อาจไม่มีโทรฟี่ติดไม้ติดมือ ตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาลืมตาอ้าปากบนลีกสูงสุด แต่ก็ยืนหยัดอยู่กึ่งบน และกลางตารางได้อย่างไม่อายใคร

ด้วยงบประมาณ และขนาดทีม การทุ่มเม็ดเงินสู้กับขาใหญ่ คงเป็นเรื่องยาก ทำให้โมเมนตั้มพวกเขาเปลี่ยนมาเป็น "ฟุตบอลถ้วย" ที่แข่งนัดเดียวจบ และชื่อของราชันมังกร จะคุ้นหูแฟนบอลในรอบลึกๆเสมอ ในฐานะ "ตัวแสบบอลถ้วย"

ถึงกระนั้นเขายังไม่เคยประสบความสำเร็จ หรือไปถึงดวงดาวเลยสักครั้ง

รายการ โตโยต้า ลีก คัพ พวกเขาสามารถคว้า "รองแชมป์" ได้ถึงสองครั้งติดกันในปี 2012,13 รวมถึงเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในปี 14 และ 17 

ขณะในรายการ เอฟเอ คัพ หากไม่นับฤดูกาล 2016 ที่คว้าแชมป์ร่วมกัน 4 ทีม ฤดูกาลก่อน "ราชันมังกร" สามารถกรุยทางเข้าถึงรอบตัดเชือก ก่อนถูกหยุดเส้นทางด้วยน้ำมือของ สิงห์ เชียงรายฯ ที่หลุดไปฟาดแชมป์ในเวลาต่อมา

อกหัก ผิดหวังซ้ำซาก กลายเป็นเรื่องชินชาไป

อย่างไรก็ดีปี 2019 ราชบุรี กลับมายืนจุดเดิมอีกครั้งในรายการ เอฟ เอคัพ โทรฟี่ที่มีแชมป์พร้อมตั๋ว เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟเป็นเดิมพัน

พวกเขาฝ่าด่านเข้ามาได้ตามคาดจนมาชนกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้สถานะของ "ปราสาทสายฟ้า" จะร้างราจากการสัมผัสถ้วยนี้มาถึง 3 ปีติดกัน ทว่า "แผลใหญ่" ที่ลูกๆของ เนวิน ชิดชอบ ฝากไว้ในบอลลีก (0-6) ก็สร้างความแค้นใจให้ ราชบุรี

หลายคนคิดว่าการมาพบกันหนนี้อีกครั้งในบอลถ้วย จะเป็นด่านที่ไม่ยากนักของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่เกมนี้ สมชาย ไม้วิลัย ไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

"โค้ชเจี๊ยบ" เลือกเปลี่ยนผู้เล่นจากชุดเดิมที่แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-6 ในลีกถึง 4 ตำแหน่ง ใช้แผงหลังสามคนแบบไม่กลัว แชมป์ 4 สมัย และเหมือนรู้ว่าจะต่อกรอย่างไร

ไม่เปิดเกมแลกสุ่มสี่สุ่มห้า ตั้งรับด้วยความอดทน ปิดเกมริมเส้นคู่ต่อสู้ไม่ให้ได้เล่นอย่างสะดวกโยธิน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อย่าง ยู จุน-ซู, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ และ เอกลักษณ์ ทองกริต เก็บกินลูกกลางอากาศเรียบหมดจด

แดนกลางมี กฤษณนน ศรีสุวรรณ คอยเป็นพ่อบ้านปัดกวาดก่อนแผงหลัง โดยมีแข้งต่างชาติอย่าง อามีน นาซารี และ ลอสเซมี คาราบูเอ ช่วยกันสร้างสรรค์เกมรุก ส่วนแนวรุกเป็นหน้าที่ของวิงแบ็กฝั่งขวาอย่าง ฟิลิป โรเลอร์ ที่ขึ้นสุดลงสุดยิ่งกว่าแทงปลาไหล

โดยมีจรวดทางเรียบอย่าง สตีเฟน ล็องจิล ที่ป่วนเกมรับเจ้าถิ่นอย่างอยู่หมัด และ ยานนิก โบลี ใช้โอกาสที่มาถึงได้คุ้มค่าสำหรับการเป็นกองหน้า

ผลคือ ราชบุรี ทวงคืนวันดีดี ด้วยการตบแชมป์ 4 สมัย ได้ทบต้นทบดอก ถีบตัวเองเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ เข้าไปพบกับอีกหนึ่งสิงห์บอลถ้วยอย่าง การท่าเรือ เอฟซี

อย่างที่บอกไปนอกจากจะเป็นการชิงโทรฟี่ใบสำคัญ แชมป์รายการนี้ยังได้รับสิทธิให้ไปเล่นฟุตบอลเอเชียในฤดูกาลหน้าอีกด้วย

การหลุดมาถึงทางตรงสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย เชื่อว่า ราชบุรี เองน่าจะใส่เต็มที่ ไม่ว่าคู่ต่อสู้ที่ยืนรอข้างหน้าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม

เป็น "นักอกหักฟุตบอลถ้วย" มาหลายปี มีแชมป์ติดมือกลับเมืองโอ่งบ้างซีซั่นนี้บ้างคงดี