:::     :::

ไม่เสียหาย แต่เสียอารมณ์

วันพุธที่ 18 กันยายน 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,167
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูลเริ่มต้นฤดูกาลนี้ได้อย่างแข็งแกร่งมากๆ เลยนะครับ แต่ถึงยังไงในเวทีแชมเปี้ยน ลีกส์นั้นก็เป็นอีกเรื่องนึงครับ ทุกอย่างต้องมาเริ่มต้นนับ 1 กันใหม่หมดแถมในครั้งนี้ลิเวอร์พูลนั้นนับอะไรไม่ได้เลยด้วยสิ เมื่อพวกเขาพบกับความพ่ายแพ้ตั้งแต่เกมแรกของรายการนี้ อย่างน่าเจ็บใจจริงๆ

คนคุ้นเคย

          ลิเวอร์พูลกับนาโปลีนั้นไม่ใช่คนห่างเหินกันครับ พวกเขาเจอกันค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียวในรอบปีที่ผ่านมา พวกเขาผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ในบ้านของกันและกันในปีก่อน และเมื่อตอนพรีซีซั่นพวกเขาก็มาเจอกันอีกครั้งในรายการ ICC Cup ซึ่งถ้าใครได้ดูในเกมนั้น ก็คงต้องยอมรับเลยว่า นั่นเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นได้แย่ที่สุดแบบที่ไม่เคยพบเจอมาในยุคเจอร์เก้น คล็อปป์ครั้งหนึ่งเลยล่ะครับ ซึ่งนั่นก็เป็นสัญญาณบ่งบอกได้อย่างดีทีเดียว ว่าเกมนี้ในการมาเยือนนาโปลีครั้งนี้ของพวกเขานั้นไม่ใช่งานง่ายๆ แน่นอน แม้ว่าก่อนเกมนี้นาโปลีจะฟอร์มสวนทางกับลิเวอร์พูลก็ตาม เพราะพวกเขาดูจะออกสตาร์ทได้ไม่ค่อยสวยเท่าไร ลุ่มๆ ดอนๆ มาหลายเกม แต่เพิ่งมาชนะในเกมล่าสุดนี่เอง ผิดกับทางฝั่งหงส์แดงที่ออกสตาร์ทในซีซั่นนี้ได้อย่างร้อนแรงเมื่อพวกเขาชนะในลีก 5 นัดรวดครองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้อย่างสง่าผ่าเผย ยิ่งเกมนี้พวกเขาได้กัปตันเฮนโด้ กลับมาประจำในแดนกลางจากที่ได้พักมาเต็มๆ นำทัพอีก พร้อมด้วยเจมส์ มิลเนอร์จอมเก๋ามาช่วยขับเคลื่อนในแดนกลาง และได้แอนดี้ โรเบิร์ตสันที่ผ่านความฟิตมาประจำการในเกมรับอีก เรียกได้ว่าเกมนี้พวกเขานั้นพร้อมเต็มสูบจริงๆ



   
ระดับสูง !   

          เกมนี้ถ้าใครได้ดูต้องบอกว่าคุ้มค่ามากทีเดียวครับ ยิ่งเป็นพวกที่ชอบบอลแท็กติกด้วยนั้น เรียกได้ว่าได้ดูแท็กติกของทั้งสองทีมกันเต็มอื่มเลยล่ะ ทั้งสองทีมนั้นเรียกได้ว่า “ทันกัน” ในทุกๆ จังหวะ และทุกๆ พื้นที่ของสนามเลย ไม่มีทีมไหนยอมทีมไหน และไม่มีทีมไหนเสียเปรียบได้เปรียบกว่ากันอย่างชัดเจน แม้ว่าลิเวอร์พูลนั้นจะดูครองเกมเยอะกว่านิดๆ แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรมากมาย ด้านนาโปลีนั้นใช้ความปราดเปรียวในแนวรุกเล่นงานลิเวอร์พูลในพื้นที่อันตรายอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตรงตำแหน่งแบ็กซ้ายของโรเบิร์ดสัน ที่ดูแล้วเกมนี้ท่าทางจะไม่สมบูรณ์จริงๆ แต่ก็ยังไม่เด็ดขาดมากพอที่จะฉกชิงประตูขึ้นนำไปได้ ส่วนลิเวอร์พูลนั้นพยายามที่จะเล่นงานทาง มาริโอ รุยซ์ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนที่สุดของแผงหลังนาโปลีอยู่บ่อยครั้ง และก็ดูเหมือนว่ารุยซ์นั้นจะเอาซาล่าห์ไม่ค่อยอยู่เท่าไรจริงๆ นั่นแหละครับ แต่ถึงแม้จะผ่านรุยซ์ไปได้ แต่พวกเขาก็แทบจะไม่มีโอกาสยิงประตูแบบจะแจ้งเอาเสียเลย เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าพวกเขาต้องมาเจอกับยอดกองหลังอย่าง คาลิดู คูลิบาลี่ เบรคเสียจนอยู่หมัดน่ะสิครับ พวกเขานั้นไปเสียบอลและหยุดอยู่ที่คูลิบาลี่อยู่บ่อยครั้งเลยทีเดียว  ปราการหลังชาวเซเนกัล ยืนปักหลักในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กทางซ้าย และในเกมนี้เขาก็เล่นได้อย่างสุดยอดจริงๆ  เขามีความเร็วและการอ่านเกมที่เด็ดขาดเป็นอย่างมาก ถ้าแฟนๆ ลิเวอร์พูลภาคภูมิใจใน เฟอร์จิล ฟานไดค์ ก็ต้องบอกว่าแฟนๆ นาโปลีนั้นก็รู้สึกกับคูลิบาลี่ในระดับที่ไม่ต่างกัน และในเกมนี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่า การที่เขาโดนตั้งค่าหัวไว้ที่ 100 ล้านยูโรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกินเลยเกินไปนัก  เกมนี้เขานั้นได้รับตำแหน่ง MOTM ไปอย่างไร้ข้อกังขาเลยทีเดียว





มี VAR แต่ไม่ใช้  ??

          เกมนี้ทั้งสองทีมขับเขี้ยวกันอย่างสูสีอยู่นานทีเดียวครับ จนมามีจุดเปลี่ยนสำคัญตรงที่นาทีที่ 80 นี่แหละครับ เมื่อ เฟลิกซ์ ไบรช์ กรรมการชาวเยอรมันมองว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้าย ลิเวอร์พูล เตะใส่ โฆเซ่ กาเยฆ่อน ในเขตโทษ และเขาก็ชี้ไปที่จุดโทษอย่างไม่ลังเลเลย  ตอนดูจากเหตุการณ์จริงก็ดูจะก้ำกึ่งอยู่หรอกครับ แต่เมื่อเราได้เห็นภาพช้ากันแล้ว ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่า จริงๆ แล้วลูกนี้นั้นไม่ควรเป็นจุดโทษแน่นอน แถมกาเยฆ่อนนั้นควรจะโดนใบเหลืองจากจังหวะนี้เสียด้วยซ้ำ เมื่อในภาพนั้นฟ้องว่าจริงแล้วโรเบิร์ตสันนั้นไม่ได้โดนตัวเขาแม้แต่นิดเดียว แต่เป็นกาเยฆ่อนเองนั้นแหละ ที่กระโดดใส่และพุ่งล้มเอาฟาล์วกันอย่างชัดเจน ....  จริงแล้วจังหวะนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “เสน่ห์ของฟุตบอล” เหมือนเมื่อก่อนก็ยังได้ครับ แต่กับใน พ.ศ.นี้ คำกล่าวนี้ไม่น่าจะถูกหยิบยกมาใช้แบบนี้เลย เพราะตอนนี้มัันมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า VAR มาช่วยตัดสินแล้ว ลูกที่น่าสงสัยและจังหวะสำคัญๆ ที่ไม่เคลียร์ก็สามารถมาเช็คดูได้กันอีกครั้งเพื่อความถูกต้องและยุติธรรมมากขึ้นในกีฬาฟุตบอลนี่แหละครับ .....  แต่ !!! ... ในเกมนี้นั้นกรรมการเฟลิกซ์ ไบรช์ นั้นเลือกที่จะไม่ดู VAR มันซะอย่างนั้นแถมดูรีบร้อนที่จะให้จุดโทษกับนาโปลีเสียเหลือเกิน จนทำให้ลิเวอร์พูลนั้นตกเป็นรองในเกมนี้จนได้จากการยิงจุดโทษเข้าไปของ ดรีส์ เมอร์​เทน และหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ดูจะเสียขบวนกันไปเลยจนทำให้มาเสียประตูอีกครั้งจากความผิดพลาดของแผงหลังทำให้โดนยอเรนเต้ยิงประตูตอกฝาโลงเข้าไป ทำให้เกมแรกของพวกเขาในรายการนี้นั้นประเดิมแบบไม่สวยเอาเสียเลย    



          จริงๆ แล้วการพ่ายแพ้ในเกมนี้ของลิเวอร์พูลนั้นไม่ได้เสียหายอะไรมากมายหรอกครับ แต่มันแค่เสียอารมณ์แบบที่หัวเรื่องกล่าวไว้มากกว่า จะมีเรื่องที่พอยิ้มออกเรื่องนึงก็คือ เรื่องที่ คาร์โล อัลเชล๊อตติบอกกับเจอร์เก้น คล็อปป์ไว้นั่นแหละครับ  "ไม่ต้องกังวลหรอก, ถ้าคุณแพ้ที่เนเปิลส์ แสดงว่าในตอนท้าย...คุณจะคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก"  ก็จริงของพี่แจ้เขาล่ะนะ  ฮรี่ๆๆ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด