เคสแรกเรื่องดาราวัยรุ่นประกาศแยกทางกันและมีกระแสเรื่องมือที่สาม ว่าคนนั้นคนนี้เป็นสาเหตุของการเลิกรา แน่นอนว่าข่าวแบบนี้ขายได้ และเมื่อดาราเป็นคนของประชาชน ก็ย่อมต้องถูกนักข่าวสายบันเทิงยื่นไมค์จ่อปากสัมภาษณ์ความรู้สึก ถูกขุดคุ้ยความลับต่างๆ ที่คนแฉช่างรู้ดีเหมือนไปแอบมุดอยู่ใต้เตียงบ้านเขา (ผมก็ชอบอ่านนะ แต่ไม่เคยคอมเม้นท์อะไร)
ย้อนกลับมามองดูตัวเราเอง เฮ้ยสมัยตอนวัยรุ่นชีวิตรักเราก็โลดโผนไม่ใช่น้อย และไม่แปลกเลยที่เรื่องรักๆ เลิกๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าจะผ่านเข้ามาในชีวิต แต่โชคดีของเราที่ไม่ได้เป็นคนของประชาชนไง จึงไม่มีคนลากมาตั้งคำถามว่า เลิกกันเพราะอะไร ใครนอกใจใครก่อน ให้ตายเถอะ คนเลิกกันบางทีก็อธิบายเหตุผลเป็นข้อๆ ไม่ได้ป่าววะ ยิ่งถ้าพูดไปแล้วมีผลกระทบกับตัวเองหรือคนอื่น จะพูดไปเพื่อ?
บางครั้งสังคมออนไลน์เหมือนเป็นพื้นที่ในการปลดปล่อยด้านมืด ที่คอยอาศัยใช้คีย์บอร์ดสำเร็จความใคร่ผ่านตัวอักษร ตั้งตัวเป็นศาลตัดสินว่าใครผิดถูก ทั้งเชิดชูและเหยียดหยามคนในข่าว ทั้งที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา มีคนเพียง 2 คนที่รู้ดีที่สุดและแน่นอนว่าการเลิกรามันมีคนเจ็บ บางครั้งอารมณ์มันอาจอยู่เหนือเหตุผลจนคิดคำตอบที่ดีที่สุดออกมาไม่ได้อาจด้วยวัยวุฒิหรือประสบการณ์ชีวิตที่ต่างกันไป เอาจริงๆ นะ คุณเชื่อสิ่งที่เขาหรือเธอพูดทุกอย่างหรือ?
อีกเคสหนึ่ง อย่างที่เราทราบกันดีว่า เจ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ เคยคบหากับคุณเมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร ดาราชื่อดังมาก่อน ซึ่งก็ยุติความสัมพันธ์กันมานานเป็นปีแล้ว
ล่าสุด มีประเด็นขึ้นมา เพราะมีคนไปคอมเม้นท์คลิปในไอจี ที่เจ้าตัวเล่นกีตาร์เพลง "สิ่งที่ฉันเป็น" ของอีโบล่า ว่า "ตอนนี้พี่เมย์โสดแล้วนะเจ" และดราม่าก็เกิดขึ้นเมื่อ เจ ไปตอบเมนท์ว่า "ผมไม่โสดครับ"
เท่านั้นแหละ กลายเป็นประเด็นเมื่อมีคนเข้ามารุมด่าเจ้าตัวประมาณว่าหล่อตายล่ะทำเป็นเลือกได้ คิดว่าคุณเมย์อยากกลับไปคบแกหรือไง ความรู้สึกผมคือ เฮ้ย! นี่เจกำลังโดนโซเชียลบุลลี่ชัดๆ นี่หว่า แถมเป็นการเหยียดหยามเกี่ยวกับเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในยุคนี้แล้ว และอยากจะถามกลับไปว่า ไอ้คนที่ด่าเขาอะ หล่อสวยเพอร์เฟคมากมั้ย?
ผมว่าวงการกีฬาหรือบันเทิง มันควรเป็นเรื่องที่เราเสพเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ใครจะรักกับใครเลิกกับใคร ใครจะกิ๊กจะเป็นชู้กับใคร เรารับรู้ได้แต่ไม่ควรไปออกความเห็น หรือไปดูถูกเหยียดหยามเขา เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา บุคคลสาธารณะก็เป็นมนุษย์เหมือนเราๆ น่ะแหละถ้าเป็นเรื่องของเราเองก็คงไม่อยากให้ใครมาวิจารณ์ชีวิตเราเหมือนกันเนอะ เพราะชีวิตมันไม่ใช่ 1+1 = 2 เสมอไป มันมีเรื่องราวซับซ้อนที่เจ้าตัวเท่านั้นถึงจะรู้ และมันไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไประบายให้คนทั้งโลกได้รับรู้ด้วย
ถ้านักข่าวมาถามผมว่าทำไมเลิกกับแฟน หรือจะกลับไปคบกันแฟนเก่ามั้ย ผมจะตอบยังไงดีล่ะ แต่คำตอบในใจคงคิดว่า "เสือกไรชีวิตกู"
