:::     :::

ชีวิตที่มีแต่ลิเวอร์พูล. ... เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ (ตอนจบ)

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,509
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หนึ่งในประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ

"มันเกิดขึ้นตอนที่ผมอายุ 16 ปี ช่วงเวลานั้น สตีเว่น เจอร์ราร์ด กลายมาเป็นโค้ชแล้ว เขามายังกลุ่มของพวกเรา เพื่อช่วยเหลือในการฝึกซ้อม ผมคงไม่ต้องอธิบายว่า กลุ่มของพวกเรามองตัวของสตีวี่ ว่ามีความหมายมากขนาดไหน โดยเฉพาะเด็กท้องถิ่นอย่างผม ผมไม่สามารถนับนิ้วได้เลยว่า ผม และพี่น้อง พยายามที่จะเป็นสตีวี่ มากี่ครั้ง ตอนที่พวกเราออกไปเล่นฟุตบอลตามสวนสาธารณะ หนึ่งในพวกเราเป็นนีล เมลเลอร์ ส่วนอีกคนเป็นเจอร์ราร์ด และอีกคนเป็นผู้บรรยายเกม -ลูกโหม่งที่โคตรสวยจากเจอราาาาาาาาาาาร์ด- แขนกางออกมา วิ่งไปที่ขอบสนาม และสไลด์เข่า นั่นคือทั้งหมด"

"การมีสตีวี่ อยู่ในสนามซ้อมร่วมกับพวกเราเหมือนความฝันที่กลายเป็นจริง ผมไม่ได้พูดกับเขามากเท่าไหร่ เพราะว่าพวกเรารู้สึกประหม่าที่มีเขาคอยจ้องมองอยู่ เขาชอบที่จะอยู่ต่อหลังจบการฝึกซ้อม เพื่อที่จะฝึกซ้อมการผ่านบอลระยะยาวแถวข้างสนาม ผมชอบการเล่นที่ยอดเยี่ยม ดังนั้น การได้ดูเขาอย่างใกล้ชิด และการเห็นเทคนิคของเขา ผมพยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่าง"

"ส่ิงหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นในตัวเขา คือการวางตัวของเขา ผมคิดว่าไม่มีความแตกต่างมากนัก ระหว่างผม และเด็กคนอื่นที่อยู่ในอะคาเดมี่ เพียงเพราะผมมาจากลิเวอร์พูล แต่มันมีสิ่งเล็กๆ คุณสามารถได้ยินเวลาที่สตีวี่ พูดถึงแฟนบอล, สนามแอนฟิลด์ หรือที่เกี่ยวข้องกับสโมสร คุณสามารถบอกได้เลยว่า เขาใส่ใจในแนวทางที่ต่างออกไป มันเกี่ยวกับครอบครัว การอยู่ร่วมกัน นั่นเป็นสิ่งที่ติดอยู่กับผม"

"2-3 ปีหลังจากนั้น ผมเริ่มเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ ผมไม่ได้ลงสนามมากนัก อย่างไรก็ตาม ผมเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ก็ไม่มากเท่าที่คุณคิดหรอกนะ จากนั้น ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ผมเดินอยู่แถวซิตี้เซ็นเตอร์ ตอนที่ผมเห็นเด็กคนหนึ่งในชุดลิเวอร์พูล เด็กอายุประมาณ 10 ขวบ เขาอยู่ห่างออกไปสักหน่อย จากนั้น เขาก็หันหลังให้พวกเรา และผมก็เห็นหมายเลข 66 พร้อมกับมีชื่อของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บนหลังเสื้อ เด็กคนนั้นใส่เสื้อของผม"

"ใช่แล้ว ตอนนี้ผมเล่นที่แอนฟิลด์ ผมเป็นนักฟุตบอลของลิเวอร์พูล 12 ปี ผมได้พบกับเจอร์ราร์ด ได้ทำหลายสิ่งที่อยากทำ แต่การได้เห็นเด็กคนดังกล่าวในเสื้อของผม ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี มันมีความหมายกับผมมากแค่ไหน ... เมื่อผมกลับถึงบ้าน ผมเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟัง  ข้อดีของการอยู่บ้านคือ คุณไม่ต้องโทรหาคุณพ่อ และคุณแม่ เมื่อมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้น คุณสามารถบอกพวกท่านก่อนเข้านอน !!! จนถึงตอนนี้ เมื่อผมเห็นเด็กๆใส่เสื้อเบอร์ 66 มันก็ยังคงมีความหมายมากมายสำหรับผม ทุกคนที่มีเสื้อของผม ทุกคนที่มีเสื้อลิเวอร์พูล ผมติดค้างพวกเขาบางอย่าง ผมติดค้างความพยายามแบบสุดความสามารถของผมเอง เพราะผมคือส่วนหนึ่งของพวกเขา และพวกเราคือครอบครัว"

"นั่นคือส่ิงที่ผู้จัดการทีมของเราเป็นด้วย ผู้คนมากมายมองมาที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ พร้อมกับคิดว่ารู้ว่าเขาเป็นอย่างไร หรือคิดว่า รู้จักเขาดีแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้เห็นทุกอย่าง จังหวะที่เราเล่น ความเคี่ยวกรำ อันเป็นผลมาจากการทำงาน ที่เขา และทีมโค้ชนำมาฝึกซ้อมทุกวัน เขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่ง และเราก็ไม่รู้จักวิธีอื่นแล้ว สิ่งที่แยกเขาออกจากผู้จัดการทีมคนอื่นค่อนข้างเรียบง่าย ผมคิดว่า เขาทำให้แน่ใจว่า พวกเราเล่นเพื่อแฟนบอล มันอาจจะฟังดูเชย รูปแบบการเล่นของเรา เอกลักษณ์ของเรา นี่คือสิ่งที่สนามแอนฟิลด์ต้องการ นี่คือสิ่งที่ผมรักที่จะดูในตอนยังเป็นเด็ก นี่คือวิธีที่สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน"

"ดังนั้น เมื่อคุณตามหลังบาร์เซโลน่า 3-0 ที่สนามคัมป์นู คุณไม่กังวลเกี่ยวกับมันมากนัก (ผมล้อเล่น ความจริงแล้วมันเครียดมากนะ) สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อสารคือ พวกเรายังมีความหวังในค่ำคืนนั้น แอนฟิลด์ คือป้อมปราการ เพราะความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของลิเวอร์พูล และแฟนบอล สำหรับผมแล้ว ตอนที่จีนี่ ลงสนามมา และยิง 2 ประตู ผมรู้ว่าเรากำลังจะชนะ คุณรู้สึกถึงมันได้ในอากาศ มันแค่เมื่อไหร่ก็เท่านั้นเอง ผู้คนถามผมตลอดเวลาเกี่ยวกับลูกเตะมุมที่เปิดให้ดิว็อค ผมเดาว่า พวกเขาต้องการเรื่องราวที่บ้าคลั่ง  แต่ความจริงคือ ลูกเตะมุมนั้นเป็นผลมาจากจิตใจไม่ใช่จากการฝึกซ้อม สิ่งที่เรานำมาฝึกซ้อมด้วยทุกวัน และทุกนาที ความลับเพียงข้อเดียวเกี่ยวกับประตูนั้นคือดิว็อค คือคนที่เหมาะสมสุดที่จะเป็นคนยิง เพราะว่าเขาเป็นคนเดียวที่ชิล และยังไม่เดินกลับไป เมื่อสัญญาณนกหวีดหมดเวลาถูกเป่า พวกเราเดินไปที่เดอะค็อป สแตนด์ นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด เท่าที่ผมเคยมีในสนามฟุตบอล"

"แฟนบอลร้องเพลง -You’ll Never Walk Alone- สิ่งที่ผมคิดคือ ผมได้มาอยู่ที่นี่ บนสนามหญ้านี้ เพื่อประสบกับเรื่องราวนี้ สำหรับผมแล้ว มันเหมือนการหมุนเวลากลับมาที่เดิม เพลงเดิมที่เปลี่ยนชีวิตของผมตอนอายุ 6 ขวบ หลังจบเกม ผมกลับบ้าน พร้อมกับกล่าวคำราตรีสวัสดิ์ต่อคุณพ่อ และคุณแม่ จากนั้น ไปที่ห้องนอนของผม ความรู้สึกเหมือนกับฝันไป ในที่สุด ผมก็หลับไปตอนตีสี่"

"ความน่าเหลือเชื่อของค่ำคืนนั้น ไม่ใช้เป้าหมายสุดท้ายของเรา ก่อนหน้านั้นปีเดียว พวกเราหัวใจสลาย สำหรับการพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศที่กรุงเคียฟ เราเรียนรู้มากมาย เราได้รับบทเรียนที่ยากเกี่ยวกับการเอาชนะในนัดชิงชนะเลิศ เรอัล มาดริด รู้ดีว่าพวกเขากำลังทำอะไร มันไม่เกี่ยวกับโชคเข้าข้างหรอก เมื่อพวกเขาทำประตูที่ 3 พวกเราไม่สามารถแย่งบอลกลับมาได้ ช่างน่าผิดหวัง น่าเศร้า และหัวใจสลาย ทว่าผมคิดว่ามันคือพรเล็กน้อย ตลอดฤดูกาลที่แล้ว เราทำกับหลายทีมเหมือนที่เรอัล มาดริด เคยทำกับเรา เราสามารถปิดเกม ด้วยการชนะ 1-0 และ 2-0 เราเรียนรู้จากเรอัล มาดริด

"ดังนั้น สำหรับนัดชิงชนะเลิศกับสเปอร์ส ในช่วงเดือนมิถุนายน พวกเรารู้สึกมั่นใจมาก สำหรับผม ผมรู้ว่าจะคาดหวังอะไรแล้ว ผมจะรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการแข่งขัน สิ่งหนึ่งที่คุณไม่มีทางจะเตรียมตัวคือ 6 ชั่วโมงในโรงแรมก่อนนัดที่สำคัญนัดหนึ่งในชีวิตของคุณเอง การฆ่าเวลาเป็นไปไม่ได้ ผมคิดว่าตัวเองเลื่อนผ่าน netflix ตลอด 6 ชั่วโมงนั้น นั่นคือส่วนแรกของวัน เมื่อผมพยายามจะจินตนาการถึงมัน มันคือภาพของความเครียด เสียงกึกก้อง และฟุตบอล เมื่อดิว็อคยิงประตูที่สอง นั่นคือช่วงเวลาที่ทุกอย่างหวนคืนมาหาผม ผมจำได้ว่า ตัวเองวิ่งไปที่มุมธง แค่ได้มองใบหน้าของแฟนๆ และรู้ว่ามันมีความหมายมากสำหรับพวกเขา .... โรม, ลอนดอน, ปารีส, โรมอีกครั้ง, อิสตันบูล และหนนี้ที่ มาดริด นี่คือสถานที่ที่เราจะจดจำไปชั่วชีวิต"

"เมื่อครอบครัวของผมลงมาในสนาม เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลอง นั่นคือทุกอย่างสำหรับผมแล้ว ไม่มีคำพูดใดที่จะสามารถบรรยายได้เลย มีการกอดกันเกิดขึ้นมากมาย และมีน้ำตาเล็กน้อย เมื่อพวกเราถือถ้วยแชมป์ยุโรปด้วยกัน ผมรู้แน่ชัดว่าผมกำลังคิดอะไร พวกเราชนะ จากสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามถนน สู่ถ้วยแชมป์ยุโรป พวกเราทำได้แล้ว"

"ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากนั้น ผมอยู่บนรถบัสที่กำลังเคลื่อนที่ไปบนถนนในเมืองลิเวอร์พูล ผมไม่ชอบที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้นะ แต่เราไม่ได้ใช้เส้นทางเดิม เหมือนตอนที่ใช้ตอนปี 2005 คุณเชื่อไหมว่า เราไม่ได้ใช้ถนนที่ผ่านหน้าบ้านของผม ผมต้องพูดเรื่องนี้กับใครสักคน แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เราก็ไปใกล้มากพอ เมื่อเราใกล้ละแวกบ้านของผม สิ่งที่ผมคิดถึงคือ ผม และพี่น้องยืนอยู่บนระเบียงบ้านในช่วงปี 2005 ในเดือนมิถุนายน ผมมองออกไป และเห็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตัวน้อยๆหลายร้อยหลายพันคน ทั้งเด็กชาย และเด็กหญิง มีเพียง 2 สิ่งที่ผมอยากบอกกับเด็กทุกคน หากพวกเขามีโอกาสได้อ่านมัน"

1 ไล่ตามความฝันของคุณ ด้วยทุกอย่างที่คุณมี พร้อมกับทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ความฝันสามารถเป็นจริงได้ และอย่าปล่อยให้ใครมาบอกว่าคุณเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป และ อย่าลืมว่าคุณคือใคร คุณมาจากไหน และคนที่ช่วยคุณให้บรรลุเป้าหมาย หากไม่มีพวกเขาเหล่านั้น เรื่องเหล่านี้จะเป็นไปไม่ได้เลย 

(จบบริบูรณ์ / source : theplayerstribune)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด