การลงสนามนัดแรกเป็นเรื่องไม่ง่ายอยู่แล้วเพราะหลายอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง ขณะเดียวกันคู่แข่งก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเช่นกัน

ใน 9 ฤดูกาลล่าสุด อาร์เซน่อลเก็บชัยชนะในนัดเปิดสนามได้เพียง 2 นัดเท่านั้นทั้งที่ได้เล่นในบ้านถึง 7 นัด สถิติเป็นดังนี้ 

2010 เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 (เยือน) 

2011 เสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 (เยือน) 

2012 เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 0-0 (เหย้า) 

2013 แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-3 (เหย้า)

2014 ชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 (เหย้า) 

2015 แพ้ เวสต์แฮม 0-2 (เหย้า)

2016 แพ้ ลิเวอร์พูล 3-4 (เหย้า) 

2017 ชนะ เลสเตอร์ 4-3 (เหย้า) 

2018 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-2 (เหย้า) 

ใน 2 นัดที่ชนะเป็นการเบียดชนะในช่วงท้ายเกมอีกต่างหากไม่ว่าจะเป็น อาร่อน แรมซี่ย์ ยิงประตูชัยทดเจ็บในเกมเชือด พาเลซ 2-1 ของปี 2014 และ แรมซี่ย์ คนเดิม กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยิงคนละประตูในนาที 83 และ 85 แซงชนะ เลสเตอร์ 4-3 เมื่อปี 2017 

สถิติหลายปีหลังบ่งบอกได้อย่างดีว่า อาร์เซน่อลมีปัญหาตลอดในนัดเปิดสนาม นอกจากนี้ อูไน เอเมรี่ ยังไม่สามารถจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงเล่นได้เพราะหลายคนไม่พร้อม 

อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ เจ็บจากกับเอมิเรตส์ คัพ มีชื่อเป็นเพียงสำรอง เช่นเดียวกับ 2 ตัวใหม่ทั้ง ดานี่ เซบายอส และ นิโกล่าส์ เปเป้ เจ้าของค่าตัวแพงสุดคนใหม่ 

โอบาเมย็อง ยิงประตูชัยได้สุดเยือกเย็น

เมซุต โอซิล กับ เซอัด โคลาซินิช ก็ถูกถอดออกจากทีมให้พักอยู่ที่ลอนดอนเพราะมีปัญหาส่วนตัวที่ต่อเนื่องยาวมาตั้งแต่เหตุปล้นรถเมื่อเดือนที่แล้ว

สถานการณ์ไม่ได้จบลงในวันนั้นเพราะยังมีคนมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านพักจนมีการจับกุม 2 ผู้ต้องสงสัยเอาไว้เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ทำให้ 2 แข้งเพื่อนซี้ไม่สามารถโฟกัสกับการซ้อมได้ 

อาร์เซน่อลจึงปล่อยให้ทั้งคู่ไปจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่โดยมีเจ้าหน้าที่ของสโมสรและตำรวจคอยช่วยเหลือ และเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนเข้าใจว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน ยิ่งเกี่ยวกับครอบครัวที่เพิ่งแต่งานไปพร้อมกันเมื่อช่วงซัมเมอร์ยิ่งต้องคำนึงมากเป็นพิเศษ  

เมื่อรวมกับการปรับเปลี่ยนทีมช่วงซัมเมอร์ที่เรียกได้ว่ามากสุดในบรรดาทีมใหญ่ด้วยกัน หน้าตาของอาร์เซน่อลในนัดแรกจึงดูไม่คุ้นสำหรับหลายคน 

ใน 11 ตัวจริง อูไน เอเมรี่ ส่งดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปีลงถึง 4 คน ประกอบด้วย เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, มัตเตโอ เก็นดูซี่, โจ วิลล็อค และ รีส เนลสัน 

2 คนแรกเป็นส่วนหนึ่งของทีมมาตั้งแต่ฤดูกาลแรกของ เอเมรี่ แล้ว ส่วน 2 คนดังเป็นกำลังเสริมที่ขยับขึ้นมาช่วยทีมเต็มตัวในฤดูกาลนี้

วิลล็อค กองกลางวัย 19 ปี ได้โอกาสอยู่บ้าง 5-6 นัดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาคือหนึ่งในตัวสำรองที่ลงมาช่วงท้ายของรอบชิงยูโรปา ลีก ที่พ่ายต่อเชลซี 1-4

ขณะที่ เนลสัน ปีกวัย 19 ปี ถูกปล่อยไปเก็บประสบการณ์กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในบุนเดสลีกา เยอรมัน ช่วงแรกผลงานยอดเยี่ยมทีเดียวก่อนบาดเจ็บในครึ่งฤดูกาลหลัง  

ปืนใหญ่เก็บชัยชนะและคลีนชีตนอกบ้าน

ทั้งคู่ผลงานดีในช่วงปรีซีซั่นโดยเฉพาะ วิลล็อค ที่ได้รับคำชมอย่างมาก เอเมรี่ จึงตอบแทนความทุ่มเทให้ออกสตาร์ตตัวจริงในนัดเปิดสนาม 

นอกจากนี้ในแนวรับยังมี คาลั่ม แชมเบอร์ส ที่ฤดูกาลก่อนถูกส่งไปให้ ฟูแล่ม ยืมใช้งาน ได้กลับมาช่วยทีมฤดูกาลนี้และยืนคู่ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ 

  เปรียบเทียบกับเกมทางการนัดล่าสุดซึ่งก็คือยูโรปา ลีก รอบชิงฯ หน้าตาอาร์เซน่อลในนัดแรกของฤดูกาลนี้เปลี่ยนไปถึง 6 ตำแหน่ง มีเพียง โซคราตีส, เมทแลนด์-ไนล์ส, กรานิต ชาค่า, นาโช่ มอนเรอัล และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่เป็นตัวจริงในนัดนี้กับนัดชิงยูโรปา ลีกที่บากู, อาเซอร์ไบจาน  

นิวคาสเซิ่ลเองก็วุ่นวายไม่น้อยในช่วงซัมเมอร์ที่แยกทางกับกุนซือขวัญใจแฟนบอลอย่าง ราฟา เบนิเตซ มาเป็น สตีฟ บรูซ กระแสประท้วงหนักหน่วงเอาเรื่อง 

แต่กระนั้นเมื่อลงเล่นในเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ทัพสาลิกาก็ยังเป็นทีมที่เขี้ยวระดับหนึ่ง และต้องการเริ่มฤดูกาลใหม่ด้วยผลงานที่ดีที่สุดเช่นกัน นั่นทำให้รูปเกมในครึ่งแรกสูสีพอฟัดพอเหวี่ยงกับอาร์เซน่อล 

จังหวะลุ้นทำประตูของนิวคาสเซิ่ลจะแจ้งชัดเจนมากกว่าด้วยโดยเฉพาะลูกยิงแฉลบก่อนชนเสาของ จอนโจ เชลวี่ย์

การขึ้นเกมรุกของอาร์เซน่อลดูเนิบช้าและเนือยพอสมควร ไม่มีช่วงเวลาใดที่สามารถขึงเกมรุกเข้ากดดันเจ้าถิ่นได้เลย รูปเกมอึดอัดพอสมควร

แต่นั่นก็เพราะเข้าใจได้ว่าด้วยสภาพสนามที่แฉะไปด้วยน้ำเนื่องจากฝนตก ทำให้การต่อบอลทำได้ยาก การจะเซตเกมให้ได้แบบที่ซ้อมกันมาจึงต้องเน้นสุดๆ จนบางครั้งกลายเป็นเกร็งเกินไป ไม่เป็นธรรมชาติ ประตูเดียวในเกมที่ก่ำกึ่งสูสีแบบนี้สามารถตัดสินชัยชนะได้เลย และเป็นอาร์เซน่อลที่ทำได้

ประตูของ โอบาเมย็อง ไม่ใช่การเข้าทำในแบบเกมรุกทั่วไปแต่เป็นการฉกฉวยความผิดพลาดของนิวคาสเซิ่ลซึ่งต้องชม เมทแลนด์-ไนล์ส ที่ชิงจังหวะตัดบอลก่อนลากขึ้นมาเปิดให้ โอบาเมย็อง จับแล้วยิงเข้าไปอย่างใจเย็น

นิวคาสเซิ่ลตั้งโซนรับกันได้ดีมาตลอด แต่ก็มาพลาดเพียงเพราะไม่รีบเข้าไปรับบอล เพราะโดนตัดได้ ตำแหน่งในเกมรับก็เสียไปหมดเพราะต้องขยับไปแทนตำแหน่งกันเป็นทอดๆ โอบาเมย็อง เลยได้รอบอลโล่งๆ มีทั้งเวลาและพื้นที่ในการเลือกยิง

ทีมปืนใหญ่ได้ประตูนำในช่วงเวลาที่กำลังพอดีคือก่อนเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย การปรับเปลี่ยนขุมกำลังสำรองจึงทำได้ง่ายกว่าสถานการณ์ที่กดดันหากสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0 

ดานี่ เซบายอส ที่ยืมมาจาก เรอัล มาดริด ก็เจ็บจากปรีซีซั่นนัดสุดท้ายกับบาร์เซโลน่า แต่ว่าฟื้นตัวทันเวลา จึงได้โอกาสลงก่อน ต่อด้วย นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ประเดิมสนามในสีเสื้อปืนใหญ่ 

นิโกล่าส์ เปเป้ ได้ประเดิมสนามใน 20 นาทีสุดท้าย

เกมรับอาร์เซน่อลทำหน้าที่ได้รัดกุมขึ้นในครึ่งหลัง ไม่ได้ปล่อยให้นิวคาสเซิ่ลได้สร้างความหวาดเสียวมากนัก เอเมรี่ จึงให้โอกาสดาวรุ่งและหนึ่งในตัวใหม่อย่าง กาเบรียบ มาร์ติเนลลี่ ลงไปช่วงท้าย และไม่ต้องรีบเข็น ลากาแซ็ตต์ ในสภาพไม่เต็มร้อยลงเล่น 

กุนซือชาวสเปนเปิดเผยว่าเขาเน้นเรื่องความพร้อมของสภาพร่างกายที่ต้อง 100 เปอร์เซ็นต์จริงๆ ดังนั้นจึงเลือกกลุ่มดาวรุ่งทั้ง วิลล็อค, เนลสัน และ มาร์ติเนลลี่ ที่ทำได้ดีในช่วงปรีซีซั่นลงเล่นดีกว่า 

จริงอยู่ว่าอาจจะเสี่ยงในเรื่องประสบการณ์ในการเล่น แต่ก็ดีกว่าเสี่ยงต่ออาการเจ็บซ้ำที่หากออกมาเลวร้ายต้องพักยาว ก็คงไม่คุ้ม การแข่งขันยังเหลือเส้นทางอีกยาวไกล ยังไงซะ ตัวหลักต้องได้ช่วยทีมอยู่แล้ว 

ในรูปเกมและความพร้อมที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง อูไน เอเมรี่ สามารถพาทีมเก็บ 3 คะแนนในนัดแรกได้ และข้อดีอีกอย่างคือการเก็บคลีนชีตนอกบ้าน

ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อลหยุดสถิติเสียประตูนอกบ้านทุกนัดเอาในเดือนเมษายนหรือเกือบจะจบฤดูกาลอยู่แล้ว และใน 13 อันดับแรกของตาราง ก็เป็นทีมที่เสียประตูนัดเยือนมากสุดที่ 35 ประตู เฉลี่ยเกือบ 2 ประตูต่อนัด

ในนัดต่อไปที่จะได้กลับไปเล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พบกับ เบิร์นลี่ย์ แฟนบอลอาร์เซน่อลสามารถคาดหวังได้กับหลายสิ่งหลาอย่างที่น่าจะดีขึ้น

ลากาแซ็ตต์, เปเป้ และ เซบายอส ความฟิตคงสมบูรณ์เต็มถัง ส่วน ดาวิด ลุยซ์ หนึ่งในดีลสุดเซอร์ไพรส์ของฤดูกาลได้ซ้อมกับทีมมากขึ้นก็พร้อมเป็นตัวเลือกเช่นกัน ส่วนที่ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ก็คือ โอซิล กับ โคลาซินัช  

เราน่าจะได้เห็นอาร์เซน่อลในแบบที่หลายคนอยากเห็นกับโฉมใหม่ในฤดูกาลนี้กันมากขึ้น