นี่คือบทความเบื้องหลังบางส่วนของแมนยูไนเต็ดที่แฟนบอลไม่เคยรู้ และถูกเขียนเปิดเผยออกมาโดย Jordan Clarke ในเรื่องราวหลักๆของ บรรยากาศ วิถีทาง ช่วงใต้การกุมบังเหียนแมนยูไนเต็ดที่บัญชาการโดยมูรินโญ่ ความรักของทุกๆคนในสโมสรที่มีต่อป็อกบา เรื่องราวอิทธิพลของแมคเคนน่า และกระแสกรีนวู้ดในปัจจุบัน เรื่องราวต่างๆส่วนหนึ่งได้รับมาจากการบอกเล่าของเยาวชนรายหนึ่งซึ่งได้อยู่และเห็นในช่วงยุคปลายของมูรินโญ่ก่อนถูกไล่ออกไปในที่สุด..
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มต้นปรีซีซั่นได้อย่างสวยหรูเมื่อชนะ4นัดรวดต่อเพิร์ธกลอรี่ ลีดส์ยูไนเต็ด อินเตอร์มิลาน และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเรียกความมั่นใจด้านบวกเพื่อเตรียมพร้อมลุยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง
เด็กเราโคตรพร้อมบวกมากตอนนี้
ทัวร์ปรีซีซั่นของแมนยูไนเต็ดเมื่อซีซั่นที่แล้วในสหรัฐอเมริกาในช่วงที่มูรินโญ่คุมทีมนั้นได้ส่งสัญญาณบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายหลังในฤดูกาลนั้น คำพูดและทัศนคติจากผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสนั้นส่อให้เกิดความพ่ายแพ้ และมันก็เป็นไปตามนั้นหลังจากทำได้แค่เสมอ 0-0 กับซานโฮเซ่เอิร์ธเควค และจากนั้น การแพ้ 4-1 ต่อลิเวอร์พูล (ICCปรีซีซั่นปีก่อน ลูกเดียวที่เรายิงคืนได้คือฟรีคิกจากเปเรร่า นัดนั้นนั่นล่ะ) ทำให้มูรินโญ่ไปลงความพ่ายแพ้ใส่ลูกทีม โดยที่เขาได้ปกป้องอเล็กซิส ซานเชส และกล่าวว่า "เราไม่มีผู้เล่นปีก เราไม่มีกองหน้าตัวจบสกอร์ เขา(อเล็กซิส)เป็นคนเดียวที่อยู่ตรงนั้นและน่าสงสารที่เขาก็พยายามทำอย่างถึงที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับคนบางคนที่อยากได้มากกว่านี้อีก..นี่ไม่ใช่ทีมของพวกเรา นี่ไม่ใช่เรา"
มันมีการตั้งข้อสงสัยอยู่เสมอว่าพฤติกรรมของมูรินโญ่ช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดนั้น เป็นอันตรายต่อสโมสรหลายๆอย่าง ทั้งการมีปัญหากับเอ็ด วู้ดเวิร์ดในเรื่องของดีลซื้อขาย, กับช่องMUTVของสโมสร และกับมิดฟิลด์ของทีมอย่างปอล ป็อกบา ที่สุดท้ายแล้วก็จบลงที่การต้องไปของชายวัย56ปีผู้นี้
ได้รับการพูดคุยกับอดีตนักเตะเยาวชนของแมนยูไนเต็ดรายหนึ่งที่ "ไม่ประสงค์ออกนาม" ที่อยู่กับสโมสรช่วงที่มูคุมฤดูกาลสุดท้ายของเขากับแมนยูไนเต็ด ทัศนคติของอดีตผู้จัดการทีมปอร์โต้ เชลซี เรอัลมาดริด และอินเตอร์รายนี้ที่มีต่อเยาวชนและสโมสรนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจว่าทำไมมูรินโญ่กับยูไนเต็ดนั้นไม่สามารถไปด้วยกันได้
ผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนาม(ใครฟะ)รายนั้นกล่าวไว้ว่า "ถึงแม้ว่ามีเซสชั่นการซ้อมเกือบ15ครั้งภายใต้มูรินโญ่ เขาไม่เคยพูดอะไรกับผมเลย ส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่เพียงคีแรน แมคเคนน่าและไมเคิล คาริคเท่านั้น มูรินโญ่แทบจะไม่พูดอะไรเลย เวลาจะพูดเขาก็มักจะเรียกด้วยคำว่า เจ้าหนูน้อย (kid) แทนที่จะเรียกชื่อของคนเหล่านั้นตรงๆเหมือนพวกนักเตะทีมชุดใหญ่ ซึ่งทำให้นักเตะเยาวชนหลายๆคนรู้สึกว่าเขาด้อยค่าและมันน่าอาย"
"มูรินโญ่ต้องการที่จะย้ายเอานักเตะเยาวชนทั้งหมดแยกจากนักเตะชุดใหญ่ไปอยู่ในพื้นที่อื่น แต่ว่าเบื้องสูงกว่าเขาได้หยุดเรื่องนี้เอาไว้ พวกเรานักเตะเยาวชนไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สระว่ายน้ำหรือที่อาบน้ำแข็ง ถ้ามีนักเตะชุดใหญ่อยู่ที่นั่น ผมไม่รู้สึกว่ามันมีความเป็นทีมเลย และนักเตะชุดใหญ่ก็จะต้องกินข้าวกลางวันในที่ของเขาเองคนเดียว ไม่ก็สองสามคน แทนที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นส่วนรวม"
"ระหว่างพักเกมทีมชาติ นักเตะที่ไม่ได้กลับไปรับใช้ชาติและฝึกซ้อมอยู่ในแมนเชสเตอร์ มูรินโญ่ก็มักจะหยุดพักร้อนทุกครั้งตามปกติที่เขาหยุดทุกๆครั้ง ดังนั้นจึงเป็นช่องที่นักเตะต่างๆก็จะได้มาซ้อมร่วมกับพวกเราเยาวชน ซึ่งมันมีนักเตะดีๆ 8ถึง10คนมาซ้อมด้วย เช่นอังเดร เอเรร่า ฆวน มาต้า ลุค ชอว์ คริส สมอลลิ่ง และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล พวกเขาเป็นมืออาชีพมากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอเรร่าผู้ซึ่งเป็นมืออาชีพมากที่สุดของสโมสร"
ชัดไหมบทสัมภาษณ์นี้
วันที่18 ธันวาคม มูรินโญ่หมดเวลาของเขาที่ยูไนเต็ดหลังจากแทนที่หลุยส์ฟานกัลได้เพียงราวๆสองปี แมนยูไนเต็ดแพ้ลิเวอร์พูล 3-1 ซึ่งถูกฝังกลบเน้นๆโดยเชอร์ดาน ชาคิรี่ยิงเบิ้ลทำให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์กับทีมท็อปของตารางทันที รายงานทั่วๆไปทุกที่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ป็อกบาคือสิ่งที่ขับให้ตำแหน่งผู้จัดการทีมของเขานั้นถูกเลิกจ้าง แต่เรื่องภายในห้องแต่งตัวนั้นเขามองว่าเป็นเรื่องอื่น
"นักเตะซีเนียร์หลายๆคนในทีมไม่ชอบมูรินโญ่ พวกเขาบางคนกระโดดโลดเต้นและหัวเราะตอนที่มูโดนไล่ออก อารมณ์ทั้งหมดในสโมสรเปลี่ยนเป็นสดชื่นอย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครคิดว่าเขาจะถูกไล่ออก ทุกคนประหลาดใจมาก"
"นักเตะที่คุณคิดว่าจะแฮปปี้อย่าง อองโตนี่ มาร์กซิยาลนั้นก็แฮปปี้แหละ อย่างที่คิด แต่ป็อกบาดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผมไม่คิดว่าเขากับมูจะไม่ลงรอยกันในทุกๆอย่าง ป็อกบาแค่ผิดหวังกับวิธีการเล่นของทีมและผลการแข่ง เรื่องเล่าที่ป็อกบานั้นทำไม่ดีกับสโมสรนั้นไม่จริง ทุกๆคนที่สโมสรนี้รักเขา เขามักจะพูดคุยกับทุกๆคนไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทุกคนรู้จักกับเขาหมดไล่ตั้งแต่เหล่าเยาวชนยันคนทำความสะอาด ในการซ้อมเขามักจะพูดว่า ถ้าไม่รู้จะทำยังไง มึงจ่ายมาให้กูเลย ถึงกูจะโดนประกบก็เหอะ"
"ไม่มีใครที่สโมสรเลยพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขา ตั้งแต่เชฟไล่ไปกระทั่งปากโค้ช เหล่าครูที่วิทยาลัยจนถึงสต๊าฟคนอื่นๆ เขาเป็นคนที่เพอร์เฟ็คท์ที่สโมสรนี้ ทุกๆคนประทับใจเขาเวลาที่ทำกิจกรรมกับกองทุนยูไนเต็ด เขามักจะพยายามเป็นพิเศษเสมอๆ มากกว่าที่จะแค่โผล่หน้าไปงั้นๆ เขาทำอย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นวันของคนเหล่านั้นมากที่สุด"
หลังจากที่โซลชาได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม เขาได้เลือกที่จะเก็บคีแรน แมคเคนน่า และ ไมเคิล คาริคเอาไว้ในทีมโค้ชซึ่งทั้งคู่ก็ถูกดึงเข้ามาโดยมูรินโญ่นั่นเอง, แมคเคนน่าในวัยเพียงแค่33ปีนั้น นำนักเตะU-18ของยูไนเต็ดชนะการแข่งขัน และได้แทนที่รุย ฟาเรียในตำแหน่งงานผู้ช่วยผู้จัดการทีมของมูในปี 2018 แต่ว่าอิทธิพลของแมคเคนน่านั้นได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมภายใต้ระบอบของโซลชา
อิทธิพลสูงมากจริงๆ ขนาดรูปในบทความยังใหญ่เป้ง!!
"คุณจะต้องแปลกใจแน่ว่าเขามีอิทธิพลขนาดไหน เขาทำแผนการเล่นพิเศษขึ้นมา แต่ว่าทีมชุดใหญ่นั้นขาดนักเตะที่จะสามารถมาทำตรงนั้นได้ ระบบของเขานั้นขึ้นอยู่กับสองฟูลแบ็คที่มีไดนามิคสูง / เซ็นเตอร์แบ็คที่เล่นกับบอลได้ (ball-playing defender/centre-back) จุดศูนย์กลางสนามที่สามารถปกป้องแผงแบ็คโฟร์ได้ จ่ายขึ้นหน้าได้เพื่อเริ่มเกมบุก , ปีกที่เล่นเพรสซิ่งใส่ และวิ่งจู่โจมแนวหลังได้ รวมถึงกองหน้าall aroundที่สามารถทำได้ทุกอย่าง (สูตรใช้Complete Forwardในตอนนี้ชัดๆ หมาก แรช กรีนวู้ด ; ศาลาผี) ซึ่งสิ่งเหล่านั้นลูคาคูไม่สามารถทำได้เลย นั่นแหละเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจะต้องย้ายทีม"
"คีแรนใส่ใจในรายละเอียดสูงและหลงใหลในงานของเขา ปีที่แล้วช่วงกุมภาพันธ์ ตอนที่พวกเราU18เล่นกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ คีแรนนั้นวิเคราะห์การเล่นของพวกเราว่าจะเพรสใส่ซิตี้ยังไง และเขาใช้ชัคตาร์ โดเน็ทส์มายกเป็นตัวอย่างให้พวกเรา ซึ่งระหว่างที่เขากำลังวิเคราะห์นั้นเขาชี้ไปที่มิดฟิลด์ตัวเล็กๆคนนึง ซึ่งนั่นคือFred และกล่าวว่า ทีมชั้นนำทั้งหลายควรจะพุ่งเป้าสนใจนักเตะคนนี้"
นี่ชัคต้าร์หรือท่าเรือ
ซึ่งในภายหลัง ยูไนเต็ดได้เซ็นสัญญาเฟร็ดเขามาจริงๆโดยการปาดหน้าลายเซ็นของนักเตะบราซิลเลียนผู้นี้ เอาชนะเป๊ป กวาดิโอล่ามาได้ และนักเตะวัย26ปีก็แสดงความสามารถของเขาให้ได้เห็นแม้มันยากที่จะปักหลักอยู่ที่แมนเชสเตอร์ได้ เหมือนเหล่านักเตะอเมริกาใต้หลายๆคน แมคเคนน่าดึงเขาเข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่หลังจากการที่เขาเริ่มพูดแนะนำให้เซ็นเฟร็ดเข้ามา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะข้อเสนอแนะของเขา และทำให้ชายหนุ่มจากไอร์แลนด์เหนือผู้นี้มีอิทธิพลต่อทีมมากขึ้นในยุคโซลชา เหตุผลหลังการนำเฟร็ดเข้ามาจึงชัดเจนขึ้นในซีซั่นนี้
ในยุคโซลชานั้น แมนยูไนเต็ดได้มีบรรยากาศของการให้ความสำคัญกับเหล่านักเตะเยาวชนมากขึ้น จากประตูของฝีมือเหล่าลูกกรอกคะนองอย่าง อังเคล โกเมส เจมส์ การ์เนอร์ และเมสัน กรีนวู้ด พวกเขาทำประตูในปรีซีซั่นกันได้ทั้งหมดซึ่งเหล่านักเตะจากอะคาเดมี่ของทีมทั้งหลายเหล่านี้ มีส่วนกับทั้ง 9 ประตูของแมนยูไนเต็ดในปรีซีซั่น
กรีนวู้ด ที่ว่ากันว่าเป็นนักเตะพรสวรรค์สูงที่สุดในกลุ่มนั้นทำให้แฟนๆตื่นเต้นทั้งในตอนที่อยู่ในทีมเยาวชน และตอนที่ขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ก็ยังคงเหมาะเช่นกัน "เมสันนั้นถ่อมตัวติดดินสุดๆและพรสวรรค์ของเขาก็สดมากๆ ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เขาลงเดบิวต์ในการเจอกับคาร์ดิฟฟ์และจากนั้นก็ไปเรียนต่อเลย และพูดคุยกับเพื่อนทุกๆคนเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตั้งแต่รู้จักกันผมก็เห็นเขาเล่นได้ดีเยี่ยมทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวาพอๆกัน"
"ทุกคนที่สโมสรรู้ดีว่าความสามารถเขานั้นยอดเยี่ยมที่สุดแน่ๆในอีกสักสิบปีข้างหน้า และนั่นแหละทำไมพวกเขาถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปกป้องเขา พวกเขาไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เหมือน จาดอน ซานโช่ กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ หรือว่า คัลลัม ฮัดสัน โอดอย กับเชลซีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สโมสรเยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหวพยายามล่าตัวเขาตั้งแต่เขายังเด็กๆ แต่โชคชะตาของเขากำหนดเอาไว้แล้วให้เขาจะมาประสบความสำเร็จที่ยูไนเต็ด"
"ในตอนนี้ทุกคนที่นั่นก็ได้เห็นพรสวรรค์ของเขาแล้วเรียบร้อย"
และทั้งหมดนี้ก็คือบทความของจอร์แดน คล้าก ที่ได้นำเสนอและเปิดเผยบทสัมภาษณ์จากนักเตะเยาวชนบางคนในทีมที่ได้เปิดเผยเรื่องราวหลังบ้านเหล่านี้ให้ได้รู้ ซึ่งจากทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมันก็มีทั้งเรื่องจริง และสิ่งที่เป็นมุมมองและความคิดเห็นส่วนตัวของเยาวชนในทีมคนหนึ่ง ที่มองเห็นความเป็นไปของสโมสรภายใต้ยุคของมูรินโญ่ เปลี่ยนมาเป็นโซลชาในปัจจุบัน ซึ่งมันก็มีทั้งเรื่องความเป็นจริง และความคิดส่วนตัวของเขาเอง
ซึ่งความจริงหากมองกว้างๆมันอาจจะยังมีมุมอื่น เหตุผลอื่นๆในเรื่องราวนี้ของมูรินโญ่เช่นกัน เช่นว่า นี่มันก็เป็นเพียงแค่วิธีการที่มูใช้จัดการกับทีมชุดใหญ่ แยกส่วนกับชุดเล็กชัดเจนตามแบบฉบับการบริหารจัดการของเขา มูอาจจะเหมาะกับที่ที่ต้องการผู้นำเบ็ดเสร็จที่คอยควบคุมทุกอย่าง และเหมาะกับการมีนักเตะสมบูรณ์พร้อมใช้ที่เหมาะกับการเล่นตามแทคติกที่เขาต้องการ เพียงแค่วิธีการบริหารของมูรินโญ่อาจจะไม่เข้ากับความเป็นยูไนเต็ดเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าเขาทำผิดหรือจะเกลียดเด็กแต่อย่างใด
ซึ่งหากคนที่เข้าใจและเปิดใจจริงๆก็จะทราบกันดีกว่า ในยุคของเขานั้น สิ่งที่ทำไม่ดีและทำผิดก็มี เช่นเดียวกันกับสิ่งที่มูเองก็ไม่ใช่คนผิด และควรได้รับความเห็นใจจากสิ่งที่เขาพยายามทำเต็มที่แล้ว เรื่องบางเรื่องก็เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของมูเช่นกัน
แมคเคนน่าแขวนสตั๊ดปี2009วัยแค่23ปีด้วยอาการบาดเจ็บที่สะโพก
นอกจากนี้ก็ยังเป็นมุมมองผู้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องป็อกบากับผู้คนในสโมสร ความสำคัญของแมคเคนน่า "มือซ้ายไก่ผี" ของโอเล่ (เขาเคยเป็นนักเตะเยาวชนและโค้ชu-18ของท็อตแน่ม ก่อนที่ปี2016จะมาเป็นโค้ชu-18ให้ทีมเราและ เลื่อนขั้นขึ้นมาในปัจจุบันในที่สุด) และสุดท้าย ความไฮพ์ที่พวกเราเป็นต่อตัวของเมสัน กรีนวู้ด ในขณะนี้
แม้จะไม่ประสงค์เอ่ยนาม แต่ก็ทำให้เราเห็นเรื่องราวเบื้องลึกอะไรของสโมสรเราได้ชัดเจนขึ้นเป็นอย่างดี ถึงเราจะทราบเรื่องเหล่านี้กันมาบ้างแล้วก็ตามจากข่าวอะไรต่างๆในหน้าหนังสือพิมพ์
ต่อจากนี้คือเวลาเดินหน้าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแล้ว สิ่งเหล่านี้คือ "บทเรียนที่ดี" ที่ทำให้เราจะไม่ผิดพลาดซ้ำสอง และแก้ไขให้มันพัฒนาในอนาคตได้ ใครที่มองเรื่องนี้แบบผู้ใหญ่แล้ว และเข้าใจว่า ความผิดพลาดในยุคของมูมันเกิดขึ้นได้ และปัจจัยความล้มเหลวก็ไม่ได้อยู่ที่มูรินโญ่คนเดียว การหยิบเรื่องไม่ดีบางอย่างเหล่านี้ที่เกิดขึ้นไปแล้วและจบไปแล้ว มาเพื่อเป็นบทเรียนแก้ไขนั้น มันจะทำให้เราแข็งแกร่งและดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในอนาคต
อคติของคนไม่ช่วยพัฒนาใคร การเปิดใจเข้าใจยอมรับความล้มเหลวต่างหากคือสิ่งที่สำคัญกว่า
-ศาลาผี-
source : https://www.allaboutunited.co.uk
