สำหรับ "เมสัน เมาท์" ดาวรุ่งวัย 20 ปี ที่ย้ายกลับมายังสโมสรเชลซี พร้อมกับสอดแทรกสู่ทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" ชุดใหญ่อย่างเต็มตัว ผ่านการสร้างสรรค์เกม และยิงประตู รวมถึงการที่เขาสามารถก้าวมาติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่แล้วด้วย
โดยกว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาต้องผ่านการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการยืมตัวมาพอสมควร ช่วงนี้ เราไปดูมุมมอง และเป้าหมายของเจ้าตัวกันหน่อย
ใครเป็นแรงบันดาลใจของคุณ ตอนที่ยังเป็นเด็ก ?
"แน่นอนว่าต้องเป็นแฟร้งค์ แลมพาร์ด นี่คือคนที่ผมเฝ้ามองเสมอ ทั้งการเป็นนักเตะของเชลซี และการเป็นนักเตะกองกลาง ตอนที่ผมยังเด็ก ผมชอบดูการแข่งขันพรีเมียร์ลีก มากเลยล่ะ ส่วนอีกคนที่ผมชอบคือลูก้า โมดริช สมัยที่เขาเล่นให้กับสเปอร์ส ผมชื่นชอบวิธีการที่เขาเล่นมาโดยตลอด เขาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่มาก ผมดูเขาเล่นหลายต่อหลายครั้ง ส่วนคนอื่นนั้น ก็จะเป็นอันเดรส อิเนียสต้า และชาบี เอร์นานเดซ สองกองกลางของบาร์เซโลน่า พวกเขาถือเป็นนักเตะที่ผมเฝ้ามอง และพยายามปรับเข้ากับเกมของตัวเอง"
ฤดูกาลที่ผ่านมา คุณถูกส่งไปยืมตัวกับดาร์บี้ เคาน์ตี้ ก่อนจะกลับมาอยู่กับเชลซี ในช่วงปีนี้ ความรู้สึกของคุณเป็นยังไงบ้าง ?
"มันเป็นขวบปีที่บ้าเอามากๆ ผมทำงานกับดาร์บี้ เคาน์ตี้ ภายใต้การคุมทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ด มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก การได้ทำงานร่วมกับเขา และเรียนรู้จากเขา ผมมีโอกาสลงสนามหลายเกม ซึ่งนั่นถือเป็นเป้าหมายของผมในการไปเล่นที่นั่นเลยล่ะ ทั้งหมด เพื่อเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ตอนนี้ ผมกลับมาอยู่เชลซี ผมสนุกกับฤดูกาลที่ยังเหลืออีกยาวไกล"
การยืมตัวสอนอะไรคุณบ้าง ?
"การยืมตัวสอนผมมากเลย โดยเฉพาะการย้ายไปเล่นแบบยืมตัวที่ฮอลแลนด์ (เขาย้ายไปเล่นกับวิเทสส์ฯ ในฤดูกาล 2017-18) ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายที่นั่น ซึ่งช่วยให้ผมเติบโต และกลายเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว คุณจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทั้งในแง่ของการทำอาหารกินเอง และทุกอย่างเลย การเล่นในลีกอังกฤษ เป็นอะไรที่แตกต่างออกไป ทว่าคุณก็ต้องเตรียมพร้อม ผมอยากจะบอกบรรดานักเตะดาวรุ่งว่า หากมีโอกาสย้ายไปเล่นทีมอื่นแบบยืมตัวแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะที่ต่างประเทศ หรือในอังกฤษ คุณควรลองดูนะ"
การที่คุณกลับมายังเชลซี พร้อมกับแฟร้งค์ แลมพาร์ด คุณมีโอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่า คุณสามารถทำอะไรได้ ?
"เห็นได้อย่างชัดเจนว่า การที่ได้ทำงานร่วมกับผู้จัดการทีมมาตลอดทั้งปี โดยได้เรียนรู้แนวทางการทำงานของเขา รวมถึงได้เรียนรู้สไตล์การเล่นฟุตบอลของเขา และเรียนรู้ว่าเขาต้องการอะไรในสนามฝึกซ้อม ถือเป็นความได้เปรียบต่อผมเลย ผมรู้สึกมีความสุขมากที่แลมพาร์ด กลับมายังเชลซี เพราะเขาคือตำนานนักเตะของทีม การทำงานร่วมกับเขา เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ผมต้องการทำงานหนัก เพื่อก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ให้ได้ นั่นคือเป้าหมายของผมที่วางเอาไว้เลย ผมอยากเล่นให้กับเชลซี ดังนั้น ผมจึงต้องพยายามให้มาก และผลมันออกมาดีด้วย"
สไตล์การเล่นที่มีความสุข ?
"ผมคิดว่า การเล่นแบบผ่อนคลาย สามารถช่วยได้เยอะเลย ทั้งการเพลิดเพลินกับโอกาส และเพลิดเพลินกับเกมการแข่งขัน แม้ว่าคุณพ่อของผมจะบอกว่า ผมสามารถเล่นได้ดีกว่า ภายใต้อารมณ์โกรธ แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ผมมีแนวทางเป็นของตัวเอง ผมชอบลงเล่นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และมีความสุขกับมัน เมื่อคุณโดนไล่หวด คุณจะเริ่มโกรธ แต่สำหรับตัวผมแล้ว ผมชอบที่จะอยู่ในสนาม และเล่นฟุตบอล ผมมีรอยยิ้มเสมอแหล่ะ"
คุณได้เซ็นสัญญากับเชลซี เป็นระยะเวลา 5 ปี คุณรู้สึกว่า มันเป็นผลตอบแทนจากการทำงานหนักหรือเปล่า ?
"แน่นอนเลย ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ผมก็มีเป้าหมายแล้วว่า ผมต้องการเล่นให้กับเชลซี การได้รับสัญญาระยะยาว มันทำให้ผมรู้ว่า ผมได้มาอยู่ที่นี่แล้ว และนี่คือบ้านของผม ผมพยายามทำสิ่งเหล่านี้ตอนเล่นช่วงปรีซีซั่น และผมพยายามทำสิ่งเหล่านี้ตอนเล่นแบบยืมตัว ผ่านประสบการณ์ทั้งหมดที่ผมมี ผมสามารถนำมันมาใช้ในฤดูกาลนี้ และพยายามเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ให้ได้ โดยเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เชลซี คือทีมที่มีเหล่าซูเปอร์สตาร์ ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งการได้ทำงานร่วมกับทีมวันแล้ววันเล่า ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวผม"
เป้าหมายต่อความสำเร็จในฤดูกาลนี้ล่ะ ?
"ผมบอกกับคุณพ่อเสมอ และพยายามตั้งเป้าหมาย สำหรับฤดูกาลนี้ ผมหวังที่จะมีส่วนร่วมกับ 10 ประตู ไม่ว่าจะเป็นการยิง และการแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับลงสนามให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น คุณต้องแสดงให้ผู้จัดการทีมเห็นว่า คุณสามารถทำมันได้ ผมพยายามตั้งเป้าหมายตอนเริ่มต้นฤดูกาล พร้อมกับลงมือทำมันให้สำเร็จให้ได้ ฤดูกาลก่อนหน้านั้น ผมก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้น ผมจะพยายามยิงให้เยอะที่สุดในฤดูกาลนี้ และคว้าชัยชนะมาครองให้ได้มากที่สุด"
