบลีย์อัดแชมป์เก่าเสียสภาพ ก่อนฉลุย 16 ทีมอีกทีม
เส้นทางในฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล การออกตัวได้เยี่ยมของทีมจากอังกฤษอาจไม่ใช่สิ่งการันตีว่าผลงานในท้ายที่สุดว่าต้องดีกว่าปีที่ผ่านๆ มา
แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าการทำให้ตัวเองต้องกระเสือกกระสนแบบไม่จำเป็น และทุกนัดที่ผ่านไปพร้อมผลงานที่ดีก็หมายถึง "ความมั่นใจ" ที่เพิ่มขึ้นตามลำดับซึ่งนั่นเมื่อรวมกับยอดกุนซือฝีเท้าดีเข้าไปด้วย ก็อาจแกร่งพอที่จะหยุดการผูกขาดแชมป์ของทีมจากสเปนในช่วงหลังได้เสียที