เว็บไซต์ 'ดิส อีส แอนฟิลด์' ย้ำโค้ชโปรตุกีสรายนี้มาว่าถูกวางให้ปลุกปั้นขุมกำลังหนุ่มๆโดยเฉพาะ แทนที่ เพพิน ลินเดอร์ส ซึ่งต้องช่วยแก้เกมให้ทีมชุดใหญ่เต็มตัว ไม่สามารถเป็นสะพานเชื่อมผลผลิตอะคาเดมี่ เชียร์สู่ซีเนียร์อย่างเดิมอีก
ซึ่งตัว มาโตส นี่เองก็เป็นคนถูกชักชวนจาก ลินเดอร์ส ให้ย้ายจากเอฟซี ปอร์โต้ ตามรอยเท้ามายังเมอร์ซี่ย์ไซด์
ชีวิตการทำงานซึ่งส่วนใหญ่อยู่เบื้องหลังมาตลอด วันนี้เราจะมารู้จักช่างเพชรนักเจียระไนกัน
เริ่มงานที่ปอร์โต้, เปิดประสบการณ์เมืองจีน แล้ววนกลับโปรตุเกส
หากมองแค่วัยวุฒิเพียง 31 ปี ก็ถือว่ายังหนุ่มมากๆกับงานโค้ช แต่หาทราบไม่ว่าเขาอยู่วงการมากว่า 11 ปีแล้ว โดยเริ่มอาชีพกับสโมสรในโปรตุเกส
ตำแหน่งที่เคยรับก่อนมาจับงานพัฒนาเยาวชนให้'หงส์แดง' ก็นับว่าหลายบทบาทเช่น ผู้อำนวยการเทคนิค-ประสานงาน, หัวหน้าโค้ช, ฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล-ส่องฟอร์มคู่แข่ง และผู้ช่วยโค้ช
การผจญภัยของ มาโตส เริ่มเมื่อปี 2008 กับ ซีเอฟ วาลาดาเรส จากนั้นปีเดียวย้ายมาร่วมงาน คลับ เดสปอร์ติโว โตรเฟนซ่า เป็นเฮดโค้ชทีม ยู-16 และ ยู-18 ควบคู่ตำแหน่งผอ.เทคนิค ทีม ยู-13
สั่งสมประสบการณ์กับเด็กๆราว 3 ปี ก็ไปเข้าตาค่ายใหญ่อย่าง เอฟซี ปอร์โต้ ดึงมาร่วมทัพตอนซีซั่น 2010-11 ซึ่งขณะนั้น มาโตส อายุไม่ครบ 23 กะรัตเลยด้วยซ้ำ
ลินเดอร์ส (กลาง) ผู้แนะนำ มาโตส (ขวา) มา ลิเวอร์พูล
ซีซั่นต่อมาความรับผิดชอบของเขามากขึ้นทั้งเป็นหัวหน้าโค้ชทีม ยู-10, ผู้ช่วยโค้ช ยู-15, สเกาต์ผลงานคู่แข่งให้ทีม ยู-19 ซึ่งด้วยความเป็นคนหนุ่มแววดีนี่เอง จึงโดนทีม ปอร์โต้ บี ลากไปช่วยงานด้วยเลย
แล้วเพราะทำงานกับเยาวชนมาเกือบทุกชุด ย่อมมีส่วนในการผลักดันกองกลาง รูเบน เนเวส (วูล์ฟส์), ดิโอโก้ ดาโล่ต์ (แมนฯ ยูไนเต็ด) และ อันเดร ซิลวา (เอซี มิลาน) แจ้งเกิดเวทีนานาชาติ
ช่วงที่ มาโตส ทำงานกับ ปอร์โต้ ก็เป็นจังหวะเดียวกับ ลินเดอร์ส อยู่ใต้ชายคากันพอดี จึงถือโอกาสผูกมิตรตั้งแต่เวลานั้น
กระทั่งโค้ชหนุ่มอยากหาประสบการณ์ชีวิตใหม่ เลยขอลาจาก ปอร์โต้ เมื่อปี 2016 เพื่อไปร่วมงานสโมสร ซานตง ลู่เหนิง ที่ไชนีส ซูเปอร์ลีก ดำรงตำแหน่งปธ.เทคนิคแผนกเยาวชน ควบคู่โค้ช ยู-16
เนเวส ก็เคยร่วมงาน มาโตส
อย่างไรก็ตามอุปสรรคที่เขาเจอเมื่อไปทำงานแดนมังกรคือเรื่องของภาษา เพราะแม้ตัวเองจะสื่อสาร โปรตุกีส และอังกฤษ อย่างแคล่วคล่อง ทว่าล่ามผู้ถ่ายทอดแก่เด็กๆ กลับขาดความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ลูกหนัง หลายสิ่งหลายอย่างตกหล่น
โอกาสที่ ซานตง จึงเหมือนไปเปลี่ยนบรรยากาศมากกว่า กระทั่งก่อนเปิดฤดูกาล 2018-19 ถูกตามกลับมาทำงานให้ ปอร์โต้ บี ฐานะผู้ช่วยของ รุย บาร์รอส ก่อนจะเก็บกระเป๋าจากบ้านเกิดเมืองนอนมาหาความท้าทาย ณ ลิเวอร์พูล
คนหนุ่ม, ฉลาด และมีประสบการณ์ทำงานจริง
ว่ากันว่าประวัติการศึกษา มาโตส จบปริญญาโทด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและกายภาพ, ผ่านการอบรมหลักสูตรเยาวชน เอ-ไลเซนส์ จากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป, ประสบการณ์ร่วมงานเด็กหนุ่มหลายรุ่น ก็หวังนับความรู้ความสารถเหล่านั้นผลักดันน้องๆ ลิเวอร์พูล เลือดใหม่ได้ก้าวสู่ชุดใหญ่ในอนาคต
ก็นับเป็นการคัดสรรบุคลากรที่ดี ก่อนสโมสรจะเปิดศูนย์ฝึกแห่งใหม่ยังย่าน เคิร์กบี้ ซึ่งทั้งผู้เล่นชุดใหญ่ และเยาวชน ร่วมใช้ฐานบัญชาการเดียวกัน
ต่างจากแล้วๆมาซีเนียร์ซ้อมยัง เมลวู้ด
มาโตส (ซ้าย) คุยกับ อิงเกิ้ลโธร์ป (ขวา) ผอ.อะคาเดมี่
สำหรับงานหลักของมือเจียระไนคือลับประกายให้กลุ่มเด็กความหวังอย่าง เลห์ตัน คล้าร์กสัน, เซพพ์ ฟาน เดน เบิร์ก, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, คี-ยาน่า ฮูเวอร์ หรือ เคอร์ติส โจนส์ สอดแทรกขึ้นชุดใหญ่อย่างมีคุณภาพ
เพราะห้าคนที่กล่าวไป ผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง ดังนั้นหากได้พี่เลี้ยงดีก็เพิ่มโอกาสแจ้งเกิดไว
"หมอนั่นเป็นโค้ชที่โดดเด้ง อายุน้อยก็จริงแต่เปี่ยมประสบการณ์ทำงาน แบบนี้เห็นไม่บ่อย บ้าพลังอีกต่างหากวันๆนึงซ้อมได้ 6-7 มื้อ" คล็อปป์ พูดถึง มาโตส
"เท่าที่คุยกันรู้เลยหมอนี่ฉลาด, สื่อสารภาษาอังกฤษดี สิ่งนี้สำคัญ, ผ่านงานจริงกับหลายสโมสร และได้วิชามาเยอะจาก เอฟซี ปอร์โต้ สถาบันเดียวกับ เพ็พ ลินเดอร์ส"
"ก็คงไม่ต้องสอนงานกันมากเพราะเขาเป็นมาก่อน เราต่างหากต้องหาประโยชน์จากส่วนนี้ - บอกเลยว่าการได้ วิเตอร์ ร่วมสตาฟฟ์เป็นประโยชน์แก่เด็ก ลิเวอร์พูล 100%"
กลุ่มแข้งหนุ่มที่จะโดน มาโตส จี้เป็นพิเศษ
ศาสตร์ลูกหนังแห่งสถาบัน ปอร์โต้ ว่ากันว่าถูกคิดค้นโดยปรมาจารย์ วิเตอร์ ฟราเด้ - ถูกทำให้มีชื่อเสียงโดย โชเซ่ มูรินโญ่ และผ่านการพัฒนามาต่อเนื่องหลายปี ณ ศูนย์ฝึก ปอร์โตกาเอีย ถ่ายทอดเคล็ดแค่กับคนใน
ดังนั้น มาโตส ที่เก็บเกี่ยววิชาทั้งจากตำราเดิม รวมถึงชุดปรับปรุงใหม่ในสมัยสองเมื่อคัมแบ็คร่วมงานทีม 'ตรามังกร' จึงความรู้เต็มสมอง
เท่านั้นไม่พอโค้ชหนุ่มยังขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ เมื่อต้นปี 2019 ก็เข้าชื่อร่วมประชุมโค้ชนานาชาติ ณ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียลูกหนังกับเพื่อนพ้องในวงการ
ปณิธานของสตาฟฟ์วัย 31 ปี คือขัดเกลาเด็ก 'หงส์แดง' ให้มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว, เฉียบขาดขึ้นในจังหวะสำคัญรุก-รับ, ข้ามขีดจำกัดร่างกาย เพื่อเอาไปใช้กับเทคนิคลูกหนังหรือแท็คติค ซึ่งเคี่ยวกรำมาตลอดก่อนแข่ง-ระหว่างเกม
รอดูกระบวนการ 2-3 ซีซั่นจากนี้ว่าหนุ่มๆ 17-18 ปีเหล่านั้นจะถูกขัดเกลาให้ขึ้นไปเล่นกับชุดซีเนียร์กี่หน่อ?
