:::     :::

หงส์ตื่นรู้!

วันจันทร์ที่ 05 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
5,201
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูลพ่ายแพ้กับคู่แข่งอย่างแมนฯซิตี้ไปในยกแรก แต่พวกเขาได้อะไรกลับมาเยอะพอสมควรเลยนะครับ

          แม้ว่าในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปให้กับคู่ปรับคนสำคัญอย่างแมนฯซิตี้ไปอย่างน่าเสียดาย จากการดวลจุดโทษ แต่ถึงกระนั้น เมื่อเห็นสิ่งที่นักเตะลิเวอร์พูลทำในสนามในเกมนี้ ก็น่าจะเปลี่ยนมุมมองที่มีกับทีมไปมากพอสมควร จากที่แฟนๆ เคยกังวลว่าทีมที่ไม่ซื้อไม่เสริมอะไรเลยจะไหวไหม และจะสู้กับแมนฯ ซิตี้ในฤดูกาลนี้ได้เหรอ ?  ก็น่าจะทำให้แฟนๆ ลิเวอร์พูลเบาใจไปได้ระดับนึงเลยทีเดียว ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นลองมาดูกันครับ

ความมุ่งมั่นที่ต่างกัน            

          ทั้งลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้นั้น มาในชุดที่ “ดีที่สุด” ของตัวเองเท่าที่จะจัดทีมลงมาได้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นที่รู้กันดีว่านี่ยังไม่ใช่ชุดที่เต็มร้อยของทั้งคู่ ลิเวอร์พูลนั้นขาดมาเน่ไป ส่วนแมนฯ ซิตี้ ก็ไม่มีกุน อเกวโร่ ก็ส่งราฮีม สเตอริ่งมาเล่นหน้าเป้าแทนไปเลย ซึ่งรูปเกมแต่แรกเริ่ม เป็นทางฝั่งเรือใบที่ดูตั้งใจและมุ่งมั่นกว่าทางฝั่งลิเวอร์พูลอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเกมรุกของฝั่งแชมป์เก่าที่ดูกระตือรือล้นกันทุกคน พวกเขารุกใส่ลิเวอร์พูลตั้งแต่ต้นเกม และยิ่งเกมนี้ลิเวอร์พูลใช้บริการ โจ โกเมส ที่เรื้อสนามไปนานมาลงเป็นตัวจริง ทำให้เขาดูประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ไม่ดีนัก และทำให้แผงหลังดูหละหลวมไปเลย เทรนท์ อาโนลด์โดนซาเน่ กับ สเตอริ่ง เล่นงานกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งถ้าเป็นมาติปที่มีการอ่านเกมได้ดีจะช่วยซัพพอร์ตเขาตรงนี้ได้ดีมาก แต่กับโกเมส ที่ดูเหมือนจะยังไม่ฟิตเต็มที่แบบนี้ทำให้พื้นที่ตรงส่วนนี้โดนโจมตีอย่างหนักหน่วงทีเดียว และนอกเหนือจากนี้ แมนฯซิตี้นั้น เพรซซิ่งลิเวอร์พูลแบบจริงจังมาก บ่งบอกถึงความเฮี๊ยบและโรคจิต (ฮา) ของเป๊ป ได้อย่างชัดเจนจริงๆ ว่าพี่แกตั้งใจจะเอาทุกแชมป์ทุกถ้วยและจริงจังกับทุกเกมส์จริงๆ แม้ในเกมการกุศลแบบนี้ก็ยังไม่ปล่อยวางแม้แต่น้อย ผิดกับทางฝั่งลิเวอร์พูลที่เกมนี้ ในทีแรกเหมือนพวกเขาจะไม่ได้จริงจังอะไรและน่าจะมองว่าเป็นแค่เกมเรียกความฟิตเกมนึงเหมือนที่ผ่านมา พอมาโดนแชมป์พรีเมียร์ลีกดาหน้าบุกแบบนี้ทำให้ปรับตัวกันไม่ทันทีเดียว และสุดท้ายก็เสียประตูให้กับแมนฯ ซิตี้ไปจนได้จากการเข้าทำที่สวยงามของนักเตะแมนฯซิตี้และไปจบที่ราฮีม สเตอริ่งที่ได้ยิ่งจ่อๆ เลย แม้ว่าลูกนั้นจะตรงตัวอลิสซง เบ็คเกอร์ แต่กับสภาพของพ่อหมีในตอนนี้คงจะหวังอะไรกับแกยากหน่อยครับ (ฮา) เหมือนแกจะยังไม่เอาวิญญาณกลับมาจากบราซิลยังไงยังงั้น ผมเชื่อว่าถ้าแกอยู่ในสภาพพร้อมเต็มที่ลูกนี้อาจจะปัดออกมาได้ทันท่วงที แต่มันไม่ใช่กับพ่อหมีสภาพนี้ครับ ทำให้ลูกนี้เข้าประตูจนได้ และหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็โดนแมนฯซิตี้ยำใหญ่เลยทีเดียว จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0 นี่ก็นับว่าโชคดีของฝั่งลิเวอร์พูลแล้วล่ะ



สติมา!   

          เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเกมนี้แมนฯซิตี้ นั้นเอาจริงและไม่ได้ได้คิดว่าเกมนี้เป็นแค่ “เกมๆ หนึ่ง” เหมือนอย่างที่ตัวเองคิด เจอร์เก้น คลอปป์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ปล่อยเกมนี้ให้เป็นของแมนฯซิตี้ไปง่ายๆ ในเมื่อนี่คือคู่แข่งของพวกเขาโดยตรงแบบนี้ ความพ่ายแพ้ตั้งแต่เปิดฤดูกาลแบบหมดรูปเหมือนในครึ่งแรกคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ พอครึ่งหลังมาพวกเขาก็ยกระดับเกมของตัวเองขึ้นมาได้ และเล่นได้อย่างสูสีกับแมนฯซิตี้มากกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พวกเขามีโอกาสลุ้นตีเสมอหลายครั้ง 1 ในนั้นคือลูกที่โดนปฏิเสธโดยเทคโนโลยี โกล์ไลน์อย่างน่าเสียดาย แต่พวกเขาก็ยังมีสมาธิและความมุ่งมั่นอยู่จนทำให้สุดท้ายพวกเขาก็สามารถตีเสมอได้จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกตั้งเตะ และฟาน ไดค์กระตกบอลมาให้มาทิ๊ปโหม่งกดลงพื้นเข้าประตูไปอย่างสวยงาม และหลังจากนั้นเกมก็แทบจะเป็นของพวกเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว ยิ่งพอเปลี่ยนตัวสำรองลงมา อย่างลัลลาน่า , ชาคิรี่ ลงมาพวกเขายิ่งดูคึกคักอย่างเห็นได้ชัด จนในนาทีที่ 92 ที่พวกเขามีโอกาสทำให้เกมนี้จบลงจากจังหวะหลุดเดี่ยวของซาลาห์ที่ยิงจังหวะแรกไปติดบราโว่ แต่ก็ยังโหม่งซ้ำเข้าหาประตูต่อไปอีกที แต่เป็นไคลน์ วอร์กเกอร์ที่ตามไปตีลังการสกัดออกมาได้อย่างสวยงาม ทำให้ในเกมจบลงด้วยสกอร์ 1-1 และสุดท้ายเป็นแมนฯซิตี้ ที่ยิงแม่นกว่าเอาชนะไปได้ในที่สุด



ข้อดี - ข้อเสียในเกมนี้   

          - ข้อดี ... อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นบทความเลยครับ เกมนี้ลิเวอร์พูลถึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นการแพ้ในจุดโทษซึ่งไม่น่ากังวลแต่อย่างใด เพราะในพรีเมียร์ก็ไม่ได้มียิงจุดโทษแบบนี้ซักหน่อย (ฮา)  และเกมนี้ลิเวอร์พูลทำให้แฟนๆ เห็นว่าพวกเขายังเป็นทีมที่แข็งแกร่งและประสานงานกันได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนเดิม และที่สำคัญสภาพความฟิตของแต่ละคน ดูจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดจากทั่ง ฟีร์มีโน่ และ ซาล่าห์ ทำให้เกมนี้ลิเวอร์พูลดูดีกว่าเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมาทุกเกมเลยทีเดียว   

          - ข้อเสีย ... นอกจากอาการเฉื่อยที่เห็นในช่วงต้นแล้ว ข้อเสียของเกมนี้ คือ ดูเหมือนว่าหลายๆ คนยังเรียกจังหวะตัวเองไม่เจอ และยังตัดสินใจผิดพลาดกันอยู่เรื่อยๆ และหลายคนเลยทีเดียว เทรนท์ อาโนลด์ดูเหมือนจะมีปัญหากับการเจอผู้เล่นระดับสูงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนโกเมสก็ร้างสนามไปนานซะจนลืมจังหวะของเกมไปหมดแล้ว ส่วนที่น่าตำหนิกว่าคนอื่นหน่อย ก็คือดาราอันดับ 1 ของทีมอย่าง โม ซาลาห์นี่ล่ะ เกมนี้จริงๆ แล้วจะเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมของเขาเลยทีเดียวถ้าเกมนี้จบลงด้วยชัยชนะของหงส์แดงโดยที่เขามีชื่อเป็นผู้ทำประตูให้กับทีม แต่ในความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะเล่นงานชินเซนโก้ได้อย่างสุดยอด แต่ก็ต้องยอมรับว่าจังหวะสุดท้ายของเขาในตอนนี้ยังไม่มีความเฉียบคมเอาเสียเลย ทำให้เขาทิ้งโอกาสทองไปหลายต่อหลายครั้งเลยทีเดียว 




พร้อมเปิดศึก

         
          ในเกมนี้ถึงแม้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่ต้องขอบคุณแมนฯซิตี้อยู่เหมือนกัน เพราะพวกเขาเหมือนจะเป็นคนปลุกให้ลิเวอร์พูลตื่นจากความหอมหวานจากความสำเร็จเมื่อฤดูกาลก่อนได้ เพราะดูเหมือนว่าตำแหน่ง “เจ้ายุโรป” จะส่งผลต่อพวกเขาอยู่นิดๆ เหมือนกันเพราะเหมือนว่าพวกเขาจะเล่นกันอย่างไม่เข้มข้นเหมือนเดิมจริงๆ อย่างที่เห็นกันในครึ่งแรกหรือย้อนไปตั้งแต่เกมพรีซีซั่นที่ผ่านมาก็ยังได้ และพอพวกเขาตื่นจากฝันหวานที่ว่า ลิเวอร์พูลก็กลับเป็นหงส์แดงเวอร์ชั่น “เฮฟวี่ เมทัล” ได้เหมือนเดิม เหมือนกับที่เราเคยเห็นกันอย่างชินตา และถึงต้องนี้ ต้องบอกเลยว่าพวกเขา “พร้อมแล้ว” สำหรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นมาในสัปดาห์หน้านี่ครับ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด