:::     :::

ยกระดับ

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2562 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
3,057
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาคว้าชัยได้อีกครั้งในเกมที่ต้องดวลกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่ยังไม่แพ้ใครในซีซั่น (ก่อนลงสนาม)

หากดูจากผลงานของทั้งสองทีมรวมไปถึงความมั่นใจ เชื่อว่าแฟนบอลจำนวนไม่น้อยคงคิดว่าเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจะเป็นงานหนักของ ปิศาจแดง ซึ่งมันก็ออกมาในทรงนั้นเพราะ จิ้งจอกสีน้ำเงิน มีโอกาสสร้างความเจ็บปวดให้เจ้าถิ่นอยู่พอสมควรตั้งแต่นาทีแรกๆไปจนถึงช่วงทดเวลา

แต่ท้ายที่สุดประตูจากจุดโทษของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็กลายมาเป็นตัวตัดสินเกมนี้และส่งผลให้ลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คว้าชัยได้สักทีหลังจากสะกดคำว่าชนะไม่เป็นมาตลอด 3 นัดที่ผ่านมา

ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกแต่จริงสำหรับทัพผีแดงในยุคนี้ เพราะบางนัดที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม คุมเกมได้เกือบตลอด 90 นาที และมีโอกาสมากมายในเกม ทว่ากลับต้องจบลงด้วยการปราชัยหรือผลเสมอ ส่งผลให้แฟนบอลไม่พอใจอย่างมาก

กลับกัน ในเกมที่รูปเกมค่อนข้างจะเป็นรอง มีบ่อยครั้งที่ต้องลงไปตั้งรับและถูกกดดัน แต่ท้ายที่สุด ปิศาจแดง ก็เอาตัวรอดคว้าชัยมาได้ในบั้นปลาย



เกมล่าสุดก็คงไม่ต่างกันเพราะ เลสเตอร์ ซิตี้ มาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยความไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีของเจ้าถิ่นและพยายามจะหาโอกาสเล่นงานอยู่ตลอดเวลา แต่หนนี้ ดาบิด เด เคอา ยืนถูกที่ถูกเวลาพร้อมกับงัดซูเปอร์เซฟออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

จะว่าไปแล้วเกมล่าสุดของพลพรรคผีแดง นักเตะทุกคนถือว่าทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม และทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาโดยเฉพาะแนวรับ 4 รายที่คอยปิดโอกาสของฝ่ายตรงข้าม ถึงจะมีจังหวะผิดพลาดแต่โดยรวมถือว่าสอบผ่าน

โดยเฉพาะจังหวะการปิดเกมริมเส้นของ จิ้งจอกสีน้ำเงิน ที่แบ็กทั้งสองฝั่งจะเข้ามาชิดหรือบีบแนวรุกของฝ่ายตรงข้ามทุกครั้งที่โดนสวนกลับ บรรดาแนวรุกก็พร้อมลงมาปิดพื้นที่ช่วยเพื่อไม่ให้ เลสเตอร์ มีพื้นที่และอาศัยความเร็วเล่นงาน

จุดนี้ถือว่าทำได้ดีอย่างชัดเจนเพราะ ผีแดง สามารถตัดความอันตรายในจุดนั้นไปได้และอาศัยการเล่นที่แน่นอนทั้งการตัด สกัด และปะทะได้อย่างดีเยี่ยม

อีกหนึ่งจุดที่ต้องชมเป็นพิเศษคือแดนกลางที่ก่อนเกมเชื่อว่าแฟนบอลคงส่ายหน้าเพราะ โซลชา เลือกเอา เนมานย่า มาติช มายืนจับคู่กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์

ด้วยการขาดหายไปของ ปอล ป็อกบา ส่งผลให้แฟนบอลจำนวนไม่น้อยห่วงว่าแดนกลางจะสามารถบดบี้กับ เลสเตอร์ ได้ดีเพียงใดเพราะพวกเขาต้องรับมือกับทั้ง ยูริ ตีเลมันส์, แฮมซ่า ชาวดรี้ และ วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ไหนจะต้องคอยถ่างออกไปปิดพื้นที่ในยามที่แบ็กหลุดตำแหน่ง ซึ่งริมเส้นของ เดอะ ฟ๊อกซ์ ก็มีความเร็วทั้ง เจมส์ แม็ดดิสัน และ เดมาไร เกรย์ 



แต่จุดนี้ แม็คโทมิเนย์ กลับทำได้อย่างเนียนตาและสามารถถมที่ว่างของการหายไปของ ป็อกบา ได้ดีทีเดียว แข้งหนุ่มรายนี้อาศัยความสดและมุ่งมั่นของตนเองในการสิ่งไล่ บดบี้ และพาบอลขึ้นมายามที่ทีมต้องทำเกมเข้าใส่

สกอตตี้ ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก และเล่นได้อย่างไหลลื่นในการจับมือทำงานร่วมกับ มาติช ที่คอยประคองรุ่นน้อง และใช้ความเก๋าในการเอาตัวรอด

ผลงานนัดที่ผ่านมาของ แม็คโทมิเนย์ โดดเด่นอย่างมาก มันโดดเด่นจนแฟนบอล ปิศาจแดง ร่วมกันลงคะแนนเลือกให้กองกลางรายนี้คว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของสโมสรไปครอง และหากดูจากผลงานโดยรวมก็สมควรแล้วที่มิดฟิลด์วัย 22 ปีจะได้ไป

ผลงานของ สกอตตี้ โดดเด่นทั้งในการป้องกันและการช่วยทีมในแนวรุก ว่ากันถึงการป้องกันนั้น เขามีส่วนในการตัดเกมทั้งลูกกลางอากาศและภาคพื้นดิน ซึ่งหากดูจากสถิติของ OPTA จะพบว่าแข้งรายนี้ทำได้ดีด้วยการเอาชนะในการตัดบอลกลางอากาศ 3 ครั้ง แย่งบอลได้ 2 ครั้ง และครองบอลกับตนเองถึง 7 ครั้ง และนอกจากนี้ยังทำการผ่านบอลในแดนฝ่ายตรงข้ามไปอีก 26 ครั้ง

รวมไปถึงสถิติที่ได้จากทางสโมสรเองที่ระบุว่า แม็คโทมิเนย์ สัมผัสบอล 60 ครั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 31 หน เอาชนะการดวลกันได้ถึง 12 ที และแท็คเกิ้ลอีก 2 ครั้ง

นี่คือสถิติโดยรวมที่โดดเด่นจากผลงานในนัดล่าสุด และเชื่อว่าแฟนบอลทุกท่านที่ติดตามการถ่ายทอดสดก็คงเห็นด้วยสองตาถึงพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมของเจ้าหนูรายนี้



จากนักเตะในตำแหน่งตัวทำเกม มีบางครั้งที่ถูกดันให้เป็นกองหน้าตัวเป้าในตอนที่เล่นให้กับทีมเยาวชนหรือทีมสำรอง แต่ตอนนี้ แม็คโทมิเนย์ กำลังแปลงร่างและผันตัวเองให้กลายมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง

ถึงตรงนี้อาจจะอยู่ในขั้นเรียนรู้ แต่จากผลงานที่ผ่านมาถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของทั้งตัวนักเตะเองและอาจจะรวมไปถึงผู้จัดการทีมและโค้ช เพราะมันเป็นบทพิสูจน์ว่าทุกคนคิดถูกที่ปรับตำแหน่งให้แข้งรายนี้มาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่ทำหน้าที่ไล่คู่แข่งและลำเลียงบอลให้กับทีม

เรื่องนี้นักเตะเองก็เคยแสดงความปรารถนาออกมาแล้วเช่นกันว่าต้องการปรับเปลี่ยนการเล่นให้มาเป็นกองกลางสไตล์ 'บ๊อกซ์ ทู บ๊อกซ์' (หากนึกไม่ออกในคิดถึง รอย คีนเอาไว้ คือนักเตะที่วิ่งขึ้นลงแบบไม่มีหมด มีทีเด็ดในการตัดบอลและยังสามารถสอดไปทำประตูได้) หรือนักเตะในตำแหน่งหมายเลข 6 หรือ 8 ซึ่งนั่นคือเป้าหมายในการพัฒนาตนเองของ สกอตตี้

"ผมพยายามฝึกซ้อมอย่างหนักและผมต้องการทำสิ่งที่พิเศษออกไปอยู่เสมอ และมันอาจจะสร้างความแตกต่างให้ผมอย่างน้อยสัก 1 เปอร์เซ็นต์" แม็คโทมิเนย์ เปิดใจไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

"มันเป็นความปรารถนาของผมในการลงสนามเป็นปกติในตำแหน่งหมายเลข 6, หมายเลข 8, นักเตะสไตล์ บ๊อกซ์ ทู บ๊อกซ์ นั้นคือความปรารถนาหลักของผม นั่นเป็นเป้าหมายของผมเสมอ มันเป็นเรื่องสำคัญที่ผมต้องเดินหน้าในตอนนี้อย่างจริงจัง"

"แน่นอนว่ามีโอกาสรออยู่ตรงนั้น และคุณต้องคว้ามันมาด้วยสองมือ ปีที่แล้วผมมีผลงานที่ดีอยู่บ้าง และมันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสานต่อจากจุดนั้น"



มันคือคำสัญญา ความมุ่งมั่น แรงปรารถนา และสิ่งที่ แม็คโทมิเนย์ ให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งมันแสดงออกมาจากผลงานในสนามว่าเขาไม่ได้พูดเล่นและพร้อมที่จะพัฒนาผลงานเพื่อตนเองและทีมอยู่เสมอ

นั่นคือทัศนคติที่สำคัญของหน่อเนื้อที่เติบโตมาจากทีมเยาวชนปิศาจแดง จิตใจที่มุ่งมั่นและไม่ย่อท้อ พยายามเดินหน้าพัฒนาตนเองและพร้อมคว้าโอกาสเมื่อมันมาถึง

แม้ผลงานของเขายังไม่ถึงขั้นสุด แต่อย่างที่เรียนไปว่ามันได้ส่งสัญญาณที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ โซลชา ก็ทราบดีและดูจะพอใจกับพัฒนาการของ สกอตตี้ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อยู่พอสมควร

"สกอตต์ กำลังพัฒนา"

"ผมคิดว่า แม็คโทมิเนย์ ยอดเยี่ยมมาก เขาเสียบอลไม่มากนัก แต่เป็นสิ่งที่คุณคาดคิดไว้อยู่แล้วเพราะเขายังคงอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้หน้าที่ของเขา เขาเข้าไปปะทะและเขายังเป็นผู้นำ ผมคงจะไม่ต้องการที่จะเข้าไปปะทะแบบ 50-50 กับเขา ผมคิดว่าเขาทำได้ดีตลอดทั้งเกมที่ผ่านมา"

"มีหนึ่งหรือสองจังหวะที่เขาทำได้อย่างน่าประทับใจในครึ่งแรก แต่เขาก็มีความมั่นใจมากพอที่จะสานต่อผลงาน ผมพอใจกับเขาอย่างมาก"

ส่วนผลงานในแนวรุก แม็คโทมิเนย์ ก็พยายามในการพัฒนาเรื่องการผ่านบอลในจังหวะสุดท้าย รวมไปถึงหาโอกาสในการหาพื้นที่สับไกแบบจะแจ้ง ซึ่งเชื่อว่าหากเขายังคงสานต่องานที่ทำไปแบบนี้ ทุกๆอย่างก็จะพัฒนาตามกันไปอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกันแน่นอน




นอกจากชัยชนะที่ส่งให้ ผีแดง เรียกความมั่นใจกลับคืนมา สิ่งดีที่เกิดขึ้นคือการที่เราได้เห็นพัฒนาการและการยกระดับการเล่นของนักเตะ โดยเฉพาะ แม็คโทมิเนย์ ที่เพิ่งร่ายยาวมาข้างต้น และอาจจะรวมไปถึงรูปแบบการเล่นที่ชัดเจน ต่อบอลบนพื้นสู้กับทีมเยือนและไม่มีการโยนยาวแบบสะเปะสะปะให้เห็น (ยกเว้นจังหวะสกัดลูกอันตราย)

นั่นคือเรื่องดีอีกหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในนัดที่ผ่านมา แข้งผีแดงพยายามเล่นบอลบนพื้น ต่อบอลไปมาโดยส่วนใหญ่จะเน้นออกทางริมเส้น และมีบางที่สลับมาตรงกลางยามที่ ฆวน มาต้า มีพื้นที่

จุดนี้ โซลชา เข้าใจดีเพราะหากมาเล่นแบบสาดยาวจากแนวรับไปแดนหน้าพวกเขาก็คงไม่สามารถสร้างความอันตรายได้แน่นอน เพราะอย่าลืมว่ากองหน้าชุดปัจจุบันของ ปิศาจแดง ไม่มีชนิดตัวใหญ่บึกบึนคอยชนกับแนวรับ หากไปเล่นแบบนั้นแล้วก็ไม่ต่างจากการส่งบอลคืนหลังให้ฝ่ายตรงข้าม

ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นการลำเลียงจากแนวรับมาที่แดนกลางและค่อยถ่ายออกไปซ้ายทีขวาทีเมื่อมีพื้นที่ว่างสลับกับการเจาะตรงกลางบ้าง แม้มันจะยังหาโอกาสจะแจ้งไม่ได้มากนักเตะ แต่ถือว่าเป็นการปรับจูนแนวคิดและรูปแบบให้นักเตะทุกคนเข้าใจตรงกัน

การเล่นเช่นนี้แดนกลางถือว่ามีความสำคัญ และนั่นคือสิ่งที่ แม็คโทมิเนย์ ตระหนักได้อย่างชัดเจน ซึ่งเขาก็พร้อมพัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อยกระดับทีมให้ไปยังจุดที่ทุกคนต้องการ



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด