:::     :::

ช่วงเวลาที่น่าจดจำกับราชันชุดขาว

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2562 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,756
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถึงตอนนี้ แกเร็ธ เบล คงต้องยอมรับสภาพแล้วว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการในรั้วซานติอาโก้ เบร์นาเบว อีกต่อไป ตราบใดที่กุนซือของทีมยังเป็น ซีเนดีน ซีดาน

นับตั้งแต่นายใหญ่ชาวฝรั่งเศสออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า "ไม่เอา" แข้งรายอีกต่อไป ชื่อของ เบล ก็กลายเป็นของชอบสำหรับสื่อทุกสำนักที่โยงไปอยู่กับทีมนั้นทีทีมนั้นทีแล้วแต่แหล่งข้อมูลของแต่ละสำนัก

จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราว แต่ก็ต้องยอมรับว่าในเคสนี้ของ เบล ค่อนข้างที่จะน่าสงสารไปสักหน่อย

แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามเส้นทางลูกหนัง เมื่อเค้าไม่เอาก็ต้องไป หรือถ้าไม่อยากย้าย จะอยู่ต่อไปก็ได้ตามสัญญา แต่ก็คงจะเป็นได้แค่ผู้ชมเท่านั้น

แน่นอนว่าก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยกันการกระทำของ ซีดาน โดยเฉพาะในฝั่งที่เป็นแฟนของ เบล ที่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำผลงานของตัวเองอย่างดีที่สุดยามถูกเรียกใช้ ฟอร์มดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่เกม

ถึงขนาดมากางสถิติวัดกันระหว่าง "เจ้านาย" กับ "ลูกน้อง" คู่นี้ ในการค้าแข้งในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว โดยที่ทาง เบล กดไปทั้งหมด 102 ประตูจากการลงสนาม 231 เกม ขณะที่ทาง ซีดาน ทำได้แค่ 49 ลูกจาก 225 เกมเท่านั้น


ส่วนเรื่องแชมป์แทบวัดกันไม่ได้เพราะตลอด 5 ปี ซีดาน มีแชมป์แค่ 6 รายการ แต่ของ เบล กดไปเน้นๆ 13 แชมป์ โดยเฉพาะในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ได้มา 4 สมัย ขณะที่ ซีดาน ได้แค่ครั้งเดียว

อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะชอบยังไง เพราะคนของฝั่งไหนก็พร้อมจะงัดทีเด็ดออกมาเล่นงานฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะยังไงก็ตามแต่

เอาเป็นว่าในเมื่อเจ้านายไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ชอบก็คือต้องไปนั่นแหละ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ทั้งเรื่องไม่ค่อยสังคมกับเพื่อนหรือบ้ากีฬากอล์ฟเกินเหตุ สรุปว่าเค้าไม่เอานั่นแหละ

แฟนบอลคงได้ติดตามเรื่องราวการย้ายทีมของ เบล กันไปยาวๆจนกว่าจะได้บทสรุป แต่วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องอันน่าจดจำของสตาร์รายนี้ว่าช่วงเวลาไหนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีกมังกรแดงกับ เรอัล มาดริด

เปิดหัวด้วยค่าตัวสถิติโลก


จากนักเตะที่ดูเหมือนเป็น "ตัวนำโชคร้าย" ของ สเปอร์ส, แกเร็ธ เบล ยกระดับฝีเท้าขึ้นมาเป็นแข้งระดับโลก จนกระทั่งในปี 2013 เรอัล มาดริด ก็จ่ายค่าตัวเป็นสถิติโลกเพื่อดึงดาวเตะรายนี้ไปร่วมทีม

ด้วยค่าตัว 85.1 ล้านปอนด์ ทำให้ราคาของ เบล อยู่เหนือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีมที่อยู่กับ "ราชันชุดขาว" มาก่อนหน้านี้แล้ว 

ที่ เรอัล มาดริด ต้องยอมจ่ายค่าตัวขนาดนี้เพราะทาง "ไก่เดือยทอง" ไม่ยอมปล่อยตัวออกจากทีมง่ายๆ หลังจากที่ซัมเมอร์ก่อนหน้าก็เพิ่งโดนดูด ลูก้า โมดริช ไปแล้ว ทำให้ค่าตัวของ เบล ต้องสูงที่สุด

ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข หรือจะบอกได้ว่าสุขที่สุดของนักเตะนาม แกเร็ธ เบล กับการได้ย้ายมาเป็นหนึ่งในขุนพลของสโมสรที่ได้ชื่อว่า รวยที่สุด ดีที่สุด และนักเตะแทบทุกคนใฝ่ฝันที่จะย้ายไปร่วมทีมมากที่สุด

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จทั้งนักเตะและสโมสรในช่วงระยะเวลา 6 ปีที่ใครก็ยากจะเลียนแบบได้

ประตูเปิดตัว


เส้นทางของ แกเร็ธ เบล ไม่ได้สวยหรูอย่างที่ใครหลายคนคิด เมื่อต้องแบกรับค่าตัวมหาศาลกับความคาดหวังของแฟนบอล และคนไม่น้อยที่มองว่า เรอัล มาดริด จ่ายค่าตัวของแข้งรายนี้แพงจนเว่อร์เกินไปรึเปล่า

16 เกมแรกกับทีม เบล ลงเล่นตัวจริงแค่ 5 นัด ลงเล่นเป็นสำรอง 6 เกม และไม่ได้ลงเล่น 5 เกม ก่อนจะมาเบิกประตูแรกได้สำเร็จในเกมที่ทีมพบกับ บียาร์เรอัล 

จุดเริ่มต้นจาก ลูก้า โมดริช ไหลบอลให้ ดาเนียล การ์บาฆาล ทะลุไปสุดเส้นเขตโทษด้านขวาก่อนเปิดมาหน้าประตู เบล สปีดมาชาร์จจ่อๆเข้าไป

ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการถล่มประตูให้กับต้นสังกัดที่ท้ายที่สุดทะลุหลักร้อยประตูไปอย่างน่าปรบมือให้

                        
โซโล่เดี่ยวทะลวงตาข่ายคู่ปรับตลอดกาล

หากจะมีชัยชนะในเกมไหนที่ทำให้ผอง เรอัล มาดริด ได้เฮฮากันสุดเหวี่ยง คงหนีไม่พ้นการเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลน่า

และปีแรกของ แกเร็ธ เบล ก็สร้างรอยยิ้มอันเปี่ยมความสุขให้กับแฟนบอล "ราชันชุดขาว" ซึ่งนอกจากจะพังตาข่ายใส่ "เจ้าบุญทุ่ม" ได้แล้ว ยังเป็นการยิงในเกมชิงชนะเลิศให้ทีมคว้าแชมป์อีกด้วย

ในศึกโกปา เดล เรย์ รอบชิงชนะเลิศ 2014 ที่สนามเอสตาดิโอ เมสตาย่า ที่ถือเป็นศึก "เอล กลาซิโก้", อังเคล ดิ มาเรีย เบิกสกอร์ให้ เรอัล มาดริด ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ออกนำก่อนในครึ่ง แต่มาโดน มาร์ก บาร์ตร้า ตีเสมอให้บาร์ซ่า 

                        

ในขณะที่เกมดูท่าอาจจะต้องยืดเยื้อไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ แกเร็ธ เบล ก็โชว์ "ของ" ด้วยการกระชากบอลจากครึ่งหลังสนามด้วยความเร็วหนี มาร์ก บาร์ตร้า เข้าเขตโทษโทษก่อนไปจิ้มลอดขานายทวาร โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ นาทีที่ 85 ให้ทีมคว้าชัยด้วยสกอร์ 2-1

ถือเป็นแชมป์แรกของเจ้าตัวกับต้นสังกัดใหม่ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าค่าตัวที่ เรอัล มาดริด จ่ายไปนั้นไม่ได้แพงเลย

สังหารครบ 100 ประตูให้ราชันชุดขาว 


แม้จะไม่ได้ยิงประตูเปรี้ยงปร้างและโดดเด่นเช่นเดียวกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ แกเร็ธ เบล ก็บันทึกชื่อตัวเองในทำเนียบ "คนเกินร้อย" ในการพังตาข่ายให้กับ เรอัล มาดริด ได้สำเร็จ

นอกจากจะยิงประตูแตะเลขสามหลักได้อย่างยอดเยี่ยม มันยังเกิดขึ้นในเกม "มาดริด ดาร์บี้" กับ แอตเลติโก มาดริด อีกด้วย

เรียกได้ว่าเฮสองเด้งเลยสำหรับ เบล และแฟนบอล "โลส บลังโกส"

                        

สตาร์ทีมชาติเวลส์ที่ลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมที่บีเซนเต้ กัลเดรอน (เดิม) ลูก้า โมดริช ไหลบอลให้ แกเร็ธ เบล กดด้วยซ้ายในเขตโทษด้านซ้ายบอลพุ่งเรียดเสียบเสาสองเข้าไปอย่างเด็ดขาด

หลังจบเกม เซร์คิโอ รามอส มอบเสื้อพร้อมตัวเลข "100 ประตู" ให้ เบล เป็นของที่ระลึกอีกด้วย

ตีลังกายิงใส่ ลิเวอร์พูล


นอกจากจะเป็นประตูที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอล เรอัล มาดริด ก็คงจะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอล ลิเวอร์พูล เช่นกัน 

เกมรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 ที่เหล่าสาวก "หงส์แดง" ต่างตั้งความหวังว่าทีมรักจะคว้าแชมป์ แต่กลับต้องมาเสีย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวเก่งตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงของเกม

หนำซ้ำยังต้องมาเจอกับความผิดพลาดของ ลอริส คาริอุส ที่นอกจากจะลั่นออกบอลทั้งที่ คาริม เบนเซม่า ยืนอยู่ข้างหน้าจนเสียประตูแรก แต่เพื่อนก็มาช่วยยิงประตูตีเสมอให้ได้

                        

แต่ทีมดังจากเมืองผู้ดีก็มาเจอ "ทีเด็ด" ของ แกเร็ธ เบล ที่ตีลังกายิงจากลูกเปิดของ มาร์เซโล่ บอลตุงตาข่ายอย่างสวยงามก่อนมาซัดปิดท้ายอีกเม็ดจากความผิดพลาดของ คาริอุส ที่ชกบอลพลาดเข้าประตูตัวเองไป

ถ้าจะบอกว่าเป็นประตู "จักรยานอากาศ" ในนัดนี้คือลูกที่ดีที่สุดในชีวิตของ แกเร็ธ เบล ก็คงไม่น่าเกลียด สวยกว่าประตูที่ ซีเนดีน ซีดาน ยิงใส่ เลเวอร์คูเซ่น ในเกมชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อปี 2002 ด้วยซ้ำ!


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด