ความพ่ายแพ้ต่อทีมลีกทู ตกรอบคาราบาวคัพ ส่งให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเต็มขั้น หลังผ่านค่ำคืนนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกได้เพียง 5 เดือน

หากอ้างว่าเป็นแค่ถ้วยเล็กสุดในบรรดาสี่รายการที่มีอยู่ในมือ แต่ถ้วยคาราบาวคัพนี่แหละ ที่เป็นความหวังสูงสุดของ ท็อตแน่ม หากหวังสัมผัสโทรฟี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2007-08

ซีซั่นก่อนเป็นโอกาสดีที่สุดแล้วที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะพา ท็อตแน่ม หยิบจับความสำเร็จ เพราะไปถึงรอบรองชนะเลิศ คาราบาวคัพ แต่ดวลจุดโทษแพ้ เชลซี และถ้วยใหญ่ยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่พ่าย ลิเวอร์พูล ที่ มาดริด เป็นอันจบซีซั่นแบบมือเปล่าอีกตามเคย

แต่หากมองถึงเป้าหมายในพรีเมียร์ลีกกับการจบ 4 อันดับแรก คว้าโควต้า แชมเปี้ยนส์ ลีก ท็อตแน่ม ทำได้ตามเป้าเป็นปีที่สี่ติดต่อกันแล้ว

อย่างไรก็ตาม การตกเพียงรอบสาม คาราบาวคัพ ในซีซั่นนี้ ด้วยน้ำมือทีมที่มีอันดับต่ำที่สุดในบรรดา 32 ทีมในรอบนี้ ส่งผลต่อสภาพจิตใจของทั้งทีมโดยเฉพาะนักเตะ กับการปล่อยถ้วยที่มีหวังมากที่สุดหลุดมือ

จากปัญหาในสนาม บ่อยครั้งที่เห็นทีมของ โปเช็ตติโน่ ประสบปัญหาในการเจาะเข้าทำ แม้ครองบอลเหนือกว่าคู่แข่ง แต่ด้วยการต่อบอลสั้นแบบมิติเดียว ไม่ยอมเลือกเจาะรูปแบบอื่น ทำให้ต้องผิดหวังเรื่องผลการแข่งขันมาแล้วหลายต่อหลายเกม

การเสี่ยงส่งดาวรุ่งอย่าง ทรอย แพร์ร็อตต์, โอลิเวอร์ สคิปป์ และ จาเฟ็ต ทานกานก้า ลงตัวจริงเกมที่ โคลเชสเตอร์ ไม่ใช่ประเด็นเสียหายที่ส่งผลให้ ท็อตแน่ม ไม่ชนะใน 90 นาที

แต่เป็นเพราะแท็กติกของ โปเช็ตติโน่ ที่จะเจาะใจกลางแนวรับเจ้าถิ่นเพียงอย่างเดียว ทำให้แผงหลังของทีมลีกทูรับมือได้อย่างสบายๆ ยกเว้นจังหวะยิงของ ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส ที่ยิงชนเสาในครึ่งหลัง

หากมองถึงเรื่องนอกสนาม แม้ แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสรยอมควักกระเป๋าจ่ายเกือบ 100 ล้านปอนด์ หลังจากไม่ได้จ่ายสักปอนด์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่คุณภาพของการเสริมทัพยังไม่ได้รับคำตอบจนถึงเวลานี้ เพราะมีเพียง ตองกีย์ เอ็นดงเบเล่ กองกลางเจ้าของสถิติค่าตัวแพงสุดของสโมสรคนเดียว ที่ได้ลงสนามแบบเห็นน้ำเห็นเนื้อ แต่ผลงานก็ยังคงต้องรอการพิสูจน์

ที่เหลือ ไรอัน เซสเซยง ยังไม่ได้ประเดิมเพราะบาดเจ็บ, โจวานี่ โล เซลโซ่ ยังต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษ และ แจ๊ค คล้าร์ก จ่าย 10 ล้านปอนด์ซื้อมา แต่ก็ให้ ลีดส์ ยืมใช้งานตลอดซีซั่น

ในช่วงต้นซีซั่น เราจึงได้เห็น โปเช็ตติโน่ ใช้งานนักเตะหน้าเดิมๆ แม้หลายคนมีข่าวว่าจะย้ายทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังอยู่ต่อ

นั่นจึงปัญหาสำคัญอีกเรื่อง

คริสเตียน เอริคเซ่น ที่เหลือสัญญาฤดูกาลสุดท้าย อยากย้ายทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ข้อเสนอที่ได้รับมา ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ถึงตอนนี้จึงมีโอกาสสูงที่จะเสียกองกลางเดนมาร์กแบบไม่มีค่าตัวปีหน้า

โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์ เป็นอีกรายที่มีปัญหาตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว เพราะยังคงปฏิเสธสัญญาใหม่เรื่อยมา จนกำลังจะหมดอายุหลังจบซีซั่นนี้เช่นกัน

ยาน แฟร์ทองเก้น ก็อยู่ในข่ายจะปล่อยตัวแบบฟรีๆ หลังจบซีซั่นนี้ เพราะฟอร์มที่ตกลงไปมากของกองหลังเบลเยียมวัย 32 ปี

อีกคนคือ แดนนี่ โรส แบ็กซ้ายร่างตันที่ โปเช็ตติโน่ เคยบอกเมื่อช่วงปรีซีซั่นว่ากำลังจะปล่อยนักเตะย้ายทีม หลังไม่เรียกตัวไปเตะอุ่นเครื่องในเอเชียร่วมกับทีม

แต่สุดท้าย ทั้งหมดยังคงมีบทบาทสำคัญในทีมทั้งพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฤดูกาลนี้ ฝ่ายบริหารของสโมสรจึงต้องเร่งมือเคลียร์ปัญหานอกสนามต่างๆ ขณะที่ โปเช็ตติโน่ ก็ต้องแก้ปัญหาในสนามให้ได้

และหากจบฤดูกาลนี้แบบมือเปล่าอีกครั้ง นอกจากนักเตะหลายคนที่เตรียมอำลาทีมแล้ว เราอาจได้เห็น โปเช็ตติโน่ โบกมือลาทีมไปอีกคนด้วย