11 ตำแหน่งที่ดีที่สุดจากในตลาดซัมเมอร์นี้
นอกเหนือจากการรอคอยให้ฤดูกาลใหม่เริ่มต้นในเดือนสิงหาคม แต่ก็มีสิ่งที่แฟนบอลสนใจอีกอย่างก็คือเรื่องของการซื้อ-ขายนักเตะในทีม
ได้ตัวบ้าง เสียตัวบ้าง หรือจะถึงขั้นเสียตัวหลักบ้างก็เป็นไปตามกลไกของโลกลูกหนัง ซึ่งบางครั้งอาจจะสร้างความหงุดหงิดให้แฟนบอลไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ในทุกๆปีจะมีการย้ายทีมที่ฮือฮาเกิดขึ้นอยู่เสมอ แม้ในฤดูกาลนี้จะดูเงียบๆไปบ้าง เพราะพวกตัวดังอย่าง เอแด็น อาซาร์, มัทไธส์ เดอ ลิกท์ หรือ อองตวน กรีซมันน์ แฟนบอลต่างรู้กันอยู่แล้วว่าย้ายแน่ และจุดหมายก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากที่คาดการณ์กันนัก
ไปดูกันว่าในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้กับการจัดทีมทั้ง 11 ตำแหน่ง ว่าใครคือที่สุดของตลาดซื้อขายประจำหน้าร้อนนี้
ผู้รักษาประตู
เนโต้
จาก บาเลนเซีย ไป บาร์เซโลน่า
ค่าตัว : 35 ล้านยูโร
การเสีย ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น นายทวารมือสองของทีมให้กับ บาเลนเซีย ทำให้ บาร์เซโลน่า ต้องหามือกาวสำรองเพื่อเป็นแบ็คอัพให้กับ มาร์ค-อันเดร์ แทร์ ชเตเก้น
กระนั้นไม่ต้องไปหาที่ไหนอื่นไกล ก็เอา เนโต้ ของทีม "ค้างคาว" นี่แหละสวนทางย้ายมาแทนที่กันไปเลย โดยค่าตัวของ ซิลเลสเซ่น อยู่ที่ 35 ล้านยูโร ส่วนของ เนโต้ อยู่ที่ 28 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก 6 ล้านยูโรตามความสำเร็จ
ก็เรียกได้ว่าเป็นดีลที่ "วิน-วิน" ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพียงแต่มันต่างกันตรงที่ เนโต้ จากที่เป็นตัวหลักไปคงกลายเป็นแค่สำรองในถิ่นคัมป์ นู ส่วน ซิลเลสเซ่น จากที่เป็นตัวสำรองคงไปเป็นมือหนึ่งในถิ่นเมสตาย่า
แต่ถ้า เนโต้ พอใจกับการที่จะได้ลงเล่นอันน้อยนิด แต่มือถ้วยแชมป์ติดมืออยู่เรื่อยๆ ก็ไม่เห็นว่าใครจะต้องไปเดือดร้อนแทนเขาสักหน่อย
เซนเตอร์
ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ
จาก แอตเลติโก มาดริด ไป บาเยิร์น มิวนิค
ค่าตัว : 80 ล้านยูโร
ถือเป็นหนึ่งในกองหลังที่ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเซนเตอร์ดาวเด่นของวงการลูกหนัง แม้ที่ผ่านมาโอกาสลงสนามกับ แอตเลติโก มาดริด จะไม่มากนักก็ตาม ฟอร์มก็ไม่ถือว่าเปรี้ยงปร้างเท่าไร
แต่การย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ถือเป็นยักษ์ใหญ่ระดับหัวแถวของยุโรปที่กำลังต้องการกองหลังคนใหม่เข้ามาเป็นกำลังสำคัญของทีมน่าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวกระโดดในเส้นทางของ แอร์กน็องเดซ
ด้วยวัยเพียง 23 ปี กับค่าตัว 80 ล้านยูโร "เสือใต้" คงเล็งเห็นแล้วว่าแข้งหนุ่มรายนี้มีแวว, มีอนาคต และยังมีอายุการใช้งานอีกยาวไกลถึงยอมจ่ายเงินมหาศาลขนาดนี้ดึงมาร่วมทีม
รอดูกันต่อไปว่าเมื่อได้ไปอยู่กับทีมที่ประสบความสำเร็จในทุกปีและมียอดแข้งล้นทีมจะพัฒนาฝีเท้าไปถึงจุดที่สื่อต่างพากันยกย่องได้หรือไม่
มัทไธส์ เดอ ลิกท์
จาก อาแจ็กซ์ ไป ยูเวนตุส
ค่าตัว : 75 ล้านยูโร
เป็นการย้ายทีมที่ยืดเยื้อที่สุดเรื่องหนึ่ง เปรียบกับหนังก็มีตัวละครเกี่ยวข้องมากมาย เหมือนกับสาวงามเนื้อหอมที่ไม่ตกลงปลงใจจะเลือกชายหนุ่มที่เข้ามาแจกขนมจีบสักที
จากผลงานอันยอดเยี่ยมที่ปักหลักคุมเกมรับให้กับ อาแจ็กซ์ อย่างแข็งแกร่งในฤดูกาล 2018/19 จนบรรดายักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปต่างก็ฝากชื่อต้องการดึงตัวไปร่วมทีมก่อนที่จะเหลือแค่ บาร์เซโลน่า กับ ยูเวนตุส กระทั่งลงเอยกับ "ม้าลาย"
ค่าตัวระดับ 75 ล้านยูโร ว่ากันตามตรงต้องบอกว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับความบ้าคลั่งของตลาดซื้อขายในปัจจุบัน ด้วยวัยเพียง 19 ปี กับฟอร์มการเล่นที่โชว์ให้ทั่วโลกได้เห็น
แม้จะประเดิมสนามตัวจริงในเกมอุ่นเครื่องของสโมสรด้วยการสกัดเข้าประตูตัวเองอย่างโชคร้าย แต่เชื่อได้เลยว่าที่ตูริน เดอ ลิกท์ จะประสบความสำเร็จในเรื่องของโทรฟี่อย่างมากมายแน่นอน
แบ็คขวา
อารอน วาน-บิสซาก้า
จาก คริสตัล พาเลซ ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ค่าตัว : 50 ล้านปอนด์
ก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังอังกฤษ แม้ว่าจะไม่ได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกหรือกองหน้าที่มักมีสปอร์ตไลท์ฉายแสงส่องมาอยู่เสมอ
ด้วยค่าตัวระดับ 50 ล้านปอนด์ ที่ใครหลายคนอาจจะมองว่าแพงเกินไปหรือเปล่ากับเด็กที่เพิ่งขึ้นมาเพียงแค่ปีแรก อันนี้ก็แล้วแต่มุมมอง แต่หากได้เห็นฟอร์มของแบ็กจอมบุกรายนี้ในช่วงปรีซีซั่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงต้องบอกมีแววดีจริงๆ
อารอน วาน-บิสซาก้า มีดีทั้งรุกและรับ ทีเด็ดอยู่ที่สปีดความเร็วที่ไม่ธรรมดาในแบบฉบับที่นักเตะริมเส้นควรมี ที่สำคัญคือใจสู้ทีเดียว พร้อมสู้ทุกจังหวะจะหนักเบาก็ไม่กลัว
ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่แหละจะเป็นทีมที่เจ้าตัวจะได้โชว์ฝีเท้าไม่ใช่แค่ในอังกฤษแต่รวมถึงในยุโรปได้เห็นกัน
แบ็คซ้าย
แฟร์กล็องด์ เมนดี้
จาก ลียง ไป เรอัล มาดริด
ค่าตัว : 55 ล้านยูโร
แบ็กซ้ายวัย 24 ปี คงไม่ได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแบบนี้หากไม่ได้ย้ายมาอยู่กับสุดยอดสโมสรอย่าง เรอัล มาดริด ในซัมเมอร์นี้
ซีเนดีน ซีดาน ดึงแบ็กชาติเดียวกันนี้เพื่อมาเป็นตัวแทนในระยะยาวของ มาร์เซโล่ วิเอยร่า หรืออาจจะเป็นตัวแทนตั้งแต่ฤดูกาลนี้เลยก็เป็นได้
แม้จะออกสตาร์ทอย่างโชคร้ายไปสักหน่อยเมื่อเจอกับอาการบาดเจ็บในช่วงอุ่นเครื่องและต้องพักยาวร่วมเดือน ชวดช่วยทีมในช่วงต้นของฤดูกาลนี้ไป
น่าสนใจว่านายใหญ่ราชันชุดขาวจะวาง เมนดี้ ให้อยู่ในจุดไหนเมื่อหายเจ็บกลับมาหลังจากที่ มาร์เซโล่ ที่อายุเลยเลข 3 ไปแล้วผลงานถือว่าน่าผิดหวังเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่มั่นใจได้เลยว่าในระยะยาวหากผลงานดียังไงก็เป็นตัวหลักแน่นอน
กองกลาง
เฟรงกี้ เดอ ย็อง
จาก อาแจ็กซ์ ไป บาร์เซโลน่า
ค่าตัว : 75 ล้านยูโร
ไม่ได้เป็นเรื่องตื่นเต้นอะไรมากนักหลังนักเตะตกลงย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า ตั้งแต่เดือนมกราคม โดยลงเล่นกับ อาแจ็กซ์ จนจบฤดูกาลก่อนมาอยู่กับทีมในช่วงซัมเมอร์
แต่จากผลงานในปี 2018/19 กับทีมแชมป์จากฮอลแลนด์ต่างหากที่ทำให้ เฟรงกี้ เดอ ย็อง ได้รับความสนใจจากสื่อที่ยกให้แข้งวัย 22 ปีรายนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจในแดนกลางของ บาร์เซโลน่า ต่อจาก ชาบี เอร์นานเดซ และ อันเดรส อีเนียสต้า สองตำนานของสโมสร
แน่นอนว่าการมาค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นูไม่ใช่เรื่องง่ายกับความกดดันและความคาดหวังอย่างสูงในทีมที่ต้องมีความสำเร็จในรูปแบบของโทรฟี่ติดมือในทุกปี
หากยังรักษามาตรฐานการเล่นแบบเดิมอย่างที่ทำได้มาตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาก็คงไม่มีปัญหาในการเอาชนะใจแฟนบอล "อาซูลกราน่า" ได้แน่
โรดรี้
จาก แอตเลติโก มาดริด ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ค่าตัว : 70 ล้านยูโร
แข้งค่าตัวแพงที่สุดประวัติศาสตร์สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าดูจากราคาที่ 70 ล้านยูโรที่ดูเหมือนไม่มากนัก เป็นเพราะนี่คือค่าฉีกสัญญาที่ตั้งเอาไว้ก่อนแล้ว
นี่คือแข้งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการให้เข้ามาเป็นตัวแทนของ แฟร์นานดินโญ่ ที่อายุมากแล้ว ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายสำหรับตัวนักเตะเองและก็โค้ชด้วยเช่นกัน
การย้ายออกจาก แอตเลติโก มาดริด ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของ โรดรี้ ที่เป็นกำลังสำคัญของ "ตราหมี" กับการย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าปีแรกนี้คงไม่ได้เป็นตัวหลักทั้งซีซั่นแน่
แต่การที่ เป๊ป ออกมาบอกว่าเขาจะเป็นกองกลางตัวโฮลด์บอลที่ดีที่สุดของสโมสรในอีก 10 ปีนับจากนี้ ก็ถือเป็นเครื่องยืนยันว่ายังไงเขาจะเป็นกำลังสำคัญของทีมแน่
ต็องกี เอ็นด็องเบเล่
จาก ลียง ไป สเปอร์ส
ค่าตัว : 60 ล้านยูโร
นับเป็นแข้งชื่อดังรายแรกในรอบหนึ่งปีที่ สเปอร์ส ซื้อตัวมาร่วมทีมหลังจากที่ 2 ตลาดซื้อ-ขายที่ผ่านมาไม่ได้ซื้อใครมาร่วมทีม
ต็องกี เอ็นด็องเบเล่ ไม่ใช่นักเตะโนเนม แต่เขาคือนักเตะที่เป็นเป้าหมายของสองทีมดังจากเมืองแมนเชสเตอร์ทั้ง ซิตี้ และ ยูไนเต็ด แสดงว่าต้องมีอะไรดีแน่นอนอยู่แล้ว
แข้งวัย 22 ปีทำผลงานได้เป็นอย่างดีในช่วงสองปีที่ผ่านมาในลีก เอิง รวมถึงในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ก้าวไปติดทีมชาติฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงขนาดไม่ซื้อตัวมานานเป็นปีแล้วมาทุ่มเงินในครั้งนี้ บอกได้เลยว่าสตาร์ทีมตราไก่ทั้งทีมชาติและสโมสรมีของดีไม่ทำให้ผิดหวังแน่
ตัวรุก
ชูเอา เฟลิกซ์
จาก เบนฟิก้า ไป แอตเลติโก มาดริด
ค่าตัว : 126 ล้านยูโร
ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่ เนย์มาร์ กับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เท่านั้น หลังย้ายไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัว 126 ล้านยูโร
ผลงาน 20 ประตูจาก 43 เกมเมื่อฤดูกาลที่แล้วกับ เบนฟิก้า เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ จนถูกยกให้เป็นแข้งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต
แค่เปิดตัวก็ได้เสื้อหมายเลข 7 ของสโมสร และหลังจากที่เปิดสนามเกมแรกด้วยอาการบาดเจ็บ ชูเอา เฟลิกซ์ ลงสนามอีกครั้งในเกมที่ถล่ม เรอัล มาดริด 7-3 ในศึกไอซีซี คัพ
ตลอดระยะเวลา 66 นาทีในสนาม เฟลิกซ์ ยิง 1 แอสซิสต์อีก 2 พร้อมกับโชว์ฝีเท้าอันเอกอุให้กับแฟนบอลทั่วโลกเห็น เชื่อเลยว่าตอนนี้แฟนบอล "ตราหมี" แทบรอให้ฤดูกาลใหม่เปิดไม่ไหวแล้ว
เอแด็น อาซาร์
จาก เชลซี ไป เรอัล มาดริด
ค่าตัว : 100 ล้านยูโร
หลังจากที่ยืดเยื้อกันมานานร่วมปี ในที่สุดทั้ง เอแด็น อาซาร์ และ เรอัล มาดริด ก็ได้ลงเอยกันสักที
แต่ก็ต้องยอมรับว่าสตาร์ทีมชาติเบลเยียมมีความเป็นมืออาชีพอย่างสูงในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยการโชว์ผลงานสุดยอดเป็นการส่งท้ายในฐานะนักเตะของ เชลซี ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก
หรือจะบอกได้ว่าตลอดระยะเวลาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์, อาซาร์ ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมาก็ว่าได้ รวมถึงก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้
ถึงตอนนี้ผลงานในช่วงปรีซีซั่นจะไม่ดีเท่าไรนัก แต่เชื่อได้เลยว่ายอดแข้งก็คือยอดแข้ง และเขาจะช่วยให้ เรอัล มาดริด กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งอย่างแน่นอน
อองตวน กรีซมันน์
จาก แอตเลติโก มาดริด ไป บาร์เซโลน่า
ค่าตัว : 120 ล้านยูโร
อีกหนึ่งมหากาพย์การย้ายทีมที่ปิดฉากลงตรงที่ อองตวน กรีซมันน์ ได้ย้ายทีมสมใจ แม้ว่าทาง แอตเลติโก มาดริด จะยังไม่ยอมและต้องการฟ้องร้องเอาค่าตัวเต็มที่ 200 ล้านยูโรก็ตาม
เรื่องนอกสนามก็เป็นหน้าที่ของทีมกฎหมายไป ส่วนเรื่องในสนาม อองตวน กรีซมันน์ ก็ประเดิมสนามให้ทีมในเกมอุ่นเครื่องกันไปเรียบร้อย
แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ก็เข้าใจกันไปละกันว่ามันเป็นช่วงปรีซีซั่นและทีมใหม่อยู่ ที่สำคัญคือ ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่จะต้องประสานงานกันยังไม่กลับมาร่วมแคมป์
แต่หากดูจากผลงานที่ผ่านมาในลา ลีกา รวมถึงกับทีมชาติฝรั่งเศส คงจะปรับตัวเข้ากับทีมได้ไม่ยาก ซึ่งคงได้เห็นการดวลกับ เรอัล มาดริด อย่างสนุกแน่ๆในปีนี้