โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาทำหน้าที่แทนหวือหวาวูบวาบในช่วงแรก แต่ทันทีที่ได้รับสัญญาอย่างเป็นทางการ ฟอร์มของทีมก็เริ่มดิ่งลงมาเรื่อยๆ
19 นัดในฐานะกุนซือชั่วคราว นายใหญ่ชาวนอร์เวย์เก็บชัยชนะถึง 14 เสมอ 2 แพ้ 3 ยิงได้ 40 ลูกและเสียเพียง 17 ประตู คิดเปอร์เซ็นต์ชนะอยู่ที่ 74 เปอร์เซ็นต์
แต่หลังจากที่ได้สัญญาถาวร ถึงตอนนี้คุมทีมมา 21 เกม ชนะแค่ 6 เสมอ 6 แพ้ถึง 9 ยิงได้แค่ 23 ลูกเสียไป 31 ประตู คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะอยู่ที่ 29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แม้ว่าบอร์ดบริหารจะให้การสนับสนุนแต่ถ้าผลงานยังแย่อยู่แบบนี้จะอยู่ในอีกนานสักแค่ไหนกันเชียว
ย้อนกลับไปที่ โชเซ่ มูรินโญ่ แม้ช่วงก่อนโดนปลดผลงานจะไม่ดี แต่กับผลงานก่อนหน้า การพาทีมได้แชมป์คาราบาว คัพ และ ยูโรปา ลีก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
หลายๆอย่างที่ มูรินโญ่ ทำถูกต้องสมัยคุมทีมในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ลองย้อนกลับไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
รองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2017/18
ก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง โชเซ่ มูรินโญ่ สร้างหนึ่งในผลงานที่น่าประทับใจคือการคว้ารองแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง
แน่นอน การเป็นเพียงรองแชมป์ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจอะไรมากมาย แต่เมื่อมองจากศักยภาพทีมเมื่อเทียบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ต้องยอมรับว่าเป็นรอง
"ผมบอกและคิดและรู้สึกว่าการคว้าอันดับ 2 ของตาราง คือหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของผม" มูรินโญ่ กล่าวเอาไว้
"ผมพูดแบบนั้นเพราะผู้คนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเบื้องหลัง"
พูดนี้ยอมมีนัยยะสำคัญเมื่อออกจากปากกุนซือที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนัง
แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยังโดนไล่ออกจากตำแหน่ง และตอนนี้ทีมอาจจะเริ่มสำนึกแล้วว่าคิดผิด เพราะนี่คืออันดับดีที่สุดของสโมสรนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปเลย
สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ สมควรได้โอกาสลงเล่น
ชื่อของ โชเซ่ มูรินโญ่ มักถูกค่อนขอดว่าไม่ให้โอกาสดาวรุ่งในการลงสนามเท่าไรนัก เพราะเคยชินกับการทุ่มทุนมาตั้งแต่สมัยคุม เชลซี
และเมื่อเขาให้โอกาสนักเตะอายุน้อยสักคนได้ลงสนาม จงมั่นใจได้เลยว่าเด็กคนนั้นต้องมีดีอย่างแน่นอน
สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ คือคนที่ได้รับโอกาสนั้น นี่คือเด็กที่ก้าวขึ้นมาโยกคลอนตำแหน่งของทั้ง อันเดร์ เอร์เรร่า และ เนมานย่า มาติช และมิดฟิลด์ชาวสกอตต์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เห็นได้จากผลงานของเจ้าตัวในตอนนี้
"เขาคือคนที่ทำทุกอย่าง" มูรินโญ่ กล่าวถึงเด็กในคาถา "เขาเริ่มต้นจากอคาเดมี่ และจบฤดูกาลด้วยการลงเล่นในเกมใหญ่, ในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีก, และก้าวขึ้นเป็นแข้งคนสำคัญของทีม"
"ผมคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ควรจะกลับบ้านมือเปล่า, ดังนั้นเขาได้รางวัลจากผม"
ฤดูกาลนี้ แม็คโทมิเนย์ ลงสนามทุกเกมในลีกและเป็นนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างประทับใจแฟนบอลมากที่สุดในฤดูกาลนี้
มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่ใช่นักเตะเบอร์ 9
การดึง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ โรเมลู ลูกากู มาสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด สร้างความกังวลใจให้กับเหล่าสาวก "ปีศาจแดง" ที่มองว่าโอกาสลงสนามของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต้องน้อยลงแน่ๆ
กองหน้าทีมชาติอังกฤษถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงและมีฝีเท้าไม่ธรรมดาและได้รับการคาดหมายว่านี่แหละคือดาวยิงหมายเลข 1 ของทีมในอนาคต
แต่ในความคิดของนายใหญ่ชาวโปรตุเกส แรชฟอร์ด ไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า
และจากผลงานในฤดูกาลนี้นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคิดถูกกับการถูกดันขึ้นไปยืนกองหน้า "เบอร์ 9" ผลงานก็ออกมาอย่างที่เห็น
ด้วยตัวเลขสถิติ 18 ประตูจาก 59 เกมยามยืนตำแหน่งนี้ต้องบอกว่ายังไม่ดีพอ และควรจะไปเล่นในตำแหน่งแนวรุกทางฝั่งซ้าย คือพื้นที่ที่ดีที่สุดของเขา
อันเดรียส เปเรยร่า ยังไม่ใช่คำตอบ
ดูเหมือนว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะชื่นชอบ อันเดรียส เปเรยร่า มากทีเดียว จากการที่ได้ลงสนามต่อเนื่องในฤดูกาลนี้
ตรงข้ามกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ส่งกองกลางชาวบราซิลรายนี้ให้กับสโมสรอื่นยืมตัวทั้งกับ กรานาด้า และ บาเลนเซีย ในช่วงสองปีที่คุมทีมในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
"เขามีศักยภาพที่จะต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่ง, สู้เพื่อโอกาสในการลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" มูรินโญ่ กล่าว
ซึ่งทาง มูรินโญ่ ก็ให้โอกาสลงสนามในช่วงต้นซีซั่น 2018/19 แต่ผลงานก็ไม่ได้ดีอะไรมากนัก ซึ่งสุดท้ายก็นั่งสำรองข้างสนามไป
ถึงตอนนี้ฟอร์มของนักเตะก็ยังไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรให้กับทีม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ สถานการณ์ก็ไม่ได้สร้างวีรบุรุษเลย
ปอล ป็อกบา เป็นพวกเชื่อใจไม่ได้
หนึ่งในภาพที่คุ้นตาก่อนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ จะถูกปลดออกจากตำแหน่งก็คือการโต้เถียงกับ ปอล ป็อกบา ที่สื่อพากันนำเสนอทั้งในสนามแข่งและสนามซ้อม
ถึงขนาดที่ว่าเทรนเนอร์คนดังชี้ว่า ป็อกบา คือเชื้อร้ายบ่อนทำลายทีม
"คุณไม่เคารพนักเตะและแฟนบอล, และคุณทำลายความเชื่อมั่นของทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณ" มูรินโญ่ พูดถึง ป็อกบา
"คุณเหมือนกับคนที่เป็นไข้, มีไวรัสอยู่ในห้องที่ปิด - คุณส่งต่อเชื้อนั้นให้กับคนอื่น"
การโดนปลดจากตำแหน่งของ มูรินโญ่ ถือเป็นชัยชนะของ ป็อกบา ในการต่อสู้กันของผู้จัดการทีมและนักเตะ แต่สิ่งที่เขาตอบแทนให้สโมสรตอนนี้เป็นยังไงล่ะ?
เริ่มจากประกาศชัดเจนว่าต้องการย้ายออกจากทีม, ผลงานที่ออกมาก็เข้าขั้นห่วยแตก แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ มูรินโญ่ วิจารณ์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ทีมต้องการแนวรับระดับโลก
หนึ่งในสิ่งที่ โชเซ่ มูรินโญ่ มุ่งมั่นและแน่วแน่ที่สุดในการคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คือการซื้อกองหลังมาเสริมทัพ โดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์ 2018
โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, กาลิดู กูลิบาลี่, เยโรม บัวเต็ง และ เยร์รี่ มีน่า คือชื่อที่นายใหญ่ชาวโปรตุกีสยื่นให้สโมสรพิจารณา แต่สุดท้ายไม่ได้ใครมาร่วมทีมเลยแม้แต่คนเดียว
ข้ออ้างของบอร์ดบริหารอาจจะเป็นเพราะทีมมีเซนเตอร์ให้ใช้งานเพียบทั้ง เอริก ไบยี่, คริส สมอลลิ่ง, ฟิล โจนส์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ มาร์กอส โรโฮ แต่เอาจริงๆมีใครที่ไว้ใจได้บ้าง
สุดท้ายทีมก็ต้องควักกระเป๋า 80 ล้านปอนด์ดึง แม็กไกวร์ มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ถามว่าเป็นยังไง ส่วนตัวอาจจะดี แต่ในภาพรวมก็อย่างที่เห็น
คงไม่บอกว่าถ้าทีมยอมให้ซื้อแนวรับจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาตั้งแต่มี มูรินโญ่ นั่งเก้าอี้ทีมจะเหนียวแน่นกว่านี้ แต่เชื่อมือ มูรินโญ่ ว่าจะไม่แย่กว่าที่เป็นอยู่แน่นอน
กุนซืออ่อนแอสุดท้ายจะล้มเหลว
"ผมไม่ต้องการเป็นคนดี, เพราะการเป็นคนดี, หลังจากผ่าน 3 เดือน, จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงและจุดจบก็คงไม่สวยนัก"
นี่คือคำพูดของ มูรินโญ่ ที่กล่าวเอาไว้หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากที่ช่วงฮันนีมูนของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มแย่ลงเรื่อยๆด้วยการแพ้ 6 จาก 10 เกมหลัง
และเมื่อมองนายใหญ่ชาวนอร์เวย์ในช่วงที่ผ่านมายิ่งขับเน้นให้คำพูดของ มูรินโญ่ เด่นชัด
โซลชา คือคนดีแต่สิ่งที่น่ากลัวคือเขาไม่แกร่งพอที่จะจัดการกับคนที่อยู่เหนือกว่าเขาในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งความหน่อมแน้มของเขาอาจจะเป็นปัญหาในการควบคุมนักเตะในทีม
มีสักกี่ครั้งที่เราจะได้เห็น โซลชา ออกมาตะโกนด่านักเตะข้างสนาม, แม้ในวันที่ทีมผลงานย่ำแย่ในสายตาแฟนบอล เจ้าตัวเองยังชื่นชมนักเตะว่าทำผลงานได้ดี!!
เขาอาจจะเป็นกุนซือที่บอร์ดบริหารชอบเพราะไม่มีปากเสียง ไม่พูดเรื่องเสียหายของสโมสรออกสื่อ แต่ไม่ใช่ในแบบที่แฟนบอลชอบแน่นอน
