:::     :::

"กำแพงน้ำแข็งเสริมใยเหล็ก" การเข้ามาของแมกไกวร์ทำให้ลินเดอเลิฟแกร่งกว่าเดิม

วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
7,901
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่เพียงแต่แมกไกวร์เข้ามายืนกองหลังตัวหลักให้เรา จะทำให้เกมรับดีขึ้นแล้วนั้น คลาสของเขายังทำให้ลินเดอเลิฟเก่งยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก

เชื่อว่าตอนนี้แฟนแมนยูไนเต็ดก็คงจะกำลังมีความสุขมากพอสมควรกับเกมนัดเปิดสนามนัดแรกที่ทำได้อย่างสวยสดงดงาม จากการถล่มเชลซีไปถึง 4 ประตู ต่อ 0 แม้ว่าจะมีทั้งข้อดีและข้อบกพร่องเกิดขึ้นในเกม และทีมเราก็ยังต้องพัฒนาต่อไปอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อเสียจากเกมกลางสนามที่ไม่สามารถครองเกมและเก็บบอลเอาไว้ได้เลย รวมไปถึงการสกรีนพื้นที่กลางสนามก่อนที่งานจะตกทอดมาถึงคู่กองหลังตัวกลางสองตัวก็ตามที 

หรือจะเป็นข้อดีของเกมรับที่เหนียวแน่นขึ้นแม้จะโดนตะบี้ตะบันบุกแบบไม่ให้หายใจ แต่กลับกลายเป็นว่าเราได้คลีนชีทสวยๆเฉยเลย ทั้งๆที่ถ้าเป็นกองหลังชุดก่อนๆของซีซั่นที่ผ่านมา โดนหนักขนาดนี้ต้องมีอย่างต่ำ1-2ลูกไปแล้ว / ข้อดีของเกมสวนกลับที่เล่นได้คมกริบและดุดันที่สุดทีมหนึ่งของพรีเมียร์ลีก ที่แม้เราจะไม่ได้เล่นบอลdirectแบบลิเวอร์พูล หรือไม่ได้เล่นเกมpossessionsหาช่องเจาะอันร้ายกาจของแมนซิตี้ก็ตามที แต่เราก็มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของเราเองอยู่ในการใช้ความเร็วจู่โจม และเกมริมเส้นที่โอเล่ทำการติดตั้งระบบพวกนี้ให้เด็กๆทดลองใช้กันมาตั้งแต่ปรีซีซั่นแล้ว

กลิ่นมันเหมือนกับสปิริตของเหล่าเด็กหนุ่ม

ทุกสิ่งทุกอย่างของเกมนัดเปิดสนามที่ผ่านมา เราได้เห็นมันหมดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ถูกหยิบขึ้นมาพูดเลยนั้นก็คือเรื่องการเข้ามาของแมกไกวร์ เราไม่ได้เพียงแต่จะได้ความเก่งกาจ ความแข็งแกร่งจากเขาในรูปแบบของ "กำแพงเหล็ก" ที่สูงใหญ่และแข็งแกร่งเท่านั้น แต่แมกไกวร์ยังเข้ามาทำให้ลินเดอเลิฟ ที่ปกติคือเก่งมากอยู่แล้วนั้น  ยิ่งเก่งและเปล่งประกายมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก

พูดภาษาชาวบ้านร้านช่องก็คือ ลินเดอเลิฟและแมกไกวร์เป็นเหมือน "กองหลังเสริมดวง" ให้กันและกันนั่นเอง

แต่เดิมที วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยืนบัญชาการแผงเกมรับตรงกลางในตำแหน่งCenter Back ให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมานานสักพักใหญ่ๆแล้ว จากการที่กองหลังคนอื่นๆของเราไม่สามารถพึ่งพาจะยืนเป็นตัวหลักในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นจากอาการบาดเจ็บของไบญี่และโจนส์  ฟอร์มที่ยังไม่ดีพอของคริส สมอลลิ่งที่มีแผลผิดพลาดใหญ่ๆเสมอที่หลายคนอาจจะไม่เห็น จนไม่คิดว่ามันคือปัญหา แต่จริงๆสมอลลิ่งสร้างช่องโหว่ของเกมรับทีมเราเยอะและบ่อยมากๆ ยิ่งฤดูกาลที่ผ่านมา เขาหลุดตำแหน่งจนทีมเสียประตูหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเกมสำคัญ ... แน่นอน ทั้งหมดนี้ยังรวมถึงโรโฮที่อาจจะไม่ถูกนับรวมด้วยก็ได้เพราะหลุดเป็นตัวสำรองที่ไม่มีบทบาทมานานแล้ว


ลินเดอเลิฟแบกแผงหลังเรามาตลอด ดังนั้นหลายๆครั้งที่เขาคนเดียวเอาไม่อยู่ ที่สำคัญคือ เมื่อเพื่อนพลาด เขาที่ดูแลรักษาพื้นที่และตัวประกบของตัวเอง บ่อยครั้งก็จำเป็นต้องหลุดตำแหน่งเพื่อไปอุดรอยรั่วของเพื่อนด้วย สุดท้ายเมื่อเขาที่ยืนคุมตัวประกบอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นประจำ จึงไม่สามารถช่วยเซฟชีิวิตให้กับทีมได้ตลอด จนทำให้เดเคอาท้อแท้ใจในเกมรับมากอย่างที่เห็นกันเป็นภาษากายบนหน้าจอ

เดเคอาไม่ได้ท้อในตัวลินเดอเลิฟนะ เดดูจะสนิทและไว้ใจเจ้าเลิฟมากที่สุดในแผงด้วย แต่ที่น้องมันท้อก็น่าจะเป็นเกมรับที่ไม่สามารถช่วยสกรีนงานให้ตัวเองได้เลย แถมยังสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีก ไม่แปลกใจว่าทำไมคนเล่นโกลเจอแบบนี้บ่อยๆถึงได้อึดอัดอย่างที่เห็น

ดังนั้น เมื่อแผงหลังที่ไม่ดี และการที่เขาไม่สามารถแบกคนเดียวไหวเหมือนกับเพลงของTJ จึงส่งผลให้ฟอร์มของลินเดอเลิฟ ไปไม่ถึงปลายสุดของความเก่งที่เขามีด้วย เมื่อเขาต้องแบ่งมันไปช่วยเติมให้กับความผิดพลาดของคนอื่นอย่างที่เป็นอยู่ 

เรียกง่ายๆว่า เพื่อนหลุดมันส่งผลให้คนที่เก่งอยู่แล้วอย่างลินเดอเลิฟนั้น พาลจะเหวอไปด้วยอีกคน


นี่คือปัญหาที่ผ่านมาทั้งหมดของกองหลังเรา จากอดีตจนถึงปัจจุบัน บทเรียนมีให้เห็นมากมายตั้งแต่สมัยยุคของ เวส บราวน์ จอห์น โอเชีย และ มิกาเอล ซิลแวสตร์ ที่บางครั้งการจะจัดนักเตะที่มีโอกาสก่อความผิดพลาดลงเล่นนั้น จำเป็นต้องคิดให้ดีว่าจะใช้งานตำแหน่งไหน และเล่นคู่กับใคร เพราะถ้าเลือกไม่ถูกแล้วนั้น อาจจะส่งผลให้ความเหวอส่งถึงกันเหมือนเป็นแบคทีเรีย และเมื่อแผงหลังติดเชื้อกันทั้งแผงพร้อมกัน เราก็เละทะในที่สุด ดังเช่นคอมโบนรกเมื่อก่อนที่ ซิลแวสตร์ เวสบราวน์ ลงพร้อมกันกับฟาเบียง บาร์เตซนั่นแหละ!

แต่ในทันทีที่ทีมเราสามารถกระชากตัวแฮรี่ แมกไกวร์ มาจากเลสเตอร์ ซิตี้ได้ในราคา80ล้านปอนด์ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทันทีไล่ตั้งแต่ตอนซ้อมที่มีเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่สุดท้ายแล้ว การเคาะของแมกไกวร์และโอเล่ที่จะเลือกคู่หูให้กับเขานั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นการที่แมกเลือกจะเล่นคู่กับลินเดอเลิฟ และก็ถือเป็นคอมโบที่ถูกตัวที่สุด อย่างที่เคยเขียนบทความไปก่อนหน้านี้ว่า แมกไกวร์ควรจะเล่นคู่กับใครมากที่สุด เมื่อคำนึงถึงความเป็นไปได้ และประโยชน์ใช้งานที่ครอบคลุมเกมรับมากที่สุดแล้วนั้น คู่ที่ดีที่สุดก็เป็น แมกไกวร์ ลินเดอเลิฟ นี่ล่ะที่ถูกเลือกมาตามคาด และก็ได้ประเดิมสนามให้เห็นกันแล้วในที่สุด แม้ว่าแมกไกวร์จะเพิ่งเข้าทีมมาสดๆร้อนๆ และยังไม่ได้ลงสัมผัสเกมปรีซีซั่นกับเราเลยด้วยซ้ำแม้แต่นัดเดียว

เกมกับเชลซีนั่นคืองานร้อนแรกสดๆเลยที่แมกไกวร์ลงเล่นกับเพื่อน และที่น่าทึ่งคือผลลัพธ์ของมันดีมาก เหมือนกับพวกเขาเป็นแผงแบ็คโฟร์ที่เล่นด้วยกันมาอยู่แล้วตั้งแต่แรก

Maguire rules the world

แมกไกวร์ถูกเลือกให้ยืนฝั่งซ้าย ไม่แน่ใจว่าจะด้วยความตั้งใจหรือเปล่า แต่คิดว่ามีส่วนมาก จากที่ตอนแรกคิดว่า การยืนของคู่นี้นั้นผมคิดว่า แมกไกวร์น่าจะยืน RCB (กองหลังตัวขวา) ยืนติดกับทาง วานบิสซาก้า ที่อิมพอร์ทเข้ามาใหม่เช่นกัน ส่วนลินเดอเลิฟนั้น ตอนแรกคิดว่าโอเล่น่าจะจับยืนอยู่ทางฝั่งซ้ายตำแหน่ง LCB และเล่นคู่กับคู่ขาอดีตคนรัก(ฮา)อย่าง ลุค ชอว์ .. แต่สิ่งที่ออกมาคือ แมกไกวร์ยืนซ้าย แล้วลินเดอเลิฟ ยืนขวาแทน

คำตอบของเรื่องนี้คิดว่าน่าจะอยู่ที่การเติมเกมของลุค ชอว์ ที่แน่นอน เขาเป็นแบ็คสายบุกมากกว่าเน้นรับ จะคนละขั้วกับบิสซาก้ามากๆ ดังนั้นเชื่อว่าทีมคงรู้ดีอยู่แล้วว่า การที่ชอว์ เติมเกมสูงบ่อยๆ มันมีโอกาสหลุดตำแหน่งตั้งแต่กลางสนามได้เลย (ไม่จำเป็นต้องไปหลุดบริเวณFinal Thirdด้วยซ้ำ) เมื่อฝั่งแบ็คซ้ายมีโอกาสหลุดบ่อย พวกเขาจึงเลือกให้แมกไกวร์ที่มีความเหนียวแน่นของเกมรับสูงกว่านั้น เลือกที่จะให้ยืนอยู่ฝั่งนี้เพื่อที่จะcoverพื้นที่โล่งที่คู่ต่อสู้หลุดมาทางกราบนี้  นี่จึงอาจเป็นเหตุผลในการวางหมากเช่นนี้ของโอเล่ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเล่นของทีม และอาจจะรวมถึงความถนัดของเจ้าตัวด้วยที่ปกติที่ผ่านมาเราจะเห็นแมกไกวร์เล่นกับบอลอยู่ทางซีกฝั่งซ้ายบ่อยมากกว่าด้วย

ภาพในตำนาน มาอีกแล้ว

จากข้อนี้จะเห็นได้ว่า แมกไกวร์เข้ามานั้น อาจจะช่วยให้ลุค ชอว์ เติมเกมได้อิสระมากขึ้น เมื่อมันไม่จำเป็นต้องพะวงหลังอะไรอีกแล้ว หลังจากที่มันเคยเป็นพื้นที่ของฟิล โจนส์ ที่ไม่น่ามั่นใจมาก่อน แต่ตอนนี้ชอว์น่าจะได้อิสระมากขึ้น จึงถือว่า ชอว์เองก็ได้อานิสงส์จากแมกไกวร์เช่นเดียวกันที่ทำให้การเล่นของเขาไปถึงสุดปลายมากขึ้น

ส่วนทางด้านลินเดอเลิฟ การเข้ามาของพี่ยักษ์แมกไกวร์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตนักฟุตบอลของลินเดอเลิฟเลย ที่ผ่านมาเขาอาจจะได้จับคู่แบบขาดๆเกินๆตลอดมา และสกิลความสามารถของตัวเองจึงถูก "เฉลี่ยลง" ไปช่วยความผิดพลาดของเพื่อนด้วย   แต่ในตอนนี้ สิ่งเหล่านั้นมันหมดไปแล้ว เมื่อแฮรี่ แมกไกวร์ ก้าวเข้ามาสู่ทีมและยืนประจำตำแหน่งCB คู่ปราการหลังตัวกลางของเขา ที่ผมเชื่อว่าคู่นี้แหละ โอเล่เลือกยืนด้วยกันยาวๆแน่นอน   การที่ลินเดอเลิฟต้องรับภาระของคนอื่นด้วยมันหมดไป

แต่ตอนนี้คนที่คู่กับเขา คือนักเตะที่อยู่ในระดับคลาสเดียวกันอย่างแท้จริง

เลเวลพลังเท่ากันเป๊ะๆขนาดนี้ คงจับไปใช้ท่าฟิวชั่นรวมร่างกันได้แหงแซะ

แฮรี่ แมกไกวร์กับวิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ผมให้ระดับความสามารถของสองคนนี้อยู่ในเลเวลเดียวกันแบบ ใกล้เคียงกันมาก และแต่ละคนก็มีจุดเด่นจุดแข็งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน  ทางด้านแมกไกวร์นั้นมีความแข็งแกร่งของร่างกายสูงกว่าลินเดอเลิฟมาก ในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลอังกฤษที่ร่างสูงใหญ่สัสๆ ด้วยความสูงระดับยาปสตัมยังอายที่ 194 เซ็นติเมตร และขนาดหุ่น+กล้ามเนื้อของเจ้าตัวคือหนามากๆ ดังนั้นพวกที่จะมาใช้พลังเบียด พวกกองหน้าสายPower Forwardทั้งหลายจะมาเบียดกระแทกอะไรงี้ ไม่มีทางทำอะไรแมกไกวร์ได้เลยอย่างที่เห็น

เหมือนเตะบอลมาอัดกำแพงแล้วกระเด้งกลับชัดๆ

นอกจากนี้แมกไกวร์ก็ยังมีดีที่ลูกกลางอากาศอีกอย่าง ซึ่งอย่าใช้คำว่ามีดีเลย เรียกได้ว่าเป็น "เทพเจ้าสงครามเหินเวหา" อีกคนนึงได้เลย เมื่อไม่มีใครสามารถจะแย่งโหม่งเอาชนะเขาได้แน่ๆในลีกอังกฤษนี้ แถมยังจะขึ้นไปบุกด้วยลูกหัวได้อีกตะหาก เรียกได้ว่า ทั้งความใหญ่ ความแข็งแกร่งตั๊นไม่ลง และลูกโหม่งที่แดกขาดทุกคนนั้น คือจุดแข็งที่แมกไกวร์เก็บได้เรียบจริงๆในมิติด้านนี้

จะดูดีมากถ้าผ้าผืนทางซ้ายไม่ใช่จารย์ยัง

ส่วนทางลินเดอเลิฟนั้น ที่ผมเห็นมาตลอดคือ ความเหนียวแน่นในการไล่ประกบตัวที่ได้บอล ลินเลิฟจะไม่มีหลุดโดนกระชากหนี หรือดวล1-1เอาชนะไปได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือแกกัดไม่ปล่อยจริงๆจนแทบอยากจะเปลี่ยนฉายาจากมนุษย์น้ำแข็ง กลายเป็น มนุษย์กาวแทน เพราะแม่งเหนียวจริงๆ มันไม่ยอมให้ใครผ่านทั้งนั้น และนอกจากนี้ การอ่านทางบอลของเลิฟก็เหนือชั้นมาก เป็นอีกคนที่ ทางบอลดี ทางบ้านก็ดีด้วย  ดักทาง ปิดทางจ่ายทะลุคู่ต่อสู้ได้อยู่บ่อยๆ 

นอกจากนี้อีกจุดเด่นของเลิฟก็คือ การเล่นกับบอลดีมาก และเป็นตัวขึ้นเกมให้เราเสมอมา แม้กระทั่งตอนนี้เลิฟก็ถูกวางให้เป็นคนขึ้นเกมจากแผงหลังค่อนข้างเยอะ แถมเจ้าแมกก็ยังแบ่งเบาขึ้นเกมเองได้เพิ่มอีกคนอีก เรียกได้ว่า หากแมกไกวร์คือจ้าวเวหา ลินเดอเลิฟก็คือ ป้อมปราการน้ำแข็งที่เป็นเบอร์ต้นๆของการป้องกันเกมภาคพื้นดินเลยทีเดียว ไม่มีใครจะกินเลิฟได้ง่ายๆแน่ เพราะแม่งโคตรเหนียวขนาดนี้ แถมยังสามารถเอาชนะเพรสซิ่งสูงที่โถมเข้ามาใส่พี่แกทีเดียวแบบดับเบิ้ลทีมได้เป็นประจำ.. ดังนั้นขอเตือนคู่แข่งเลย อย่าคิดจะมาดับเบิ้ลทีมเพรสซิ่งใส่ลินเดอเลิฟ

ถ้าอยากชนะมันพวกมึงต้องมาอย่างต่ำ3คน หรือมาทั้งกองทัพ!!

อยากชนะกูพวกมึงต้องมาทั้งกองทัพ จำไว้

จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า ทั้งสองคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก แม้แมกไกวร์เองจะขาดความเร็ว แต่สปีดของลินเดอเลิฟก็ไม่ได้ถึงกับแย่อะไร เห็นวิ่งอัดไปบังไปบล็อคได้ประจำ แม้มันจะไม่ได้เร็ว สด เหมือนพวก คูลิบาลี่ หรือแม้ ตวนเซเบ้ ของเราเองที่สปีดต้นและเพซปลายแรงมากๆ แต่เลิฟก็ช่วยงานตรงนี้ได้  เมื่อสองคนที่มีความแตกต่างกันของการเล่นนี้นั้น มาเข้าคู่กัน นั่นมันแปลว่า จุดอ่อนของทั้งสองคนที่แต่ละคนก็ยังมีอยู่ ถูกเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างครบทุกจุด ทั้งเรื่องเกมกลางอากาศที่แมกช่วยเลิฟได้ (เลิฟลูกheadingถือว่ายังห่วยอยู่นะ) ในขณะที่ความคล่องตัว บางครั้งแมกไกวร์ก็ยังช้าไปด้วยขนาดร่างกาย ก็ได้ลินเดอเลิฟ มาช่วยงานได้ทั้งสปีด และการสกัดบอล การเอาตัวรอดจากเวลาถูกบีบเร็วๆได้อยู่เป็นประจำแบบเท่ๆ

ย้อนกลับไปพารากราฟบนสุดที่เกริ่นไว้ นอกจากจะเติมเต็มให้กันแล้ว การเข้ามาของแมกไกวร์ ถือเป็นกองหลังอีกคนนึงที่ไว้ใจได้ และเก่งระดับต้นสุดๆแล้วของพรีเมียร์ลีก ดังนั้นในภาคของเกมลีก เราแทบจะไม่ต้องกลัวใครอีกแล้วในเรื่องแผงหลัง เพราะเราดึงแมกเข้าทีมมา พร้อมบิสซาก้าที่สถิติแบ็คขวาโหดที่สุด  เมื่อได้ความเหนียวของบิสซาก้า มาช่วยทางฝั่งเลิฟอีกคนนึง แผงหลังเราจึงสมบูรณ์แบบขนาด100%ได้เลยตอนนี้

ผมไม่เคยดูบอลด้วยความสบายใจในแผงกองหลังขนาดนี้มานานแล้ว ตั้งแต่หมดยุคของแบ็คโฟร์ชุดแชมป์ยุโรปที่มอสโคว์ปี2008 ที่มีทั้ง ริโอ วิดิช เอฟร่า และรวมถึงบราวน์ในร่างพีคๆด้วย  หมดชุดนั้นมา ผมว่าตอนนี้ เรามีแบ็คโฟร์ที่ดีที่สุดยุคนึงของเราทีเดียวเลย

ลินเดอเลิฟ แมกไกวร์ กำลังจะตามรอยคู่ตำนานอย่าง ริโอ วิดิชแล้ว

เมื่อไม่เหลือช่องโหว่ให้ต้องทำงานหนักแล้ว ทั้งกับแบ็คขวา ที่ตอนนี้เลิฟไม่ต้องปวดหัวไปกับการไล่อุดรอยโหว่จากแอชลีย์ยัง และรวมถึงทางซ้าย ที่ไม่ต้องเสียขวัญไปกับการทำพลาดประจำของฟิล โจนส์นั้น ลินเดอเลิฟ เมื่อมีแมกไกวร์ จึงเหมือนร่างที่ปลดปล่อยที่ "ไม่จำเป็นต้องแบ่งความเก่งของตัวเองไปช่วยใครแล้ว"

ลินเดอเลิฟจึงสามารถช่วยตัวเองได้อย่างเมามันส์แล้วในตอนนี้

เหมือนได้รับการปลดปล่อย เมื่อในโลกของการเล่นกีฬา ผมเชื่อว่าหลายๆคนรู้ การที่เราได้เล่นกับ "คนที่เก่งกว่า" หรืออย่างน้อยที่สุด เก่งพอๆกันนั้น มันก็จะทำให้สกิลการเล่นของเรามันสูงตามเค้าไปด้วย  กลับกัน หากเราต้องเล่นคู่กับคนที่ฝีมือไม่เอาอ่าว หรือเล่นอ่อนๆนั้น เรายิ่งมีแต่จะถอยหลังลงคลอง เพราะอีกฝ่ายมันเล่นได้เพียงแค่นั้นเอง ความสามารถเราจึงเหมือน"ถูกกด" เอาไว้ข้างในด้วย

ให้เลือก เล่นกับคนที่เก่งกว่า มันต้องดีกว่าเล่นกับคนอ่อนๆอยู่แล้ว

โจนส์ : มันพูดถึงใครวะลิ่ง / ลิ่ง:ไม่รู้ดิไม่น่าใช่เรา เพราะผมไม่อ่อนนะครับ

ลินเดอเลิฟ ที่ได้เพื่อนคลาสเดียวกันมายืนคู่ เขาจึงสามารถจะเปล่งประกายได้กว่าที่ผ่านมาอีก ผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นเช่นนั้นแน่ๆ เราหลายคนอาจจะตื่นเต้นกับแมกไกวร์ แน่นอนว่าผมก็ตื่นเต้น แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่าคือ การที่ลินเดอเลิฟ จะได้ปลดปล่อยความสามารถระดับสูงของเขาออกมาเต็มๆก็คราวนี้แหละ  ด้วยความสบายใจที่ไม่ต้องคอยพะวงหลังอีกแล้ว จากที่เมื่อก่อนมีแต่ โจนส์ ลิ่ง ไบญี่ โรโฮ ยัง ฯลฯ  แต่ตอนนี้ลินเดอเลิฟสามารถจะทำอะไรก็ได้ที่เขาตัดสินใจว่าเขาจะเล่นช็อตนั้นๆ โดยไม่ต้องห่วงด้านหลังอีกต่อไป ที่แม้หากว่าเขาพลาด ก็ยังมีแมกไกวร์คอยช่วยโคฟงานให้อีกทีนึง  ในขณะที่หลายครั้งเอง กระทั่งบิสซาก้าก็ยังเป็นแบ็คที่หุบมาช่วยเคลียร์ตรงกลางได้บ่อย(มากกกก) อีกด้วย

ลินเดอเลิฟจึงสามารถเล่นเต็มได้หมด ทั้งเกมรับที่แกสามารถเข้าถึงตัว เข้าหนัก และสกัดแบบเอาชัวร์ได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าถ้าหลุดไปจะเป็นยังไง / เช่นเดียวกัน กับเกมการขึ้นบอล และแกะเพรสซิ่ง เขาก็จะมีนักเตะเก่งๆไว้คอยรับจ่ายบอลกันอย่างเป็นระบบ ไม่จำเป็นต้องเจอคนอย่างลิ่งโจนส์ที่คอยแต่จะส่งคืนโกลอย่างเดียวจนน่าเกลียด แมกไกวร์จะช่วยให้ลินเดอเลิฟเป็นเหมือน มิดฟิลด์ตัวที่3-4 ที่ยืนเล่นบอล เปิดบอลจากแนวแผงหลังเพิ่มขึ้นอีกคนด้วย เรียกง่ายๆว่า แมกไกวร์เข้ามาคนเดียว ลินเดอเลิฟมันจะแกร่งขึ้นอีกทั้งเกมรุก และเกมรับ

ไม่มีลิ่งโจนส์แล้วนะลูก สบายใจได้

สิ่งต่างๆเหล่านี้มันจึงทำให้เรามีแผงแบ็คโฟร์ที่แข็งมากสุดๆ และพอจะทดแทนรอยรั่วกลางสนามได้นิดหน่อย จากการที่เราไม่มีกลางรับจริงๆธรรมชาติ คอยสกรีนงานได้เลย จากนัดที่ผ่านมาเจอเชลซี สองCBของเรางานหนักมากจริงๆ และนั่นคือช่องโหว่ ที่แม้เราจะมีลินเดอเลิฟ แมกไกวร์ก็จริง แต่ถ้าหากยังปล่อยให้คู่ต่อสู้หลุดกลาง มาดวลกับคู่เซ็นฯของเราโดยตรงแบบนี้บ่อยๆ ก็อาจจะต้องทำใจว่า บางครั้งมันอาจจะมีหลุดบ้าง  แต่ก็ถือว่า เป็นตัวช่วยเฉพาะหน้าไปก่อน อย่างน้อยหลังก็แข็งขึ้น แล้วปีหน้าเราค่อยหากองกลางตัวรับดุๆแน่นๆมายืนเสริมอีกคนนึง ถ้าได้มาละก็ นั่นแหละสามารถพูดได้เลยว่า เกมรับของเราจะไม่มีใครทำลายได้อย่างแน่นอน..

หากเลิฟคือ "กำแพงน้ำแข็ง"ฉันใด

การยืนจับคู่กับแมกไกวร์ที่แกร่งและสูงใหญ่มากๆก็เปรียบเสมือน "กำแพงน้ำแข็งเสริมใยเหล็ก" ก็ฉันนั้น

และกำแพงที่แข็งแกร่งที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตอนนี้ ก็พร้อมแล้วที่จะท้าชนกับทุกทีมที่เผชิญหน้ากับเรา

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด