สเตอร์ริดจ์ ... รหัสสังหารกลับมาแล้ว
"ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ เป็นผู้เล่นที่มหัศจรรย์ ผมรักที่จะลงเล่นพร้อมกับเขา การเคลื่อนที่ของเขามันยอดเยี่ยมมาก" นี่คือ ปากคำจากอดีตกัปตันทีมลิเวอร์พูล สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่พูดถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมชุดคว้าอันดับ 2 พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2013/14 ที่ดาเนียล สเตอริดจ์ ฝากฝีไม้ลายมือซัวโวไปถึง 21 ประตู จากการลงสนามเพียง 29 เกม ในฟุตบอลลีก เป็นฟันเฟืองสำคัญร่วมกับหลุยส์ ซัวเรซ คู่หูในแดนหน้า พาหงส์แดงกลับมาตะแคงฟ้าอีกครั้ง แม้จะไม่ได้แชมป์ในบั้นปลาย แต่คู่หู SAS ก็ยิงระเบิดเถิดเทิง เป็นที่น่าเกรงขามไปทั่วประเทศ
น่าเสียดายที่อันดับ 2 ไม่มีใครจดจำ สถิติของ SAS ซัวเรซ แอนด์ สเตอร์ริดจ์ ที่ยิงรวมกันในลีก 52 ประตู เลยไม่ค่อยถูกพูดถึงมากที่ควร และน่าจะเลือนหายไปตามกาลเวลา
เมื่อซัวเรซย้ายออกไป ความหวังของแฟนๆจะไม่ตกมาที่ดาเนีล สเตอร์ริดจ์ ก็คงเป็นไปไม่ได้ 35 ประตู จาก 49 เกม ที่สเตอริดจ์ทำได้ในช่วง 18 เดือนแรกที่ย้ายมาเล่นให้กับลิเวอร์พูล มันชวนให้หลายคนคิดเหลือเกินว่า กองหน้าผู้นี้แหละที่จะมากอบกู้ทีม เป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับชาวเดอะ ค็อป ทุกคน
แต่แค่เริ่มฤดูกาล 2014/15 ไปได้ไม่นาน ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถลงช่วยทีมได้เกือบทั้งฤดูกาล ปล่อยแฟนบอลฝันค้าง พร้อมกับผลงานของทีมที่หล่นฮวบฮาบจากทีมลุ้นแชมป์ กลายเป็นทีมกลางตารางมันซะอย่างน้้น
สถิติฤดูกาล 2014/15 บันทึกไว้ว่า สเตอริดจ์ ลงสนามทุกรายการ 18 เกม ทำได้ 5 ประตู คนละเรื่องกับเมื่อฤดูกาลก่อนที่ยิง 24 ประตู จาก 33 เกมที่ลงเล่นในทุกรายการ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ยังไม่เคยโชว์ฟอร์มแบบในฤดูกาล 2013/14 ให้กับลิเวอร์พูลได้อีกเลย เวลาส่วนใหญ่ของดาวยิงทีมชาติอังกฤษมักจะต้องเดินเข้าออกห้องพยาบาล โรงพยาบาล สถานพักฟื้น เป็นอย่างนี้เรื่อยไป
มีคนเก็บสถิติไว้ว่าตั้งแต่สเตอริดจ์ย้ายจากเชลซีมาลิเวอร์พูล เมื่อมกราคมปี 2013 ... เกือบครบ 5 ปี เต็ม สเตอริดจ์ต้องพลาดการลงเล่นเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บถึง 553 วัน หรือเกือบ 2 ปีเลยทีเดียว !!
ยิ่งเวลาผ่านไป จากความคาดหวัง กลายเป็นความผิดหวัง ... หาแฟนบอลที่จะยังเชื่อใจสเตอริดจ์ได้น้อยเต็มที สเตอร์ริดจ์ น่ะหรอ ?? ถ้าขายได้ก็ขายเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระทีมแพทย์ 555
แต่ยังมีผู้ชายคนหนึ่งที่ยังเชื่อว่า สเตอร์ริดจ์ ยังคงเป็นศูนย์หน้าที่ฝากความหวังได้ ผูัชายคนนั้นชื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ ครับ
คล็อปป์ มองเห็นสเตอริดจ์เป็นซุปเปอร์ซับที่ลงมาเปลี่ยนเกมได้ แม้ความเร็วของสเตอริดจ์ในวันนี้จะไม่เหมือนคนเดิมแล้ว แต่ความคมในการปิดสกอร์ ลูกเล่นเวลาครอบครองบอล ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แถมประสบการณ์ยังเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นพี่เลี้ยงของเด็กๆในทีมอย่าง โดมินิค โซลันกี้, โจ โกเมซ, เซยี่ โอโจ้ และรวมไปถึงอเล็ก อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม เด็กเหล่านี้ภายใต้การแนะนำของสเตอริดจ์ น่าจะทำให้พวกเขามีอนาคตที่สดใสได้ไม่ยาก
ฤดูกาลนี้สเตอริดจ์สลัดอาการบาดเจ็บ กลับมาลงสนามอย่างต่อเนื่องให้กับทีม โดยลงเล่นไปแล้ว 12 เกม ยิงได้ 3 ประตู โดย 2 ประตูหลังสุดเกิดขึ้นใน 2 เกมล่าสุดนี่เอง
จับตาสเตอริดจ์ให้ดีนะครับ ถ้าสลัดปัญหาอาการบาดเจ็บได้จริงๆ นี่จะเป็นข่าวดีของลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษเลยหล่ะ
ถึงเวลาแล้วที่สเตอริดจ์จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่ายังสามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงอยู่ได้ เขาไม่ใช่เสือเฒ่าที่นั่งสำรองไปวันๆ รอวันหมดอายุการใช้งาน
ให้โอกาสสเตอริดจ์อีกสักครั้งครับ แล้วมารอดูกันว่า สเตอริดจ์จะกลับมาได้จริง หรือว่าแค่หลอกให้เราดีใจเล่นๆ