พ่อค้าแข้งหลายคนมีช่วงเวลาที่แย่ ถูกสิ่งรอบข้างมาบั่นทอนจิตใจ แต่เมื่อหมอกร้ายผ่านไป สิ่งดีดีกลับแวะมาเคาะประตูหัวใจทักทาย

ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า คอลัมน์นี้ ขออนุญาตรวบรวม 5 ผู้เล่น ที่บางช่วงเวลาหายไปจากโฟกัสลูกหนัง เป็นเพียงนักเตะธรรมดา

หากแต่ครึ่งฤดูกาลหลังเริ่ม แข้งเหล่านี้สามารถกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นแกนหลักสโมสร มีผลงานที่เจ๋งจนเตะลูกกะตาแฟนบอลหลายคนได้

 

ศุภนันท์ บุรีรัตน์ (เอสซีจี เมืองทอง)

ด้วย “ธง” บวกความคาดหวังแฟนบอล ว่าผู้ที่เข้ามาแทน ทริสตอง โด ฟอร์มจะต้องสะเด่า กอปรกับตัว “เซฟ” เองนั้นสมัยเล่นให้สโมสรเก่า ถือเป็นแบ็กจอมบุกที่น่าจับตามอง  

แต่ความเป็นจริงที่พบเขาคือนักเตะที่สาวก “กิเลนผยอง” แทบเบือนหน้าหนี จนได้รับขนานนามอย่างเจ็บปวดว่า “บ่อน้ำมัน” กับฟอร์มการเล่นเลกแรก

อย่างไรก็ตามในครึ่งฤดูกาลหลัง ศุภนันท์ ยังได้รับความไว้วางใจในกราบขวาเช่นเดิม และเขาสามารถเรียกฟอร์มเก่งเหมือนเดิมกลับมาได้อีกครั้ง ทั้งการเติมเกมบุกประสานงานกับแนวรุก รวมถึงเกมรับที่ช่วยทีมได้ดีระดับหนึ่ง

จนแฟนบอลที่เคยปรามาสหาย “ข้องใจ” ในฝีตีนของเขาแล้ว

 

เอกนิษฐ์ ปัญญา (สิงห์ เชียงรายฯ)

เด็กนรกของ “กว่างโซ้งมหาภัย” ที่โดนสโมสรถีบให้สัมผัสลีกสูงสุดตั้งแต่บนวัย 15 ถูกถีบไปสร้างเสริมประสบการณ์ฟุตบอลกับทีมอื่น อยู่หลายฤดูกาล

เอาเข้าจริงฟอร์มของ “บุ๊ก” ถือว่ายอดเยี่ยมมาตั้งแต่เลกแรกแล้วกับ เชียงใหม่ เอฟซี ซึ่งเด็กมันเจ๋งจนต้นสังกัดจริงต้องดึงกลับมา เพราะเห็นพ้องต้องกันว่า หมอนี่พร้อมที่จะลงเล่นให้ เชียงรายฯ แล้ว

และในเลกที่สองนี้ เอกนิษฐ์ ได้ตอบแฟนบอลด้วยฝีตีนอย่างหมดจด การอยู่ท่ามกลางผู้เล่นระดับคุณภาพ บวกกับตนเองเป็นนักเตะทักษะดี ยิ่งทำให้ยกระดับฟอร์มของเขามากขึ้นกว่าเดิม

8 ประตู 4 แอสซิสต์ หนุ่มวัย 19 กลายเป็นแกนหลักแนวรุกของทีมแบบเต็มตัวไปเสียแล้ว

 

ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

เด็กหนุ่มผู้เพิ่งอายุครบ 17 ปี ไปเพียง 10 กว่าวัน กลายมาเป็นแกนหลักในฤดูกาลหลังของ “ปราสาทสายฟ้า” อย่างภาคภูมิ

จากที่ โบซิดาร์ บันโดวิช เคยบอกไว้ว่าจะค่อยๆทยอยส่ง “แบงค์” ลงสนามเผื่อสัมผัสเกม ให้เคยคุ้นกับสปีดบอลของ บุรีรัมย์ฯ อย่างไรก็ดีจากปัญหาในแนวรุกที่ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเก่า รวมถึงแกนหลักบางคนฟอร์มการเล่นไม่อยู่ในมาตรฐานเดิม

ทำให้ ศุภณัฏฐ์ จึงมีโอกาสมากกว่าเดิม และเด็กหนุ่มคนนี้สามารถตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างดี นิ่งเกินวัย สามารถประสานงานกับดาวยิงต่างชาติอย่าง นาสเซอร์ บาราซิต ได้แบบเนียนตา

และเหมือนจะกลายเป็นศูนย์หน้าตัวหลักไปเสียแล้ว หลังครึ่งฤดูกาลหลังเริ่ม

 

จักรพันธ์ พรใส (ราชบุรี มิตรผล)

ในฤดูกาลแรก “บอล” แทบหายไปจากสารบบลูกหนังไทย หลังได้รับโอกาสลงสนามกับ ทรู แบงค็อกฯ เพียงจำกัดจำเขี่ย

ทว่าฉับพลันที่ครึ่งฤดูกาลหลังเริ่มขึ้น การเดินทางภายใต้สีเสื้อใหม่เปลี่ยนเขาเป็นคนละคน ที่ ราชบุรี มีโอกาสให้เขาลงบรรเลงฝีตีน และเจ้าตัวสามรรถฉายแสงออกมาอย่างจัง

“บอล” เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มมิติเกมรุกของ “ราชันมังกร” ให้ดูน่ากลัวมากขึ้น และสามารถเรียกความมั่นใจได้อย่างดีอีกครั้งในวัย 32 ปี

ลูกตั้งเตะ จังหวะจบสกอร์ สร้างสรรค์โอกาสสวยๆให้เพื่อน เขามีมาเสิร์ฟให้คู่ต่อสู้ที่เจอกันในสนามทั้งหมด

9 แอสซิสต์ กับ 1 ตุง (เฉพาะเลกที่ 2) ตอบแทนความอำมหิตในเวลานี้ของเขาได้อย่างดี

 

วรวุฒิ ศรีสุภา (การท่าเรือ เอฟซี)

ว่ากันว่าตำแหน่งผู้รักษาประตูรั้ว “สิงห์เจ้าท่า” ค่อนข้างเกิดการแข่งขันที่สูงสุด ในบรรดาทีมไทยลีก เนื่องจากทั้งสามคน อยู่ในระดับ “ฝีมือ” ที่แทบไม่ต่างกันเลย

ทั้ง รัตนัย ส่องแสงจันทร์ และ วัชระ บัวทอง ต่างมีโมเมนตั้มช่วงเวลาที่ดีของตัวเอง ยามได้รับโอกาสลงเฝ้าเสา

แต่อย่างไรก็ดีโมงยามปัจจุบันหลังผ่านเลกสอง ดูเหมือน วรวุฒิ จะขึ้นมายึดเป็นมือ 1 แต่เพียงผู้เดียว

แม้สรีระจะไม่สูงเท่านายด่านอีก 2 คน แต่สิ่งที่ วรวุฒิ มีเข้ามาคือปฏิกิริยา การตัดสินใจ และสมาธิ จนเขาแทบไร้ข้อผิดพลาดในการลงเล่น และสร้างความมั่นใจให้แนวรับอย่างดี

เรียกว่าฟอร์มในช่วงเวลานี้เจ้าตัวไม่แพ้ใครในลีกเลยทีเดียว