:::     :::

ปัญหาบาร์ซ่า...

วันอังคารที่ 24 กันยายน 2562 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
3,920
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บาร์เซโลน่า มีปัญหากับเกมนอกบ้านตั้งแต่ช่วงปลายซีซั่นก่อนต่อเนื่องจนถึงต้นฤดูกาลนี้จนสะกดคำว่าชนะไม่เป็นตลอด 7 เกมที่ผ่านมาจนถึงเกมล่าสุดที่พ่ายแม้กระทั่งทีมน้องใหม่ กรานาด้า 0-2

ทีมอาซูลกราน่าออกสตาร์ทแย่สุดในรอบ 25 ปีเก็บได้เพียง 7 แต้มจากการลงเล่น 5 เกมแรกของซีซั่นและยังถูกทะลวงมากถึง 9 ประตู เฉลี่ยเกือบนัดละ 1.8 ประตู ผิดวิสัยของทีมที่ตั้งเป้าคว้าแชมป์ทุกรายการที่มีส่วนร่วมและไม่สมกับมูลค่าทีมแม้แต่น้อย

บาร์เซโลน่า ลงทุนมากกว่า 200 ล้านยูโรเพื่อดึง อองตวน กรีซมันน์, เฟรงกี้ เดอ ย็อง กับ เอคตอร์ จูเนียร์ ฟีร์โป เข้ามาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนมองว่าเหมือนพยัคฆ์ติดปีกโดยเฉพาะการย้ายมาร่วมทีมของ กรีซมันน์ กับ เดอ ย็อง ทว่าผลงานที่ออกมาในช่วงต้นซีซั่นถือว่าผิดจากคาดไปไม่น้อย


เกิดอะไรขึ้นกับบาร์ซ่า? คงเป็นคำถามยอดฮิตของใครหลายคนโดยเฉพาะสาวกบาร์เซโลนิสต้าทุกหมู่เหล่า ทั้งที่ฤดูกาลเพิ่งผ่านไปเพียง 5 นัด แต่แชมป์สองสมัยล่าสุดพ่ายไปแล้ว 2 เกม โดยคว้าชัยชนะเฉพาะ 2 เกมที่ลงเล่นใน'คัมป์ นู'เท่านั้น 

ทั้งสองเกมเป็นการชนะด้วยสกอร์ 5-2 เท่ากันทั้งกับ เรอัล เบติส และ บาเลนเซีย แต่ก็ยังเสียท่าให้คู่แข่งถึง 4 ประตู อีก 3 นัดนอกบ้านเก็บได้เพียงแต้มเดียวจากเกมเสมอ โอซาซูน่า 2-2 ส่วนการเยือน แอธเลติก บิลเบา กับ กรานาด้า ปราชัยด้วยสกอร์ 0-1 กับ 0-2 ตามลำดับ โดยเฉพาะกับสองน้องใหม่ทั้ง โอซาซูน่า กับ กรานาด้า ปรากฎว่าของทีม เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เก็บได้เพียงแต้มเดียวทั้งที่ปกติแล้ว บาร์ซ่า มักจะไม่ปล่อยให้ทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมามีคะแนนติดไม้ติดมือออกจากสนาม 

เฟร์นานโด โปโล ผู้สื่อข่าวค่าย'มุนโด้เดปอร์ติโบ'นำเสนอบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ทีมอาซูลกราน่าทำผลงานลุ่มๆดอนๆตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ทซีซั่นใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยใดบ้างไปดูกันครับ

1.เกมนอกบ้าน

บาร์เซโลน่า คว้าชัยชนะจากการเล่นนอกบ้านครั้งล่าสุดตั้งแต่เกมบุกชนะ อลาเบส 2-0 ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา นับจากวันนั้นจนถึงตอนนี้ ทีมของบัลเบร์เด้ไม่เคยชนะจากการเล่นนอก'คัมป์ นู'อีกเลย ทำสถิติเสมอ 3 แพ้ 4 

นับเฉพาะซีซั่นนี้ บาร์เซโลน่า ทำสถิติเล่นนอกบ้าน เสมอ 2 แพ้ 2 ยิงได้เพียงเกมเดียวในนัดเสมอ โอซาซูน่า 2-2 และยังโชคดีที่ไม่แพ้ ดอร์ทมุนด์ ในเกมประเดิมรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก หลัง มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น ช่วยเซฟลูกยิงจุดโทษของ มาร์โค รอยส์ กัปตันทีมเสือเหลือง


มันอาจเป็นอาการหลอนมาตั้งแต่การปราชัยที่แอนฟิลด์จนเสียศูนย์ไม่สามารถ'รีเซ็ต'กลับมาสร้างผลงานที่ดีเหมือนเดิม ส่วนหนึ่งมาจากการขาดพลังทะลุทะลวงในพื้นที่เร้ดโซนจนทำได้เพียง 2 ประตูจากการลงเล่น 4 เกมในซีซั่นนี้ แต่สิ่งที่น่าห่วงคือบาร์ซ่าสร้างโอกาส 8 ครั้ง เฉลี่ยสร้างโอกาสทำประตูเพียงนัดละ 2 ครั้งเท่านั้น 

บาร์เซโลน่า สร้างโอกาสทำประตูเพียงครั้งเดียวและเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังในเกมกับ ดอร์ทมุนด์ จากการยิงของ หลุยส์ ซัวเรซ ในเกมกับ กรานาด้า ช่วงนาที 82 ที่ ลิโอเนล เมสซี่ มีโอกาสทดสอบความเหนียวของ รุย ซิลวา นายทวารชาวโปรตุกีส ส่วนในเกมเปิดซีซั่นกับ แอธเลติก บิลเบา สร้างโอกาสจะแจ้งเพียง 2 หน 

สำหรับนัดเยือนเมืองปัมโปลน่าเป็นเกมที่ทีมอาซูลกราน่าสร้างโอกาสทำประตูมากสุด 4 ครั้งและทำได้สองประตู 

จากสถิติข้างต้นทำให้ทีมของบัลเบร์เด้กลายเป็น'บาร์ซ่าเสิ่นเจิ้น'มากกว่าการเป็นทีมที่คู่ต่อสู้เกรงขามไปซะแล้ว 

2.สมาธิกับเกม 

บาร์เซโลน่า เสียประตูให้คู่แข่งก่อน 4 จาก 6 เกม ทั้งกับ แอธเลติก บิลเบา, โอซาซูน่า, กรานาก้า และ เรอัล เบติส มีเพียงเกมเดียวที่พวกเขายิงนำคู่แข่งก่อนในการพบกับ บาเลนเซีย ส่วนเกมดวล ดอร์ทมุนด์ ต้องปรบมือให้กับการเซฟจุดโทษของ แทร์ ชเตเก้น ช่วยให้สถิติไม่ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 5 จาก 6 เกม 


ตามที่เราเคยได้ยินได้ฟังจากโค้ชหรือเทรนเนอร์หลายคนมักจะกำชับลูกทีมให้มีสมาธิกับช่วง 5 นาทีแรกและ 5 นาทีสุดท้ายของเกมเพื่อเลี่ยงการก่อความผิดพลาดจนเสียประตูให้คู่แข่ง แต่นั่นคือสิ่งที่ทีมของบัลเบร์เด้ทำพลาดจนน่าเป็นห่วง 

ทัพอาซูลกราน่าควรมีแต้มติดมือกลับมาจาก'ซาน มาเมส บาร์เรีย' แต่กลับเสียท่าให้ลูกยิงสุดสวยของ อาริตซ์ อาดูรีซ ช่วงนาที 89 หรือแผลสดๆจากเกมเยือน กรานาด้า ก็เสียท่าให้ ราม่อน อาซีซ ตั้งแต่นาทีแรก ส่วนอีกสองเกมที่ถูกทะลวงประตูก่อนจาก โรเบร์โต้ ตอร์เรส ของ โอซาซูน่า นาทีที่ 6 กับ นาบิล เฟคีร์ ของทีมเบตีโก้นาที 14 

3.ขาดความสมดุลระหว่างแดนกลางกับแนวรุก

บาร์เซโลน่า ขาดหัวใจสำคัญในแนวรุกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ กับ อุสมาน เดมเบเล่ บาดเจ็บตั้งแต่การลงเล่นนัดแรกของซีซั่น มันทำให้ทีมเสียความสมดุลระหว่างแนวรุกกับแดนกลาง ตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่มีส่วนทำให้ทีมอาซูลกราน่าสร้างโอกาสทำประตูได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นต่างจากผลงานในอดีตที่บางเกมสร้างโอกาสทำประตูมากกว่า 20 ครั้งต่อเกม 


บัลเบร์เด้ ต้องเลือกใช้แข้งใหม่ กรีซมันน์ เป็นคนแบกทีมโดยมี การ์เลส เปเรซ กับ อันซู ฟาตี เป็นตัวช่วย แต่การขาดประสบการณ์ทำให้สองแข้งดาวรุ่งจะโชว์ฟอร์มดีเฉพาะบางนัดเท่านั้น 

เกมกับ กรานาด้า ซึ่งบัลเบร์เด้เกหมดหน้าตักด้วยการส่งทั้ง เมสซี่ กับ อันซู ฟาตี ลงเล่นช่วงครึ่งหลังเป็น 4 แนวรุกร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ และ กรีซมันน์ แม้ทีมอาซูลกรานาจะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าถึง 73 เปอร์เซนต์ แต่หาจังหวะจบแบบจะแจ้งได้ไม่มากนักก่อนจะปราชัยแบบหมดสภาพ 

4.บัลเบร์เด้ ยังไม่สามารถหาตำแหน่งที่ลงตัวสำหรับกรีซมันน์

เทรนเนอร์ชาวบาสโก้พยายามดึง กรีซมันน์ มาร่วมทีมตั้งแต่ปี 2018 ก่อนประสบความสำเร็จในปีต่อมา แน่นอนว่า บัลเบร์เด้ มีเวลาศึกษามากพอสำหรับการเลือกใช้งานกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยวางโมเดลแนวรุกของบาร์ซ่าที่มีสามกองหน้าพระกาฬลงเล่นร่วมกันทั้ง เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ กับ กรีซมันน์ 


กองหน้าชาวฝรั่งเศสถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมในอนาคตเมื่อ เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่มีอายุมากกว่าราว 4 ปีอำลาทีม ซึ่งเทรนเนอร์ชาวบาสโก้มีโอกาสทดสอบ กรีซมันน์ ลงเล่นทั้งสามตำแหน่งในแนวรุกก่อนหน้านี้ ก่อนโมเดลของ บัลเบร์เด้ จะมีโอกาสเล่นร่วมกันครั้งแรกของซีซั่นในช่วงครึ่งหลังของเกมกับ กรานาด้า 

กรีซมันน์ ลงเล่นเป็นแนวรุกฝั่งซ้ายในช่วงครึ่งแรก แต่กองหน้าชาวฝรั่งเศสยังไม่สามารถคุกคามแนวป้องกันคู่แข่งได้ดีนัก ก่อนจะสลับมาอยู่กราบขวาหลัง เมสซี่ ลงสนามในช่วงครึ่งหลัง 

5.ครองบอลนอกพื้นที่อันตราย 

บาร์เซโลน่า ยังเป็นฝ่ายครอบครองบอลได้เหนือกว่าคู่แข่งในการเล่นนอกบ้านเพียงแต่มันไม่เกิดขึ้นในพื้นที่อันตรายเท่านั้น ในบิลเบา, บาร์ซ่า ครองบอล 72.2 เปอร์เซนต์ ที่ปัมโปลน่า ครองบอลมากกว่า 74.5 เปอร์เซนต์ ในดอร์ทมุนด์ อาจครองบอลน้อยลงแต่ยังมากกว่าคู่แข่ง 59 เปอร์เซนต์ ส่วนที่กรานาด้าครองบอล 73.6 เปอร์เซนต์ 


ปัญหาที่เห็นชัดคือทีมของ บัลเบร์เด้ ครองบอลเหนือกว่าคู่แข่งก็จริง แต่มันเป็นนอกพื้นที่อันตรายและขาดการเชื่อมต่อระหว่างแดนกลางกับแนวรุก ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลย้อนไปข้อแรกที่ทำให้ทีมอาซูลกราน่าสร้างโอกาสทำประตูน้อย แม้ว่าจะครองบอลมากกว่าก็ตาม 

6.ฟอร์มช่วงครึ่งแรก

ข้อบกพร่องตลอดช่วงหลายซีซั่นที่ผ่านมาและดูเหมือนจะเลวร้ายกว่าเดิมในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนี้นั่นคือการเล่นช่วงครึ่งแรกที่ไม่สามารถสร้างความกดดันให้คู่แข่งเท่าที่ควรจะเป็น นั่นทำให้ทีมอาซูลกราน่าทำประตูน้อยลงและไม่อาจฉกฉวยความได้เปรียบเหนือฝ่ายตรงข้าม ทั้งเกมที่ บิลเบา หรือ ปัมโปลน่า ซึ่งออกมาคล้ายคลึงกัน เกมที่ ดอร์ทมุนด์ ก็ไม่ได้สร้างโอกาสทำประตูแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนเกมล่าสุดที่ กรานาด้า จบครึ่งแรกด้วยการตามหลังคู่แข่ง


บาร์เซโลน่า กลับมาเล่นได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลัง แต่มันอันตรายเกินไปที่จะตกเป็นฝ่ายตามแล้วต้องเร่งเครื่องเพื่อแซงกลับมา เหมือนเกมกับ กรานาด้า อีกทั้งทีมอาซูลกราน่าจะยังอาจก่อความผิดพลาดในช่วงท้ายเกมเหมือนนัดเยือนบิลเบาด้วย 

7.การเปลี่ยนแปลงผู้เล่นตัวจริงและตำแหน่งการเล่น

บัลเบร์เด้ อาจไม่มีทางเลือกมากนักในการจัดทัพลงสนามในแต่ละเกมเนื่องจากการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักทำให้เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ต้องเปลี่ยนทีมและปรับตำแหน่งของผู้เล่นบ่อยครั้ง ยกตัวอย่าง อาร์ตูร์ เมโล่ ที่เพิ่งจะถูกเรียกใช้งานในช่วงหลัง ขณะที่ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ถูกสลับเล่นทั้งแดนกลางและแบ็กขวา 


เนลซอน เซเมโด้ ต้องโยกมาเล่นแบ็กซ้ายบ้างในบางโอกาสทั้งที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัด แต่ เอคตอร์ จูเนียร์ ฟีร์โป แบ็กคนใหม่ที่ดึงมาจาก เรอัล เบติส และได้โอกาสลงเล่นหลังการบาดเจ็บของ จอร์ดี้ อัลบา ยังทำได้ไม่ดีพอ สำหรับ การ์เลส อาเลนญ่า ได้โอกาสเพียงนัดเดียวในเกมปิดซีซั่นที่บิลเบา ส่วนสองแข้งใหม่ทั้ง อองตวน กรีซมันน์ กับ เฟรงกี้ เดอ ย็อง ยังไม่มีตำแหน่งที่ลงตัว

8.การเสียจุดโทษนอกบ้าน

รายละเอียดส่วนบุคคลเล็กน้อยที่นักเตะบาร์ซ่าต้องพึงระวังคือการเสียจุดโทษ ซึ่งเกิดขึ้น 3 ครั้งในซีซั่นนี้และมาจากการทำแฮนด์บอลถึง 2 ครั้ง จาก เคราร์ด ปีเก้ ที่ปัมโปลน่า และ อาร์ตูโร่ วีดาล ที่กรานาด้า หรือการทำเสียจุดโทษของ เนลซอน เซเมโด้ ที่ดอร์ทมุนด์ 


แน่นอนว่าบัลเบร์เด้คงจะต้องกำชับลูกทีมให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการจัดระเบียบร่างกายไม่ปล่อย รวมถึงการปะทะคู่แข่งในกรอบเขตโทษที่ควรจะหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด หลังการเสียจุดโทษถึง 3 ครั้งใน 6 เกม มันมากเกินไปสำหรับทีมที่คาดหวังถึงความสำเร็จ 

บัลเบร์เด้ ยอมรับว่ามีความกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมอาซูลกราน่า ซึ่งไม่ได้ผลการแข่งขันอย่างที่ต้องการโดยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการตัดสินใจในพื้นที่อันตรายหน้าปากประตูคู่แข่ง มันจำเป็นต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด