ย้อนรำลึก11ปีแผนจารกรรมดักฉุดBerbatovคาสนามบิน
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ฮีโร่ของแมนยูไนเต็ดถึงกับออกปากว่า"เช็ดเขร้!!!!" (WTF) เมื่อเซอร์อเล็กซ์ทำสิ่งๆหนึ่ง
เบอร์บาตอฟกล่าวว่าเขาถึงกับช็อคเมื่อป๋าเป็นคนไปเอาตัวเขามาจากสนามบินแมนเชสเตอร์เมื่อปี2008
ในวันเดดไลน์ตลาดซื้อขายปีนั้น บัลแกเรียนผู้นี้ต้องการที่จะย้ายออกจากสเปอร์ และถึงแม้ว่าช่วงหลังแมนซิตี้จะมีความสนใจอยากจะได้ตัวเขา แต่โอลด์แทรฟฟอร์ดคือจุดหมายปลายทางที่เขาต้องการ
ดูเหมือนว่าซิตี้มีท่าทางที่จะปาดได้ตัวเขาจากยูไนเต็ดมาสักระยะใหญ่ๆโดยให้พี่เบิร์บบินมาลง แต่การเข้าหาของเซอร์อเล็กซ์ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวถึงที่นั้นทำให้เขาเอนเอียงและตัดสินใจเลือกข้างได้สำเร็จ
"แน่นอนว่ามันดีมากเลยที่ได้รับข้อเสนอจากสโมสรต่างๆ มันดีมากที่เราเป็นที่ต้องการ เพราะนั่นหมายความว่าคุณเป็นนักเตะที่เล่นดี แต่ว่าผมจินตนาการเอาไว้แล้วว่าอยากจะเล่นร่วมกับกิ๊กส์ สโคลส์ และคนอื่นๆที่ยูไนเต็ด"
"การมีประวัติศาสตร์ของสโมสรนั้นๆถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผม การที่คลับฟุตบอลแห่งหนึ่งเขามีเรื่องราวในอดีตนั้น มันทำให้เรารู้สึกเคารพในสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นมา และนั่นแหละเราถึงจะก้าวเดินไปสู่อนาคตได้"
"และยูไนเต็ดก็มีนักฟุตบอลระดับตำนานเหล่านี้มากมาย ในช่วงเวลานั้นแหละ เอเย่นก็เดินมาบอกผมพอดีว่า ทางยูไนเต็ดต้องการตัวผม ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้ คำตอบมันจึงมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นล่ะ"
"เราไปถึงสนามบินเมืองแมนเชสเตอร์ ผมเดินคุยกับเอเย่น มองไปรอบๆ และผมก็เห็นเซอร์อเล็กซ์ยืนรอผมอยู่ตรงนั้น"
"ผมคิดว่าหัวใจผมจะหยุดเต้นเอาซะแล้ว"
"เช็ดเขร้!!!!!!"
"ผมเป็นแค่คนธรรมดา มาจากประเทศเล็กๆ และผู้จัดการทีมแมนยูที่ไม่กี่อาทิตย์ที่แล้วเขาเพิ่งจะคว้าถ้วยแชมป์ของแชมเปี้ยนส์ลีกมา เดินทางส่วนตัวมาเพื่อจะพบผมที่สนามบิน เขาอยากเซ็นสัญญากับผม"
"ตอนคุณเป็นเด็กน้อย แน่ล่ะคุณไม่มีทางแม้แต่จะฝันถึงช่วงเวลาแบบนี้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเติบโตขึ้นมาภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ในบัลแกเรียเหมือนที่ผมเป็นมา"
เบอร์บาตอฟยังกล่าวด้วยว่า เขาได้อยู่ในระดับสูงสุดของโลกแล้ว เมื่อย้ายจากสเปอร์มาร่วมทีมกับยูไนเต็ดได้สำเร็จ
"มันช่างเป็นวันที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ได้ไปอยู่กับยูไนเต็ด บ้าไปแล้ว ทั้งวันเฝ้ารอโทรศัพท์เพื่อที่จะรู้ว่าจะได้ย้ายหรือไม่ย้าย สุดท้ายแล้วมันเหมือนในหนังเลย มีบทดราม่ากันจนถึงประตูทางเข้าสุดท้าย เหงื่อนี่แตกพลั่กเลย" เขากล่าวเสริม
"แล้วจากนั้นผมก็ไปนั่งอยู่ในรถกับเฟอร์กูสัน มันทั้งเคอะเขิน ทั้งสนุกสนาน แต่เต็มไปด้วยความเคารพและเป็นเกียรติมากๆที่ได้นั่งในรถคันนั้นไปเรื่อยๆตามทาง และคุณก็คิดในตอนนั้นว่า"
"กูจะพูดอะไรดีเนี่ย หรือกูควรจะพูดอะไร สวัสดีเป็นไงบ้าง อากาศดีไหม แบบนี้ป้ะ?"
"ผมพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ทุกๆคนที่รู้จักผมจะรู้ดีว่าปกติผมไม่ค่อยเป็นคนชอบเม้าท์ ชอบชวนคุยแบบว่า เฮ้นาย เป็นไงบ้าง อย่างโง้นอย่างงี้ บลาบลาบลา ผมมักพูดคุยแต่เรื่องตรงประเด็นไปเลย ดังนั้นเมื่อคุณเข้าไปอยู่สถานการณ์เช่นนั้นในวันนี้ มันก็แบบว่า เอาวะ มาๆๆๆ"
"ผมส่งสายตาไปที่เอเย่นของผม มองให้เขารู้ตัว และเขาก็มองกลับมาเหมือนกัน พวกเราทั้งคู่ทำอะไรไม่ถูกพอๆกันแหละ"
"แต่ความทรงจำเหล่านั้นในตอนนี้มันทำให้ผมมีความสุขและยิ้มออกมาได้ แม้บรรยากาศมันจะอึดอัดๆเก้ๆกังๆในตอนนั้นก็ตาม"
"เซอร์อเล็กซ์น่ารักมาก ผมรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับเวลนาที่ผมโชคดีได้พบกับผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จคนอื่น ได้เจอนักเตะ และผู้คนทั่วๆไป พวกเขามีคุณภาพมาก ที่แม้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากกว่าก็ตาม มันไม่ได้ทำให้คุณละเลยการปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเคารพและเอาใจใส่เลย"
"ซึ่งในเรื่องนี้นั้น กับผมป๋าตัดสินใจที่จะเดินทางมาหาผมด้วยตัวเองถึงสนามบิน มันทำให้ผมประทับใจมาก อาจจะมากที่สุดเลยก็ได้นะ ซึ่งคนในระดับนั้น พยายามที่จะยกระดับคุณขึ้นมา และนำคุณเข้าไปอยู่ในโลกของเขา มันเป็นสิ่งที่พิเศษจริงๆ"
"ดังนั้นพวกเราจึงไปทำการเซ็นสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร ผมจำได้ทุกอย่างที่วางอยู่ตรงหน้าผมเพื่อให้เซ็นสัญญา และเราต้องรีบทำอย่างไวเลยเพราะว่ามันต้องส่งกลับไปให้พรีเมียร์ลีกตรวจสอบ และตามขั้นตอนอื่นๆอีกทุกๆอย่าง"
"ผมนี่แบบ ผ่านสิวะ ผ่านๆๆๆๆๆๆ"
"สุดท้ายพวกเราทำสำเร็จ และได้เห็นทุกคนที่นั่นมีความสุข ผมมีความสุข เอเย่นของผมที่เหมือนคุณพ่อคนที่สองก็มีความสุข ทุกคนในห้องนั้นมีความสุขกันมากเลย"
"ผมได้ก้าวขึ้นมาบนจุดสูงสุดของโลกแล้ว"
โอเว่นและเบเบ้ถูกใจสิ่งนี้
การเซ็นสัญญาในครั้งนี้ถือเป็นดีลเซอไพรส์สะท้านโลกครั้งหนึ่งโดยการยื่นมือเข้ามาปิดคดีด้วยตัวเองของป๋า ในราคาค่าตัวระดับ 30.75 ล้านปอนด์ ย้ายมาสู่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งเบอร์บาคอนเฟิร์มเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเองว่าบรมครูชาวสก็อตมาพบเจอเขาในบ่ายวันจันทร์อันสุดบ้าคลั่งนั้นที่สนามบิน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย มาพาตัวเขาไปสนามฝึกซ้อมเลย (ฮา โคตรเอาเลยป๋ากู : ผู้เขียน)
จริงๆแล้วสเปอร์ไม่ได้ยอมให้เบิร์บย้ายไปอยู่แมนยูไนเต็ด และยอมรับดีล34ล้านกับแมนเชสเตอร์ซิตี้แทน ถึงแม้ว่าสเปอร์ขู่จะรีพอร์ทแมนยูไนเต็ดให้กับทางพรีเมียร์ลีกถึงพฤติกรรมของพวกเขาก็ตาม แต่สุดท้ายสเปอร์ก็ยอมรับข้อเสนอกับสโมสรของเซอร์อเล็กซ์ในที่สุด
ดาวเตะบัลแกเรียนกล่าวว่า "ผมรู้สึกดีใจมากที่เขาทุ่มเวลาให้กับผม เขามาคว้าตัวผมเอาไว้เลยที่สนามบิน มันช็อคมาก แต่มันช่างน่าปลื้มจริงๆที่ได้รู้จักกับเขา"
"ความสัมพันธ์ระหว่างแมนยูไนเต็ดกับสเปอร์ค่อนข้างตึงเครียดอยู่ แต่สุดท้ายเรื่องใหญ่ๆทั้งหมดก็จบลงด้วยดี"
เมื่อได้ถามว่าทำไมเขาถึงไม่อยากย้ายไปแมนเชสเตอร์ซิตี้ เขากล่าวเพิ่มว่า "เรื่องเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ผมมีความตั้งใจอยากจะเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมากกว่า ผมเล่นให้ได้ เขาจะจ้างแค่1,000 หรือจะให้ 50,000 มันแทบจะไม่ต่างกันเลยสำหรับผม เพราะผมจะเล่นให้กับยูไนเต็ด"
นอกจากนี้เบอร์บาตอฟยังอธิบายอีกว่า ทำไมเขาถึงได้ปฏิเสธแมนซิตี้ไปในปี2008นั้น
เขาย้ายมาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหลังจากมีสองปีที่ประสบความสำเร็จกับสเปอร์ ดาวเตะบัลแกเรียเผชิญกับตลาดนักเตะวันสุดท้ายอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งเริ่มต้นวันด้วยการที่ซิตี้บิดเงินให้34ล้านปอนด์กับทางท็อตแน่ม แต่ว่ายูไนเต็ดถึงกับโฉบเข้ามาตัดหน้าสกัดเบอร์บาตอฟอย่างทันควันตอนที่เขาบินมาถึงสนามบินแมนเชสเตอร์ (เพื่อจะไปคุยกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ แต่หารู้ไม่ เมืองนี้มันมีสองทีมโว้ย!!! : ผู้เขียน)
และสุดท้ายพวกเขาก็จับเซ็นสัญญาได้สำเร็จในช่วงเวลาเลทๆของวันนั้น
Do Arts & Judas
"เวลาที่คุณรู้ว่า ทีมอย่างแมนยูอยากได้ตัวคุณ มันก็เหมือนม้าที่ติดที่บังตานั่นแหละ" เขากล่าวกับESPN FC. "ผมไม่สนทีมอื่นเลย ซิตี้ให้เงินเยอะกว่าอีก แต่ทีมพวกเขาอ่อนกว่าและประวัติศาสตร์ก็เทียบกันไม่ได้เลยกับยูไนเต็ด"
"เวลาผมยืนอยู่ในอุโมงค์ ในฐานะนักเตะแมนยู ผมได้เห็นโรนัลโด้, รูนีย์, กิ๊กส์, สโคลส์, เนวิลล์, วิดิช, ริโอ, เอฟร่า, เอ็ดวิน ฟานเดอซาร์ ผมบอกกับตัวเองว่า เบอร์บา มึงต้องเก็บรักษาช่วงเวลาเช่นนี้ให้คงอยู่ตลอดไปนะเพื่อน และหลังจากที่ผมกวาดตามองเห็นเพื่อนในทีมว่ามีใครบ้าง จากนั้นผมก็หันไปมองที่คู่แข่ง พวกเขาก็แทบจะพ่ายแพ้ไปแล้วเรียบร้อย"
Invulnerable Trio แค่แผงหลังคู่แข่งเห็นสามคนนี้ลงพร้อมกันก็แทบจะยอมแพ้แล้ว
"เวลาที่คุณเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง ผมจะต้องพบการที่ต้องตัดสินใจเช่นนี้" เขาพูดถึงการที่ต้องย้ายออกจากท็อตแน่ม "ผมต้องการที่จะคว้าแชมป์ และเล่นให้กับสโมสรที่ใหญ่ที่สุด และสโมสรที่ว่านั่นในอังกฤษก็คือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด พวกเขาสนใจตัวผมมาก่อนหน้านี้แล้ว และผมคิดว่า ถ้าพวกเขาติดต่อมาอีกครั้ง ผมจะไม่ยอมพลาดโอกาสนั้นอีก"
"เอเย่นของผมโทรมาและบอกว่า ยูไนเต็ดสนใจอยากจะเซ็นกับเราอีกครั้งแล้ว ผมคิดว่าเขาอำในตอนแรก แต่ผมเชื่อเอเย่นของผม และเขาพูดว่า นายจะอยู่ในคอมฟอร์ทโซนที่นี่ก็ได้ หรือจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นในอาชีพของตัวเอง"
"มันตัดสินใจได้ไม่ยากเลย แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นแชมเปี้ยนของทั้งเกาะอังกฤษ และเป็นแชมป์ยุโรป พวกเขามีนักเตะที่ดีที่สุด พวกเขามีเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และก็โอลด์แทรฟฟอร์ด ผมจะไม่ไปได้ยังไง"
"เมื่อผมได้เซ็นสัญญาแล้ว ผมรู้สึกเหมือนผมได้รางวัลตอบแทนจากทุกสิ่งที่ผมฝ่าฟันมาตลอดชีวิต เช่นเดียวกันกับเนมันย่า วิดิช ผมเองก็มาจากเมืองเล็กๆ จากประเทศเล็กๆในยุโรปตะวันออก แต่ว่าสุดท้ายพวกเราก็ก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดเช่นกัน"
--------------------------------------------------------
และนี่คือทั้งหมดทั้งมวลของการย้อนอดีตเรื่องราวความเป็นมา ทุกซอกทุกมุม ทั้งเหตุการณ์ ความคิด และสิ่งที่เกิดขึ้นในช็อตไฮแจ็คบันลือโลกที่โชว์กึ๋นโคตรเก๋าของบรมกุนซืออย่างเซอร์อเล็กซ์ ที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้เป้าหมายของเขาได้ไปพูดคุยกับศัตรูคู่แข่ง เพราะป๋ารู้ดีว่า ถ้าปล่อยให้เบอร์บานั่งรถไปพูดกับซิตี้เมื่อไหร่ ดีลจะจบทันทีและเขาก็จะต้องพลาดโอกาสการได้โคตรดาวเตะคนนี้ร่วมทีมไปตลอดกาลแน่ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งกว่าในหนัง เมื่อป๋าเหนือชั้นกว่าด้วยการเดินทางมาดักตั้งแต่เขาแลนดิ้งถึงแมนเชสเตอร์ กลับกลายเป็นว่าดีล34ล้านของซิตี้ที่ส่งเฮียเบิร์บมาที่แมนเชสเตอร์นั้น กลับกลายเป็นการถวายพานมาเข้าเงื้อมมือของรังปีศาจแดงโดยตรงเลย
มันก็เหมือนเป็นการ เอาเฟซบุคสาวสวยคนนึงไปโพสต์โม้ในกลุ่มไลน์ว่ากำลังจีบคนนี้อยู่ โดยที่ไม่คิดว่า ในกลุ่มไลน์ของเรามันก็มีเพื่อนเราที่หล่อกว่า เหมือนเอาเนื้อไปเสิร์ฟถึงที่ สุดท้ายไอ้หล่อนั่นแหละแอดไปหา แล้วพาไปกินเองยังไงยังงั้นนั่นแหละ!
บทความนี้ถูกรวบรวมเนื้อหามาจาก3ถึง4 articles เข้าด้วยกัน จากเหตุการณ์นี้ แต่หลายแง่มุมหลายครั้งที่เฮียเบิร์บได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ เรียบเรียงผสมขึ้นใหม่ เขียนขึ้นเพื่อที่จะย้อนอดีตเรื่องราวดีๆที่เคยเกิดขึ้นกับดีลของเบอร์บาตอฟอีกครั้ง ในโอกาสที่พี่เบิร์บได้ประกาศแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อยในวัย38ปี เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดเวลา หลังจากที่เฮียเบิร์บออกจากแมนยูไนเต็ด เห็นชัดเจนว่าเขารักสโมสรนี้มากแค่ไหน ก็มากพอๆกับที่เห็นริโอ เอฟร่า ปฏิบัติกับแมนยูไนเต็ดเช่นไร พี่เบิร์บก็เป็นแบบนั้นแหละ
แต่ผมอยากให้แฟนแมนยูรู้เอาไว้อีกเรื่องหนึ่งว่า เฮียประกาศแขวนสตั๊ดในวันเดียวกันกับที่เขาระเบิดแฮททริกโคตรพ่อโคตรแม่เจ๋งใส่ลิเวอร์พูลในวันเดียวกันนี้เมื่อ9ปีที่แล้ว เมื่อ 19 กันยายน 2010 เช่นกัน
แฮททริกธรรมดาโลกไม่จำ เลยต้องยิงท่าแบบนี้ให้มันเป็นตำนาน
ตลอดชีวิตการค้าแข้งเขาเคยอยู่กับทั้งหมด8สโมสร ลงเล่นไป 665 นัด ยิงไปทั้งหมด 281 ประตู โดยที่กับแมนยูไนเต็ด เล่นไป149นัด กดไป56ประตู สวยๆทั้งนั้น สโมสรที่เขายิงได้เยอะๆช่วงขึ้นมาใหม่ๆก็คือตอนอยู่เลเวอร์ กดไป 91ประตูได้ แต่ทุกช่วงเวลา ทุกวินาทีที่อยู่กับยูไนเต็ด มันคือความสวยงามที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะเป็นจุดสูงสุดของอาชีพการค้าแข้งของดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟตลอดไป
บทความนี้เพื่อจะส่งท้ายขอบคุณที่เฮียได้มาเล่นให้กับพวกเราเช่นกัน และเรารู้ดีว่าเฮียเก่งขนาดไหน คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้วว่า เบอร์บาตอฟ คือหนึ่งในตำนานนักเตะของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคนนึงที่ถือว่า "คลาสการเล่นสูงมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์" 141ปีของสโมสรเรา เขาคืออีกนักเตะที่ยืนหนึ่งอยู่ในเลเวลด้านบนสุดเช่นกัน
ผมเชื่อว่าไม่มีใครลืม "เบิร์บเทิร์น" (หรือ Berba Spin) ช็อตในตำนานดอกนั้นได้อย่างแน่นอน ติดตาตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้กับลูกคิลเลอร์พาสมาจากแอนเดอร์สัน และพี่เบิร์บวิ่งไปจนสุดเส้น จากนั้นกดshift + ขวา + บน/ล่าง เมื่อสูตรกดติด เฮียจะหมุนบอลเข้ามาทิศทาง90องศาแบบนิ่มๆ เหมือนขยี้ไข่ออนเซ็นลงบนพรมเปอร์เซียมุมฉาก จากนั้นแทงยัดเรียดมาให้โด้จิ๋วเข้าฮอร์สอย่างสวยงามชนิดว่าเป็น "ที่สุดของความสมบูรณ์แบบในการเข้าทำ" ไอ้เรื่องการเล่นแบบperfectionistแบบนี้ ไม่มีใครเกินเฮีย ...และจะบอกให้ว่า เหยื่อผู้โชคร้ายวันนั้นก็คือเวสต์แฮมนี่แหละ!
ทั้งหมดนี้เขียนขึ้นมาส่งเฮีย ที่ผ่านมาตลอดทุกปีไม่ว่าจะตลาดซื้อขายไหนๆ ผมมักจะจินตนาการว่า ทีมเราอาจจะไปฉกนักเตะดีๆมาเข้าทีมกันถึงสนามบินในวินาทีสุดท้าย เหมือนที่เคยเกิดกับเฮียเสมอเลย เรื่องของเฮียทำให้ผมรู้ว่า เฟอร์กี้ไทม์ไม่ได้มีแค่ในสนามบอล แต่ตลาดนักเตะป๋าก็โชว์ปาฏิหาริย์ให้เราได้เห็นในนาทีสุดท้ายเช่นนี้เหมือนกัน
พวกเรารักเฮียมากครับ จะจดจำตลอดไป..ศิลปินเพชรฆาตผู้ร่ายรำอยู่บนเหนือผืนหญ้าต่อหน้าRed Devilsทั้งโลก
Dimitar Ivanov Berbatov ..มาเฟียเบอร์9แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด
-ศาลาผี-
References
https://www.football365.com/news/berbatov-explains-why-he-rejected-man-city-for-man-united
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/dimitar-berbatov-retires-football-brilliant-20098985
**ที่บังตาม้าคือ อุปกรณ์ที่บังสายตาม้าไม่ให้มองเห็นด้านข้าง จะได้ไม่เสียสมาธิและพุ่งตรงไปที่เป้าหมายข้างหน้ามั่นคงยิ่งขึ้น