:::     :::

รอยคีนจี้เซอร์อเล็กซ์ได้ตรงจุด แต่ก็พิสูจน์ว่าเขาไม่มีทางเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
4,774
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ทำให้อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดผู้นี้เป็นที่น่าสนใจเวลาวิพากษ์วิจารณ์ในทีวี แต่สิ่งเหล่านั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขาเองไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ตรงนั้น
ในฐานะคนเป็นนักวิจารณ์ โจนาธาน วอลเตอร์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาแสดงออกให้เห็นว่า เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรซะแล้ว

"ผมไม่รู้ว่าทำไมผู้คนถึงได้ฟังสิ่งที่เขาพูดในบางครั้ง" อดีตกองหน้าของสาธารณรัฐไอร์แลนด์กล่าวเอาไว้ และ "เขา" ที่ว่านั่นเห็นได้ชัดว่าหมายถึง รอย คีน


วอลเตอร์ควรจะตระหนักว่า ในโลกที่แม้แต่ การพูดอะไรออกมาเล่นๆของนักเตะทั่วๆไปก็สามารถเป็นข่าวได้ ดังนั้นการออกความเห็นแบบดุเดือดโดยบุคคลที่เป็นกระแสสนใจนั้นย่อมต้องเป็นข่าวดังอย่างแน่นอน  ซึ่งจริงๆแล้ววอลเตอร์และเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั้นไม่ค่อยได้ถูกเอ่ยถึงขึ้นมาพร้อมๆกันสักเท่าไหร่ แต่พวกเขาทั้งสองคือเหยื่อเป้าหมายหลักของคำพูดต่างๆที่รอยคีนมักจะพูดออกมาเสมอ และรวมถึงคอมเม้นที่ร้ายกาจต่อทางเว็บไซต์ Off The Ball เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

จริงอยู่บางครั้งเขาก็พูดถูกมากๆ บางครั้งก็โคตรจะผิด และมักจะบันเทิงเสมอ คีนนั้นมีความคิดแง่ลบอย่างสมบูรณ์แบบ มีเจตจำนงค์ของขบถที่มักจะท้าทายความรู้ความเข้าใจพื้นฐานทั่วๆไป และเป็นคนที่ไม่คิดจะสนใจในการทำตัวให้เข้ากับคนอื่น เขามีแนวทางของตัวเองที่ฝังแน่นอยู่ในใจ เขาโหดเหี้ยมเกินบรรยาย และยังแยกแยะไม่ได้ว่า บทสนทนาแบบไหนมันถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย ก็เช่นในตอนที่เขาออกความเห็นเรื่องคนตายซึ่งเป็นพี่น้องของวอลเตอร์ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด

"ร่างกายรอยคีนส่วนที่เหี้ยมที่สุดก็คือ ลิ้นของเขา" เฟอร์กูสันกล่าวเอาไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มที่สองของเขา

"เขาสามารถพ่นคำที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถจินตนาการถึงได้"


ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ทำให้คีนเป็นนักวิจารณ์ที่น่าสนใจ แต่เขาไม่เหมาะจะไปทำงานเกี่ยวกับเรื่องการบริหารต่างๆ ก็ประมาณว่าถึงจะเขียนคอลัมน์วิพากษ์ถกเถียงได้ยืดยาวถึง 800 คำ มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ทำแบบนั้นได้ทุกคนจะสามารถเป็นนายกได้อะไรแบบนั้น  แต่ครั้งนี้คีนกลับมาด้วยแรงทะเยอะทะยานอีกครั้งตามรายงาน หลังจากไปมีบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องการใช้กลยุทธ์และเนื้อหาสาระ มีความเห็นใจ/เข้าใจผู้อื่น รวมถึงเรื่องการฝึกสอนและทำงานร่วมกับคนอื่นๆ

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครเชิญเขามาคุมทีมในพรีเมียร์ลีกเลย และบางทีอาจจะในแชมเปี้ยนชิพด้วย แต่กับผู้เล่นระดับรองๆลงไปที่มีพรสวรรค์คู่ควรกับการคุมทีมอย่างเช่นวอลเตอร์นั้น สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้เลย เพราะเขาไต่เต้าตัวเองขึ้นมาจากเบื้องล่างสุดของลีกทู, ทำสถิติติดทีมชาติในรอบครึ่งศตวรรษ ได้ลงเล่นในเอฟเอคัพรอบชิงชนะเลิศ และสถิติลงสนามในระดับสูงสุดถึง233นัด 

แต่ว่าไม่ได้เป็นตัวอย่างสำหรับรอยคีนแน่ๆ

"ดูเหรียญรางวัลของเขานี่สิ"  คีนพูดเมื่อสัปดาห์ก่อน "ดูแปปเดียวก็หมดละ" แต่กระนั้นคำพูดมันก็ไม่ทำให้มุมมองของวอลเตอร์นั้นไถลออกไปนอกเรื่อง

ลองจินตนาการดูว่า เชฟฟิลด์เวนส์เดย์ หรือ ฮัดเดอร์สฟิลด์เลือกคีน และเขาแนะนำตัวเข้าไปคุมทีมด้วยการเชิญให้ทีมเหล่านั้นโชว์เกียรติประวัติเหรียญรางวัลที่มีที่ผ่านๆมา  มันอาจจะไม่ได้ใช้เวลานานอะไรหรอกแต่สโมสรพวกนั้นไม่เอาด้วยกับคีนแน่ๆ


คีนเคยลงเล่นให้กับสองผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ แต่ทั้งไบรอัน คลัฟ และ เฟอร์กูสันต่างก็เป็นนักจิตวิทยาทางกีฬาที่เก่งที่สุด ต่อให้กอร์ดอน สตรัคคั่นเคยพูดว่า แบบแผนบางอย่างของเพื่อนชาวสก็อตต์ของเขาอาจจะไม่ผ่านอนุสัญญาเจนีวาก็ตาม (มาตรฐานการปฏิบัติแก่เพื่อนมนุษย์ที่เป็นเหยื่อสงคราม) ทั้งสองก็ยิ่งใหญ่ในระเบียบแบบแผนของพวกเขาอยู่ดี

กับคีนนั้น เฟอร์กูสันเห็นว่าเขามีความมุ่งมั่นกระตือรือร้นอย่างเด็ดเดี่ยว แต่เขาไม่มีความประนีประนอมเลยแม้แต่น้อย โอเคว่าการที่คีนนั้นไม่ได้เป็นปุถุชนธรรมดาๆเหมือนคนทั่วไปอาจจะขับดันให้ชายไอริชผู้นี้มุ่งไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ แต่นายจ้างที่ไหนจะมั่นใจได้ล่ะว่าเขาจะไม่พูดอะไรบัดซบๆโดยไม่จำเป็น

เขาจะหยุดให้คีน ไม่ต้องเป็น "รอย คีน" ได้สักช่วงสั้นๆได้ไหม?


มันก็เพียงแค่สัก ชั่วกระพริบตาเดียวแค่นั้นละมั้งที่เขาจะรู้ตัวเองได้ว่า ไปล้อเลียนหรือล่วงเกินผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากที่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยรู้ตัวว่าที่ทำอยู่มันอาจจะสร้างปัญหาขึ้นมาได้

ปัญหาของเขาตอนสมัยที่อยู่กับอิปสวิชนั้นก็คือเรื่องที่มักจะแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆเป็นประจำในงานวันแถลงข่าว เขาทำหน้าที่กับSky Sportsได้ดีกว่า Marcus Evans เสียอีก เขาเป็นนักวิจารณ์ที่สุดยอดมากแต่ขณะที่แค่เป็นผู้จัดการทีมแบบดาดๆอยู่กับอิปสวิช เขากระโจนลงมาเรื่องนี้อย่างห้าวหาญในขณะที่คนอื่นๆนั้นแค่จะก้าวเดินยังกลัว เฟอร์กูสันกล่าวให้เห็นภาพเอาไว้เช่นนั้น


การเป็นนักแสดงความคิดเห็นที่ได้รับค่าจ้างงามๆนั้นส่วนใหญ่จะได้รับอนุญาตให้วิพากษ์ตำหนิอะไรก็ได้ได้อย่างอิสระ บางครั้งมันเป็นการโจมตีใส่คนอื่นด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่คีนอยู่ดี เขามักจะวิเคราะห์เข้ากระดูกดำต่อความเสแสร้งของคู่คิดเก่าของเขา

เฟอร์กูสันเชื่อว่า ผู้จัดการทีมนั้นเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของสโมสร และทำอะไรได้สะดวกที่สุดตอนที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเขาทำเพื่อผลประโยชน์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสมอ  คีนมาเผชิญหน้ากับเฟอร์กูสันเพื่อบอกว่าข้อพิพาททางกฎหมายของเขาเกี่ยวกับม้า Rock of Gibraltar ที่มีต่อ John Magnier และ JP McManus ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ United เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยสำหรับสโมสร ซึ่งเรื่องนี้คีนพูดถูก แมกเนียร์และแมคมานัสจบลงด้วยการขายหุ้นของพวกเขาให้กับตระกูลเกลเซอร์นั่นเอง


เหมือนอย่างเรื่องที่คีนชี้ให้เห็นเอาไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน แมนยูไนเต็ดเรียกตัวผู้เล่นที่ถูกส่งออกไปยืมตัวสามคนกลับมาจากDeepdale (เหตุการณ์ปี2010) ในรายของ Matty James, Ritchie De Laet และก็ Joshua King ในช่วงเวลาที่ทางPreston ปลด Darren Ferguson ออกจากตำแหน่ง (ประกอบกันในเรื่องนี้ก็มีการประจบประแจงแบบน่าอายโดยสโต๊คก็ร่วมกันเรียกผู้เล่นปล่อยยืมของพวกเขากลับเช่นกัน) ซึ่งการเรียกตัวกลับครั้งนี้มันไม่ได้มีประโยชน์กับแมนยูไนเต็ดเลย มันคือการแก้แค้นของพวกเฟอร์กูสันทั้งสองคนต่างหาก

แต่หลังจากนั้นก็มีน้อยคนเหลือเกินที่จะมีปัญหาข้องใจเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีน้อยคนจริงๆแต่ยกเว้นคีนไว้คนนึง นั่นแหละทำไมเขาถึงเอาเรื่องความซื่อสัตย์ขึ้นมาพูดถึงผู้จัดการทีมคนเก่าของเขา และอัดใส่ตรงๆในบทสนทนาเรื่องอื่นๆ ซึ่งความน่าดูน่าติดตามของคีนนั้นเองไม่ว่าจะความแม่นยำของการวิเคราะห์ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมถึงความที่เขาทำอะไรแบบยอมรับได้ยากเสียเหลือเกินนั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายเหล่านี้ทำให้คีนเหมาะที่จะนั่งอยู่ในสตูฯมากกว่าที่จะไปทำงานในทางเทคนิคอย่างยิ่งจริงๆ


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทั้งหมดด้านบนนี้คือบทวิเคราะห์การตั้งข้อสังเกตของ Richard Jolly จากเว็บfourfourtwo.com ที่ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่รอยคีนเป็น และมีทัศนคติอย่างไรต่อคนที่เขาตั้งแง่เอาไว้อย่างเช่นสองคนในบทความนี้ก็คือ โจนาธาน วอลเตอร์ และก็เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งก็อย่างที่แฟนผีเราทราบกันดีว่า คีนแค้นและเกลียดป๋าขนาดไหน รวมถึงแมนยูไนเต็ดด้วย และมักจะให้คำวิพากษ์ในเชิงลบกับสโมสรเราอยู่เสมอ  แต่ในทุกๆอย่างบนโลกนี้มีสองด้าน แม้ว่าคีโน่จะจงเกลียดจงชังและไม่เผาผีเรายังไงก็ตาม แต่ในสิ่งที่เขาเป็นอยู่นั้น มันก็มีอะไรบางอย่างที่เราสามารถ "รับฟัง" จากเขาได้ในบางเรื่อง เป็นเพราะความเถรตรง ความดุเดือดบ้าระห่ำในการแสดงความเห็นของเขานั่นแหละที่ไม่ต้องเกรงใจใคร แม้กระทั่งระดับป๋าก็ตาม

เพราะเป็นแบบนั้นเราจึงได้เห็นแง่มุมที่มันรับฟังได้จากเขา ต่อบุคคลที่เป็นเหมือนตำนานของสโมสรแมนยูอย่างเซอร์อเล็กซ์ได้ ซึ่งเอาจริงๆแล้ว  ป๋าก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรไปซะทุกอย่างหรือทำทุกๆอย่างถูกต้องตลอดเวลา

ป๋าเองก็ทำในสิ่งที่ผิดพลาดเนื่องจากอีโก้และความดื้อด้านของตนเอง รวมถึงการตัดสินใจผิดอยู่บ่อยครั้ง ดังเช่นตัวอย่างที่รอย คีน หยิบยกมานั่นแหละซึ่ง คนที่รักป๋า รักแมนยู มักจะมองป๋าในด้านบวกอย่างเดียว แต่มักมองข้ามหรือแกล้งทำเป็นไม่เห็นด้านไม่ดีของป๋าด้วย


ผมเชื่อว่า สิ่งที่รอย คีน จะพูดถึงแมนยูไนเต็ดในอนาคต มันจะต้องมีอีกมากมายและแรงๆทั้งนั้น ซึ่งมันจะเต็มไปด้วยอคติอย่างแน่นอน และเรื่องพวกนั้นที่จะออกมาจากปากเขา  มันก็จะต้องมีทั้งเรื่องโหลยโท่ยห่วยแตกที่คีนแม่งมองแต่ด้านอคติอย่างเดียวแน่ๆ 

แต่ในบรรดาคำพูดแรงๆเหล่านั้น ส่วนหนึ่งการวิจารณ์ของคีนมันจะต้องมีเรื่องที่ถูกต้องและชี้ปัญหาได้อย่างตรงจุดอย่างที่ใครๆก็คิดไม่ถึง หรือไม่กล้าพูดเช่นกัน

พวกเราก็แค่"เลือก"หยิบสิ่งดีๆที่คีนพูดมาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็พอ

-ศาลาผี-


source : https://www.fourfourtwo.com

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด