:::     :::

2019...ปีอำลาตำนาน

วันพุธที่ 09 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,400
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปี 2019 กลายเป็นปีแห่งการอำลาสนามของนักฟุตบอลชื่อดังหลายคน ไล่ตั้งแต่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาจนถึงคนล่าสุด บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่วงการฟุตบอลต้องสูญเสียนักเตะระดับตำนานหลายต่อหลายคนที่ตัดสินใจแขวนสตั๊ดกันในทุกๆ ปี และในปี 2019 ก็มีดาวดังทั้งระดับตำนานและไม่ตำนานทะยอยตบเท้าประกาศการเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ที่ส่วนใหญ่หมดสัญญาหลังจบฤดูกาลฟุตบอลลีก

และนี่คือส่วนหนึ่งในนักเตะดาวดังที่อำลาสนามในปี 2019
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติฮอลแลนด์ และ อาร์เซน่อล เริ่มต้นสร้างชื่อขึ้นมากับสโมสร เฟเยนูร์ด และปิดท้ายอาชีพที่ตนเองรักกับสโมสรเดิม เฟเยนูร์ด
แม้ในวัยหนุ่มเริ่มต้นกับ เฟเยนูร์ด ไม่สู้ดีนัก มีปัญหาเรื่องระเบียบวินัย และทะเลาะกับเทรนเนอร์ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ จนต้องขายไปให้ อาร์เซน่อล ในราคาที่ถูกแสนถูกเพียง 2.75 ล้านปอนด์ในปี 2004 ซึ่งตอนนั้น 'อาร์วีพี' อายุเพียง 20 ปี
8 ฤดูกาลที่ อาร์เซน่อล ฟาน เพอร์ซี่ ทำไป 132 ประตูจาก 278 เกม ทำให้แฟนๆ เดอะ กันเนอร์ส ยกย่องให้กลายเป็นหนึ่งในตำนานของทีม
จาก 30 ประตูใน 38 เกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล ลดลงเหลือ 26 ประตูจาก 38 เกมในฤดูกาลแรกที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นครั้งแรกกับการสัมผัสแชมป์ลีกด้วย
ฟาน เพอร์ซี่ ย้ายไป เฟเนร์บาห์เช่ หลังจากนั้นแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงย้ายกับ เฟเยนูร์ด และประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 36 ปี หลังจบฤดูกาล 2018-19 ที่ปิดฉากด้วยการยิง 18 ประตูจาก 31 เกม
กับทีมชาติฮอลแลนด์ 'อาร์วีพี' มีช่วงเวลาที่น่าจดจำระหว่างปี 2013-14 ที่ซัลโวไป 18 ประตูจากการลงเล่น 25 เกม และในปี 2014 นี่เองที่ ฟาน เพอร์ซี่ ทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดในทีมชาติ ก่อนจบที่จำนวน 50 ประตูจาก 102 เกม เป็นสถิติที่น่าจะอยู่ติดตัวไปอีกหลายสิบปี
ชาบี เอร์นานเดซ
ตำนานของสโมสร บาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ตัดสินใจไปแสวงหาความท้าทายใหม่ให้ตัวเองในลีกกาตาร์ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา และเพิ่งแขวนสตั๊ดไปในเดือนพฤษภาคม
ชาบี รับใช้ บาร์ซ่า ไปมากถึง 17 ฤดูกาล ลงเล่นรวมทุกรายการไปทั้งสิ้น 767 เกม ยิง 85 ประตู ประสบความสำเร็จท่วมท้น อาทิ แชมป์ลาลีกา 8 สมัย, โกปา เดล เรย์ 3 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ 2 สมัยเป็นต้น
ตลอดระยะเวลา 14 ปีกับทีมชาติสเปน ชาบี ลงเล่นไปมากถึง 133 เกม ยิง 13 ประตู และเป็นตัวหลักในทีมชุดแชมป์ยูโร 2008, ฟุตบอลโลก 2010 และยูโร 2012 สามรายการติดต่อกันในช่วงเวลา 5 ปี
หลังจากอิ่มตัวกับความสำเร็จร่วมกับ บาร์ซ่า และทีมชาติสเปน ชาบี ออกเดินทางสู่เอเชียตะวันตก ร่วมทัพ อัล ซาดด์ ทีมในลีกกาตาร์ และปิดฉากอาชีพอย่างสวยหรูในวัย 39 ปี ด้วยแชมป์กาตาร์ สตาร์ส ลีก เป็นครั้งแรก
ก่อนอำลาสนามอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม และปรับโหมดเข้าสู่การเป็นผู้จัดการทีม อัล ซาดด์ ซึ่งเป็นครั้งแรกในงานคุมทีมด้วย
อาร์เยน ร็อบเบน
ตำนานปีกทีมชาติฮอลแลนด์, บาเยิร์น มิวนิค และ เชลซี คือนักเตะเท้าซ้ายที่สร้างปรากฏการณ์ 'ร็อบเบนสไตล์' ให้เกิดขึ้นในวงการฟุตบอล จากรูปแบบการเข้าทำแบบเดิมๆ ที่ลากบอลจากฝั่งขวาตัดเข้ากลางแล้วยิงเท้าซ้ายข้างถนัดเข้าไป แม้คู่แข่งรู้มุกอยู่แล้ว แต่ก็ยากที่จะจับทางได้
หลังจากแจ้งเกิดกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และเกือบย้ายไปร่วมงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายเลือกไป เชลซี และมีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสองสมัยติดต่อกันในฤดูกาล 2004-05 และ 2005-06 ร่วมกับเจ้านาย โชเซ่ มูรินโญ่
แต่ ร็อบเบน ไม่ประสบความสำเร็จในการย้ายไปเล่นที่ เรอัล มาดริด จนตัดสินใจย้ายมาบุนเดสลีการ่วมทีมยักษ์ใหญ่ บาเยิร์น มิวนิค และที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จแบบมากมายก่ายกอง
ตลอด 10 ฤดูกาลในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า ร็อบเบน ซัลโวไป 144 ประตูจาก 309 เกมรวมทุกรายการ เป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับนักเตะตำแหน่งปีก พร้อมกวาดแชมป์บุนเดสลีกา 8 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 5 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย
ในวัย 35 ปี ร็อบเบน ตัดสินใจอำลาสนาม หลังจากหมดสัญญาในฤดูกาล 2018-19 ที่ไม่มีบทบาทในทีมมากนัก แม้เพื่อนร่วมทีม เสือใต้ ฟร้องค์ ริเบรี่ จะไปลุย กัลโช่ เซเรีย อา ต่อในวัย 36 ปีก็ตาม
เวสลี่ย์ สไนเดอร์
ตำนานมิดฟิลด์เท้าหนักทีมชาติฮอลแลนด์ เจ้าของสถิติลงเล่นให้ทีม อัศวินสีส้ม มากที่สุด 134 เกม ตั้งแต่ปี 2003 มาจนถึงปี 2018
สไนเดอร์ รับใช้ 6 สโมสรตลอดอาชีพค้าแข้ง ไล่ตั้งแต่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน, กาลาตาซาราย, นีซ และ อัล-การาฟา แต่ที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในอาชีพคือตอนอยู่กับ เนรัซซูรี่ ที่เป็นตัวหลักชุดสามแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2009-10
นอกจากความสำเร็จในอิตาลีแล้ว สไนเดอร์ ยังเคยสัมผัสแชมป์ฟุตบอลลีกร่วมกับ อาแจ็กซ์, เรอัล มาดริด และ กาลาตาซาราย (2 สมัย) ด้วย แต่น่าเสียดายที่กับทีมชาติฮอลแลนด์ ไปไม่ถึงฝั่งฝันในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 และพลาดรางวัลเกียรติยศส่วนบุคคล 'บัลลงดอร์' ในปีดังกล่าวแบบน่ากังขาด้วย
หลังจากคว้าแชมป์ใบสุดท้าย กาตาร์ สตาร์ส คัพ ร่วมกับ อัล-การาฟา สไนเดอร์ ก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ดช่วงเดือนสิงหาคมในวัย 35 ปี
ซามูเอล เอโต้
ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติแคเมอรูน เคยประสบความสำเร็จถึงขีดสุดในอาชีพค้าแข้งราวๆ 1 ทศวรรษที่แล้ว ตอนพา บาร์เซโลน่า คว้าสามแชมป์ และ อินเตอร์ มิลาน คว้าสามแชมป์เช่นกัน ในช่วงเวลาติดต่อกันสองฤดูกาล
แม้ตอนเริ่มต้นอาชีพเป็นเด็กปั้นของ เรอัล มาดริด แต่หลังจาก มายอร์ก้า ซื้อขาดไปในปี 2000 บาร์เซโลน่า ก็ดึงตัวไปร่วมทัพในอีก 4 ปีต่อมา และ เอโต้ ก็ยิงกระจุยกระจายตลอด 5 ฤดูกาลในถิ่น คัมป์ นู ที่ซัลโว 130 ประตูจาก 199 เกม
ฤดูกาลที่ดีที่สุดของ เอโต้ กับ บาร์ซ่า คือซีซั่นสุดท้าย 2008-09 ที่กระหน่ำ 36 ประตูจาก 52 เกมรวมทุกรายการ พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา, โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนย้ายไป อินเตอร์ ในซีซั่นต่อมา และมีส่วนสำคัญพาทีมกวาดสามแชมป์เช่นกัน กัลโช่ เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต เอโต้ ก็ออกผจญภัยไปหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น อันจิ, เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, ซามพ์โดเรีย, อันตาเลียสปอร์, โคเนียสปอร์ และปิดฉากกับสโมสรสุดท้าย กาตาร์ เอสซี ในวัย 38 ปี
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
ตำนานกองกลางของ บาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติเยอรมนี ตัดสินใจยุติเส้นทางการค้าแข้งในฐานะนักฟุตบอลอาชีพในวัย 35 ปี กับ ชิคาโก้ ไฟร์ และเกมสุดท้ายคือเกมที่บุกชนะ ออร์ลันโด้ ซิตี้ 5-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม หรือสองวันก่อนโพสต์อำลาสนามผ่านทางโซเชียลมีเดีย
'บาสตี้' หรือ 'ชไวนี่' ก้าวเข้าสู่รั้วสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่อายุ 14 ขวบ ก่อนก้าวขึ้นมาประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในอีก 4 ปีต่อมา โดยตลอด 13 ฤดูกาลที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า ชไวน์สไตเกอร์ ประสบความสำเร็จร่วมกันอย่างมาก อาทิ ครองแชมป์บุนเดสลีกา 8 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 7 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย 
ในชุดทีมชาติเยอรมนี ชไวน์สไตเกอร์ มีบทบาทสำคัญพาทีมไปถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2014
แต่ภายหลังจากอำลา บาเยิร์น ในปี 2015 'ชไวนี่' ก็ไม่เคยกลับสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองอีกเลย แม้มีแชมป์เอฟเอคัพติดไม้ติดมือร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลแรกก็ตาม


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด