เพราะถัดมาคืนวันอาทิตย์ สุภโชค สารชาติ สามารถเสกประตูให้ “ปราสาทสายฟ้า” ที่เกมรุกสุดตื้อ เฉือน ชัยนาท ฮอร์นบิล เก็บสามคะแนนได้สำเร็จ

สถานการณ์หลังผ่าน 27 นัด สิงห์ เชียงรายฯ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต้มกลับมาเท่ากันที่ 51

หลายฤดูกาลแล้ว ที่แชมป์ไม่ได้ถูกฟัดกันจนถึงนัดสุดท้ายเช่นนี้ ทำให้เป็น 3 แมตช์สุดท้ายที่ค่อนข้างระทึกสำหรับแฟนบอลทั้งสองทีม

การเก็บได้เพียง 1 คะแนนของ เชียงรายฯ อาจเป็น “ผลร้าย” ของพวกเขา เพราะก่อนหน้ามีแต้มต่ออยู่ถึง 2

แต่ถึงกระนั้นลูกทีม ไอล์ตัน ซิลวา ยังคงถือไพ่เหนือกว่าในมือไว้ตามเดิม จากกฎ “เฮด ทู เฮด” ที่ถูกหยิบมาใช้ในกรณีที่คะแนนเท่ากัน

ซีซั่นนี้ เชียงรายฯ บุกไปยันเสมอ บุรีรัมย์ฯ ถึง ช้าง อารีนา แบบไร้สกอร์ ก่อนมาเปิด สิงห์ สเตเดียม ไล่ยำลูกๆของ เนวิน ชิดชอบ เละเทะ 4-0

หมายความว่าต่อให้ บุรีรัมย์ฯ ชนะ ในอีก 3 เกมที่เหลือ แต่หาก เชียงรายฯ ยังรักษาผลการแข่งขันด้วยการชนะรวดไว้ได้เช่นกัน โทรฟี่ไทยลีกจะถูกเนรมิตไปไว้ที่เมืองเหนือทันที

เหลียวมองโปรแกรม เชียงรายฯ ที่ยังต้องไปเยือน พีทีที ระยอง กลับมาเฝ้าบ้านรับ พีที ประจวบ ก่อนออกไปเยือน สุพรรณบุรี เอฟซี ปิดท้าย

แม้ศักยภาพของ “กว่างโซ้งมหาภัย” ดีพอที่จะหยิบ 3 คะแนนมาจากทีมเหล่านี้ได้ แต่อย่างลืมว่าพวกเขาต้องเจอกับทีมกลุ่มหนีตายอย่าง สุพรรณบุรี ที่พร้อมสู้หลังพิงฝา ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

ไหนจะสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่า “ความกดดัน” พร้อมประเคนใส่ทีม รวมถึงปัจจัยธรรมชาติอย่าง ฟ้า ฝน ที่ส่งผลต่อรูปเกมการเล่น

หาก “ไม่นิ่งพอ” มีโอกาสสะดุดล้ม ปล่อยถ้วยหลุดจากมือได้

อย่างไรก็ดี “คู่ต่อสู้” อย่าง บุรีรัมย์ฯ เอง ก็มีงานช้างแสยะยิ้มรอพวกเขาเช่นกัน

ทัพปราสาทสายฟ้าต้องออกไปเยือนทั้ง นครราชสีมา มาสด้า และ เชียงใหม่ เอฟซี ที่อยู่ระหว่างดิ้นหนีตกชั้นอย่างเต็มที่ รวมถึง มาห้ำหั่นกับ การท่าเรือ เอฟซี อีก ซึ่งแมตช์นี้หากใครพลาดท่าแพ้ ก็แทบจะบอกลาการลุ้นแชมป์ไปได้เลย

ยังไม่นับรวมถึงฟุตบอล โตโยต้า ลีก คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่ บุรีรัมย์ฯ ต้องฟัดกับ ประจวบ อีก ในขณะที่ เชียงรายฯ ไม่มีโปรแกรม และได้พักเตรียมทีมให้พร้อมที่สุดสำหรับ 3 นัดสุดท้าย

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ถึงตรงนี้ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ เชียงรายฯ แล้ว ว่าจะหยิบจับโทรฟี่ที่ถือในมือข้างหนึ่งแล้ว ไว้ได้หรือไม่

บางทีแชมป์ไทยลีกฤดูกาลนี้ นอกจากจะเป็นทีมที่เก่งสุดแล้ว ยังต้องยืนระยะ และรักษามาตรฐานการเล่นให้สม่ำเสมออีกด้วย

เป็น 3 เกมสุดระทึกที่ “วัดใจ” ว่าพวกเขา “นิ่ง” และมีสมาธิพอ ท่ามกลางสมรภูมิรบสีเขียวมากความกดดันนี้หรือไม่

หากทำได้ ก็คู่ควรกับโทรฟี่ใบนี้ด้วยประการทั้งปวง

เพราะคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจที่สุดของ เชียงรายฯ ไม่ใช่ทั้ง พีทีที ระยอง, ประจวบ, สุพรรณบุรี หรือ บุรีรัมย์

แต่คือตัวเอง…