แมน : สวัสดีครับคุณฟลุ๊ค ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ได้ข่าวว่าเพิ่งจะได้ลูกชายชื่อน้องเรย์ใช่มั้ยครับ ตอนนี้คุณฟลุ๊คกำลังดูแลภรรยาและลูกอยู่รึเปล่าครับ

ธนวัชร์ : โอ้วใช่ครับ ขอบคุณมากเลยครับคุณแมน ตอนนี้กำลังอยู่กับลูกเลยครับ

แมน : น้องเรย์เป็นคนที่สองหรือเปล่าครับ คนโตถ้าจำไม่ผิดชื่อน้องริโอ ใช่มั้ยครับ

ธนวัชร์ : ใช่ครับ ลูกชายทั้งสองคนเลย แทบจะหัวปีท้ายปีเลยครับ

แมน : ดีครับๆ จะได้เป็นเพื่อนเล่นกันได้ แล้วก็แสดงความยินดีอีกเรื่องกับการที่ ราชบุรี เข้าไปชิงเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จด้วยนะครับ ผมอยากจะถามคุณฟลุ๊คว่าความรู้สึกในการเข้าชิงครั้งนี้ กับโอกาสเป็นแชมป์ มีความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ มั้ย

ธนวัชร์ : เราเคยเข้าชิงลีกคัพมา 2 ครั้งในปี 2012 กับ 2013 ได้แค่รองแชมป์ทั้ง 2 ครั้ง และเคยเป็นแชมป์ร่วมเอฟเอ คัพ ครั้งนึงเมื่อปี 2016 ถามว่าครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ มั้ย ผมว่าแตกต่างอยู่แล้วครับ เพราะนักเตะก็แทบจะเป็นคนละชุดกันเลย ชุดนี้ที่เคยลงเล่นนัดชิงก็มีแค่ เอกลักษณ์ ทองกริต ส่วน อุกฤษณ์ วงมีมา ตอนนั้นจำได้ว่าไม่ได้ลง คนอื่นๆ ผมก็นึกไม่ค่อยออกแล้ว ผมว่าฟุตบอลมันเทียบกันแต่ละนัดไม่ได้หรอกครับ เพราะผมเชื่อว่าตั้งแต่ตอนจับสลากทั้ง 3 ทีม ไม่ว่าจะบุรีรัมย์, การท่าเรือ หรือ บียู ต่างก็อยากเจอ ราชบุรี ที่สุดอยู่แล้ว เพราะเราเพิ่งจะแพ้ บุรีรัมย์ 0-6 มาหมาดๆ เจอเราใครก็คิดว่าน่าจะง่ายสุด แต่เรากลับสามารถเอาชนะบุรีรัมย์ได้ในบอลถ้วย เพราะฉะนั้นผมคิดว่ามันต้องรอดูวันแข่งนัดชิงเท่านั้นครับ ผลงานที่ผ่านๆ มาเอามาอ้างอิงอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

แมน : พัฒนาการที่ดีขึ้นของทีมในช่วงเลกที่สอง คุณฟลุ๊คคิดว่าสาเหตุเกิดจากอะไรครับ

ธนวัชร์ : หลายๆ อย่างเลยครับ ทั้งทีมงานทุกคนที่มีส่วนร่วมในการช่วยกันทำให้สโมสรของเราพัฒนาขึ้นในทุกๆ ด้าน ทั้งทีมสตาฟฟ์โค้ช และนักเตะด้วย การที่เราได้ (ลอสเซมี่) การาบูเอ้ เข้ามาก็ถือเป็นส่วนสำคัญให้แผงกองกลางของเรามีความสมดุลมากขึ้นด้วย

แมน : บอล จักรพันธ์ พรใส เข้ามาและมีส่วนร่วมกับทีมเยอะมากเลยนะครับ แล้วแบบนี้พอจบฤดูกาลทีมวางแผนคว้าตัวเขามาร่วมทีมเป็นการถาวรเลยมั้ย เพราะเท่าที่ผมเคยคุยกับบอล เขาบอกว่ามีความสุขมากๆ เพราะที่นี่ทำให้เขามีโอกาสได้ลงสนาม ได้ปลดปล่อยความอึดอัดก่อนหน้านี้ออกมา

ธนวัชร์ : สำหรับบอล ผมมองว่าศักยภาพของเขาไม่มีใครสงสัยอยู่แล้ว แต่ด้วยอายุในวัย 32 ปี หากไปอยู่กับทีมใหญ่ๆ โอกาสที่จะลงสนามสม่ำเสมอก็คงไม่ง่ายแล้ว ทีมประมาณระดับราชบุรีน่าจะเหมาะกับเขาที่สุด ซึ่งเราทุกคนก็แฮปปี้กับผลงานของเขา แต่เรื่องการเซ็นสัญญามันมีเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่าง ถ้าถามผมว่าอยากได้เขามาอยู่กับเรามั้ย ก็ต้องอยากอยู่แล้ว ผมมีแผนที่จะเซ็นกับเขาอยู่แล้วล่ะ แต่เรื่องนี้มันอยู่ที่ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่แค่ทางสโมสรหรือนักเตะเท่านั้นครับ คงต้องรอให้จบฤดูกาลก่อนแล้วค่อยมาคุยกันอีกที กับทุกๆ คน ไม่ใช่แค่บอลหรอกครับ

แมน : ตัวต่างชาติในทีมปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงมั้ยครับ

ธนวัชร์ : น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากครับ ผมอยากรักษานักเตะกลุ่มนี้ไว้ด้วยกันให้มากที่สุด อย่าง สตีเว่น (ล็องจิล), ยานนิค (โบลี่), ลอสเซมี่ (การาบูเอ้) ก็ยังมีสัญญากันอยู่ทั้งหมดครับ

แมน : ในฤดูกาลนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นนะครับ อย่าง เชียงราย หรือ สมุทรปราการ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นแล้วก็ดูจะมีทีมเวิร์คและความเข้าใจแท็กติกที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่หลายๆ ทีมที่เปลี่ยนผู้เล่นเยอะๆ อย่างเช่น บุรีรัมย์ ก็เจอปัญหาเรื่องการปรับตัวมากทีเดียว กว่าจะจูนกันติดไม่ง่ายเลย ยังต้องลองผิดลองถูกกับนักเตะต่างชาติที่จะเข้ามาแทน ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนจะยังไม่เจอคนที่ใช่ด้วย

ธนวัชร์ : ถูกต้องครับ นักเตะบางคนอาจจะต้องใช้เวลาการปรับตัวกับเกมไทยลีก แต่ผมว่ามันไม่ใช่การลองผิดลองถูกหรอกครับ การที่พอเห็นว่าสิ่งที่มีอยู่มันยังไม่ใช่แล้วรีบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผมมองว่านั่นคือการแสดงให้เห็นแล้วว่า บุรีรัมย์ เขาไม่ได้นิ่งเฉยกับปัญหา แต่การเซ็นนักเตะมาร่วมทีมเราไม่มีทางรู้หรอกครับว่าจะเวิร์คหรือเปล่า ทำไมอย่าง เจย์ โบธรอยด์ เขามาเล่นไทยลีกแล้วคนตัดสินว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จ แต่พอไปอยู่เจลีก เขากลับยิงถล่มทลาย การจะได้นักเตะที่ใช่สำหรับแต่ละทีมมันไม่ได้ค้นพบกันง่ายๆ เลยครับ

แมน : คุณฟลุ๊คพอใจกับนักเตะต่างชาติของ  ราชบุรี ในปีนี้แค่ไหนครับ

ธนวัชร์ : พอใจมากนะครับ สตีเว่น (ล็องจิล) เขาก็เป็นสุดยอดนักเตะคนนึงของไทยลีกในตอนนี้เลย ยานนิค (โบลี่) เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่ตลอด แล้วยิ่งพอเราได้ ลอสเซมี่ (การาบูเอ้) เข้ามาเล่นร่วมกับ กฤษณนน (ศรีสุวรรณ) ก็ยิ่งลงตัวมากขึ้น รู้มั้ยคุณแมน เรื่องนี้ต้องโทษเชียงรายเลยนะ หลายปีก่อนผมเคยขอซื้อ พิธิวัต (สุขจิตธรรมกุล) แต่ขอเท่าไหร่เชียงรายก็ไม่ยอมขาย จนวันนี้ผมมี กฤษณนน ซึ่งผมมองว่าสองคนนี้คือคู่กองกลางของทีมชาติไทยในอนาคต ถึงตอนนี้ กฤษณนน ยังไม่ได้รับโอกาส แต่ยังไงวันนึงก็ต้องติดแน่นอนครับ

แมน : แล้ว ยู จุน-ซู ล่ะครับ ตอนนี้เขาเป็นเซ็นเตอร์ตัวหลัก ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญเลยมั้ยครับในเลกที่สอง

ธนวัชร์ : แน่นอนเลยครับ เขาทำให้เกมรับของเราแข็งแกร่งขึ้นมาก การที่เขาเล่นร่วมกับ ปวีร์ (ตัณฑะเตมีย์) ซึ่งเราภูมิใจมากๆ ที่สร้างและให้โอกาสเขาขึ้นมาตั้งแต่เยาวชนจนมีชื่อในทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว รวมถึง เอกลักษณ์ ทองกริต ที่ผมอยากจะบอกว่าอย่าไปดูที่อายุของนักเตะ ถึงตอนนี้จะอายุ 36 แล้ว แต่เขาเคยอยู่กับทีมเรามานานและแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย

แมน : โควตาเอเชียนี่สำคัญมากนะครับ ไม่ง่ายเลยที่จะหานักเตะอย่าง ยู จุน-ซู หรือ โก ซึล-กี ที่มีทั้งคุณภาพและความเป็นผู้นำด้วย

ธนวัชร์ : สำคัญมากครับ สิ่งเดียวที่ผมต้องการจาก ยู จุน-ซู มากกว่านี้ก็คือความเป็นผู้นำ เขาต้องเป็นลีดเดอร์ให้แนวรับของเราในการสั่งการได้มากกว่านี้ ซึ่งผมก็คุยกับเขาอยู่แล้วครับ ว่าอยากให้เขาแสดงความเป็นผู้นำออกมาให้มากกว่านี้

แมน : ตอนนี้ ฟิลิปป์ โรลเลอร์ คือกัปตันทีม อะไรคือเหตุผลที่เลือก ฟิลิปป์ ครับ

ธนวัชร์ : ฟิลิปป์ คือสุดยอดนักเตะครับ เขาทุ่มเทและมีความเป็นผู้นำสูงมาก คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม และแอคทีฟตัวเองตลอดเวลา ย้อนกลับไปปีแรกที่เราคว้าเขามาร่วมทีม ผมขอเปรียบเทียบกับ เควิน (ดีรมรัมย์) สำหรับ เควิน เขาคือนักเตะที่เก่งมากๆ และพร้อมที่จะขึ้นไปเล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้เลย แต่ ฟิลิปป์ ยังไม่ใช่ ตอนที่ฟิลิปป์ถูกเรียกไปติดทีมชาติ ผมบอกกับเขาตรงๆ เลยนะ ว่าผมคิดว่าคุณยังไม่ถึง เขาเองก็น้อยใจว่าทำไมทุกๆ คนชมว่าเขาเก่ง แต่บอสกลับไม่เคยชมเขาเลย หรือตอนช่วงปีก่อนที่เขามีหลายๆ ทีมสนใจอยากดึงไปร่วมทีม เขาก็บอกผมว่ามีทีมสนใจเขา ทำไมบอสก็ยังพูดว่าเขายังไม่ดีพอ ผมก็บอกว่าถ้าผมคิดว่าคุณไม่เก่งพอแล้วยังชมคุณอีกผมก็เป็นบอสคุณไม่ได้สิ ผมต้องวิจารณ์คุณตามความเป็นจริง แล้วถ้าคุณเชื่อผมและพัฒนาตัวเองคุณจะเก่งกว่านี้แน่นอน และอย่าลืมว่าตอนนี้เขาเพิ่งอายุ 25 เองนะครับ

แมน : ฟิลิปป์ พูดไทยได้มั้ยครับ

ธนวัชร์ : ฟังได้ครับ แต่ในทีมตอนนี้นักเตะไทยก็สื่อสารภาษาอังกฤษกันพอได้ครับ ฟิลิปป์เขาก็สามารถเป็นสื่อกลางระหว่างนักเตะไทยกับต่างชาติได้ เขามีอิทธิพลทั้งในห้องแต่งตัวและในสนามสำหรับทีมเราอย่างมากครับ

แมน : ตอนนี้คุณฟลุ๊คชมฟิลิปป์ ได้เต็มปากหรือยังครับ เขาเหมาะสมกับโอกาสในทีมชาติไทยยุคนี้มั้ย

ธนวัชร์ : ต้องติดครับ ผมว่าแบ็คขวาในเมืองไทยตอนนี้เขาคือท็อปทูครับ ส่วนอีกคนจะเป็นใครลองไล่ๆ กันดูแล้วกัน 555

แมน : ความรู้สึกผมนะ ผมมองว่า ฟิลิปป์ เหมาะกับการเล่นเกมรุกมากกว่าเกมรับ

ธนวัชร์ : แต่สำหรับผม ฟิลิปป์ คือวิงแบ็คฝั่งขวาครับ หรือจะเป็นฟูลแบ็คเขาก็เคยเล่นให้เราและทำได้ดีด้วย ตอนนี้สิ่งที่เขาพัฒนาขึ้นมากคือจังหวะการวิ่งตัวเปล่า การเลือกเล่นว่าจังหวะไหนจะเลี้ยงจะครอสหรือจะยิง เขาเก่งมากครับ ถ้าแบ็คซ้ายทีมชาติไทยมีคนที่วิ่งตัวเปล่าดีอย่าง ธีราทร แบ็คขวาผมก็มองว่าเป็น ฟิลิปป์ นี่ล่ะครับ

แมน : แบ็คซ้ายของราชบุรี ตอนนี้ก็มี จิรวัฒน์ ทองแสงพราว ที่เป็นดาวรุ่งขึ้นมากลายเป็นตัวหลัก เห็นว่าจะมีชื่อในชุดซีเกมส์กับปรีโอลิมปิกด้วยนะครับ ตำแหน่งแบ็คซ้ายในรุ่นนี้ก็ไม่ค่อยมี ที่นึกออกคงเป็น จตุรภัทร สัทธรรม แล้วก็ เควิน ดีรมรัมย์

ธนวัชร์ : ผมสงสัยว่าทำไม จิรวัฒน์ ถึงเพิ่งติดมากกว่าครับ จริงอยู่ที่บางเกมเขาอาจจะมีจังหวะผิดพลาดบ้าง แต่เขาก็กลับมาได้เร็ว เด็กเพิ่งอายุ 20 และเล่นไทยลีกเป็นปีแรกทำได้ขนาดนี้ กลายเป็นตัวหลักได้ ต้องถือว่าเขาไม่ธรรมดาครับ ส่วน เควิน ผมมองว่าเขาต้องเล่นชุดใหญ่แล้วครับ อาจจะคอยเป็นตัวสแตนด์บายยของ ธีราทร ก็ได้

แมน : โค้ชเจี๊ยบ (สมชาย ไม้วิลัย) ล่ะครับ ฤดูกาลหน้าจะให้แกคุมต่อเลยมั้ย เพราะน่าจะเป็นคนที่อยู่กับทีมมานานและรู้วัฒนธรรมต่างๆ ภายในทีมมากที่สุดแล้ว แต่อาจจะติดปัญหาเรื่องไลเซนส์ ผมเคยได้ยินข่าวว่า สก็อตต์ คูเปอร์ จะเข้ามาทำทีมนี่มีมูลมั้ยครับ

ธนวัชร์ : ไม่มีครับ ยังไม่ได้คุยกับใครจริงจังเลย คงต้องรอให้จบฤดูกาลก่อน พี่เจี๊ยบเห็นไม่มีไลเซนส์ อย่างนี้แกผ่านการเป็นผู้ช่วยโค้ชระดับโปรมาแล้วหลายคนนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ริคาร์โด้ (โรดริเกวซ), (อีวาน) ปาลันโก้, โฆเซฟ (เฟร์เร), ปาเชต้า, (ลาซาด) ชาบบี้ รวมถึง มาร์โก (ซิโมเน่) เพราะฉะนั้นประสบการณ์ของพี่เจี๊ยบไม่ธรรมดาแน่นอน อีกอย่างตั้งแต่พี่เจี๊ยบคุมทีม ตอนนี้ในลีกเราชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ไปแค่ 3 เกม แถมได้เข้าชิงเอฟเอ คัพ ด้วย เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงโค้ชในตอนนี้ไม่มีความจำเป็นเลยครับ ส่วนเรื่องไลเซ่นส์ ต้องดูว่าช่วงเวลาของการอบรมมันจะลงล็อคกับการทำงานสโมสรแค่ไหน แต่เราอยากสนับสนุนผลักดันพี่เจี๊ยบให้ไปอบรมอยู่แล้วครับ

แมน : ขอถามเรื่องนี้หน่อยครับ ภาพลักษณ์ของคุณฟลุ๊คที่แฟนบอลหลายๆ คนมอง คือคนหนุ่มที่อาจจะอารมณ์ร้อน คุณฟลุ๊คน่าจะทราบอยู่แล้ว คิดว่าตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมั้ยครับ

ธนวัชร์ : ผมเข้ามาทำทีมฟุตบอลตั้งแต่เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งอายุ 20 กว่า เรายังไม่ค่อยมีภูมิต้านทานต่อเรื่องที่มาสะกิดเท่าไหร่ จริงๆ สมัยก่อนผมสะกิดได้ง่ายกว่าตอนที่เกิดเรื่องอีกนะครับ แต่หลังจากนั้นมา ผมเริ่มเข้าใจอะไรๆ ในวงการนี้มากขึ้น สิ่งที่ผ่านมาก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมมีภูมิต้านทานมากขึ้น อย่างแต่ก่อนผมแคร์ทุกความเห็นของทุกคนเลย เวลาไปเจอคอมเม้นท์ด่าสโมสร ผมยอมรับว่ารู้สึก แต่พอเหตุการณ์ผ่านไปคนที่เป็นแฟนบอลราชบุรีจริงๆ ถึงแม้อาจจะมีด่าบ้าง แต่วันที่เราชนะ เขาก็มีความสุข ฉลองไปกับเรา นั่นแหละครับ ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา มันทำให้วันนี้ผมสามารถปล่อยวางกับเรื่องที่ไม่ถูกใจได้มากขึ้นครับ

แมน : คุณฟลุ๊คเคยอ่านคอลัมน์ผมมาก่อนมั้ยครับ

ธนวัชร์ : เคยอ่านที่สัมภาษณ์โค้ชเฮง (วิทยา เลาหกุล) ครับ

แมน : อ๋อ พี่เฮงนี่แค่คนเห็นชื่อแกยังไม่ทันอ่านเนื้อหาก็ด่าแล้วครับ เชื่อผมมั้ยล่ะคุณฟลุ๊ค ว่าคอลัมน์นี้ออกไป ก็จะมีคนมาด่าเพราะเห็นชื่อคุณฟลุ๊คเหมือนกัน 555

ธนวัชร์ : 555 เข้าใจครับ คนจะไม่ชอบ ให้ทำยังไงคนมันก็ไม่ชอบอยู่ดีครับ

แมน : โอเคครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับคุณฟลุ๊ค

ธนวัชร์ : ขอบคุณมากครับคุณแมน

ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)