:::     :::

แดงเดือด ใครไม่พร้อม เราก็ไม่พร้อม!!!!

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,178
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เช็คความพร้อมของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จากบรรดานักเตะที่มีอยู่ในทีม และสภาพปัญหากับฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่เสียกว่าทีมชาติไทยซะอีก

กลับเข้ามาสู่บรรยากาศของการดูฟุตบอลอังกฤษกันอีกครั้งยาวๆ หลังจากเบรคพักเกมทีมชาติไป กับแมตช์หยุดโลกเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่9ของแมนยูไนเต็ด จะต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของคู่อริซึ่งเป็นจ่าฝูงอยู่ในตอนนี้อย่าง ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคมนี้เวลา 22.30 น. ใครที่มีธุระปะปังอะไร รีบเคลียร์คิว เช็คเวลาให้เรียบร้อย แล้วมาอยู่หน้าจอรอดูแมตช์การแข่งขันสนุกๆของสองทีมที่อาฆาตแค้นกันสุดๆ แต่ก็มีสายสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอยู่ระหว่างสองทีมยอดนิยมของแฟนบอล

ดังนั้นเกมแดงเดือดมันจึงเป็นเกมที่มีอะไรพิเศษอยู่เสมอ ไม่ว่าจะปีไหนๆหรือสถานการณ์เป็นยังไง


เช็คความพร้อมของแมนยูไนเต็ดตอนนี้ ต้องบอกตามตรงว่า ปัญหานักเตะตัวหลักเจ็บมันทำให้ทีมเราประสบปัญหามาก และสามารถพูดได้ว่า "ไม่พร้อม" ในการทำศึกให้ได้ผลการแข่งขันที่ดีมาก สืบเนื่องจากปัญหาเดิมๆของทีมเราที่มีขนาดของsquadเล็กมากจนแทบจะเรียกได้ว่ามีอะไรก็ต้องส่งๆลงไปให้ครบกันอยู่แล้ว  และเมื่อปริมาณนักเตะไม่เพียงพอ แล้วมาเจอปัญหาที่ทุกทีมต้องเจอ(อ้างไม่ได้) เวลาที่ตัวเจ็บไปนั้น ผลของการมีขนาดทีมเล็กนั้น ทำให้เราแทบจะไม่มีนักเตะดีๆที่สามารถนำมาปรับเปลี่ยนลงไปเล่น แล้วรักษามาตรฐานที่ดีเอาไว้ได้

ความพร้อม ณ ปัจจุบันนี้ตามข่าวที่ออกมา เราได้เห็นข่าวร้ายจากการบาดเจ็บของเดเคอาจากเกมทีมชาตินัดล่าสุดสดๆร้อนๆ และปัญหาอาการของป็อกบาที่เรื้อรังต่อเนื่องกันมาหลายเกมแล้วตั้งแต่หลายแมตช์ก่อนหน้านี้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการเยียวยาอาการบาดเจ็บตามธรรมชาติ ดังนั้นสองตัวหลักที่ผมถือว่าเป็น"นักเตะระดับชั้นนำของทีม" ที่เป็นตัวหลัก ตัวแบก และตัวความหวังของทีมเรามีอาการบาดเจ็บและไม่สามารถหายลงสนามได้ทันนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาอย่างมาก ทั้งในแง่ของการเล่น การจัดตัว และความยืดหยุ่นของแผนและแทคติกที่เราจะสามารถวางหมากเอาไว้จัดการกับคู่ต่อสู้ได้

การหายไปสองตัวหลักเช่นนี้ทำให้เราแทบไม่เหลือตัวเลือกอะไรดีๆเลยในสนาม จำเป็นต้องจัดตัวเท่าที่มีอยู่ลงไปให้ครบตำแหน่ง11คนพอที่จะเล่นแผนได้เท่านั้นเอง

นั่นคือรายของเดเคอา และ ปอล ป็อกบาที่น่าจะไม่สามารถมาลงในเกมแดงเดือดอาทิตย์นี้ได้แน่ๆแล้วดูจากทรง หรือถ้ามีปาฏิหาริย์ของเข็มฉีดยา ก็คงจะไม่มีทาง100%แน่ๆ ไม่ส่งลงเสียจะดีกว่าทู่ซี้ใช้ป็อกลงไปแล้วเจ็บเหมือนนัดก่อนหน้านี้

2แผ่นหลังที่เราจะไม่ได้เห็นในเกมแดงเดือดนัดนี้

นอกจากนี้ยังมีตัวที่จำเป็นต้องเช็คความฟิตอีกทั้งมาร์กซิยาล และ วานบิสซาก้า ที่จากการคาดเดาคิดว่า หากยังไม่ฟิต มาร์กซิยาลน่าจะได้อยู่ในม้านั่งสำรองก่อน แล้วค่อยส่งลงมาช่วงครึ่งหลัง  ทางด้านบิสซาก้า ตัวนี้เป็นตัวสำคัญสุดๆที่จะหยุดแนวรุกที่ทรงพลังทางฝั่งซ้ายอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งน่ากลัวที่สุดในแผงตัวรุกSMFของลิเวอร์พูลแล้ว ไม่ใช่ซาลาห์ ดังนั้น คีย์ของเกมในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ส่วนตัวคิดว่า อยู่ที่ความฟิตของ AWB เน้นๆเลยว่า เขาจะกลับมาลงสนามได้หรือไม่

คืออย่างน้อยๆถ้าบิสซาก้าลงได้ น่าจะได้ดวลกับปีกลิเวอร์พูลอย่างสนุกแน่ๆ และเชื่อว่าเกมรับจะเหนียวกว่านี้แน่นอน เพราะหากเขาไม่หายเจ็บ และลงไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าเราจะต้องดู ดาโลต์ แอชลีย์ยัง หรือไม่ก็ตวนเซเบ้ ในตำแหน่งแบ็คขวาแน่ๆ ซึ่งสองรายแรกรับรองว่า โดนเจาะเละเทะแน่นอน ส่วนตวนเซเบ้ก็ยังพอมีลุ้นเกมรับอยู่บ้าง น้องเล่นแบ็คได้ดีเลยล่ะ แต่หากให้เลือกจริงๆ AWB ควรจะต้องหายแล้วมาลงตำแหน่งนี้ให้ทันจึงจะดีที่สุด


ส่วนอีกตัวหนึ่งตามข่าวที่มีอาการบาดเจ็บก็คือ เจสซี่ ลินการ์ด ที่บาดเจ็บและน่าจะไม่พร้อมจะลงสนามในเกมนี้ตามการคาดการณ์ ดังนั้นเราจึงพอจะเห็นรูปทรงของแมนยูไนเต็ดที่น่าจะได้ลงสนามในเกมแดงเดือดนี้พอประมาณ หากยึดแผนการเล่นที่โอเล่ชอบใช้ และตัวนักเตะที่เรามีอยู่ 11ตัวจริงแรกน่าจะเป็นเช่นนี้

---------------------Romero---------------------

AWB-------Lindelof--------Maguire-------Young

------------Mctominay----Matic------------------

Pereira--------------Mata-------------------James

----------------------Rashford------------------

ร่างทรง 4-2-3-1 ที่ทีมใช้และฝึกซ้อมมาตลอดซีซั่นนี้น่าจะยืนพื้น คงไม่น่าจะมาเปลี่ยนอะไรนัดสำคัญๆแบบนี้ กับเกมที่เจอทีมสวนกลับเร็วและเล่นบอลไดเร็คต์จากริมเส้นอย่างลิเวอร์พูล แผนสูตรที่มีทั้งแบ็ค และปีกที่พร้อมถอยต่ำมาซ้อนเกมรับ น่าจะถูกหยิบมาใช้ในการเจอกับลิเวอร์พูลมากกว่าจะใช้สูตรอื่นอย่าง 4-3-3 ที่ลิเวอร์พูลไม่ได้มีความน่ากลัวในการเจาะจากแนวกลาง ดังนั้นคีย์แมนของเกมนัดนี้ ทั้งรุกและรับ คือผู้เล่นตำแหน่งริมเส้นทั้ง4ตัวนั่นเองก็คือ RB LB RW LW 4ตัวนี้


ถามว่า ทำไมถึงได้สำคัญ เพราะว่าในเกมรับอย่างที่บอกไปแล้ว ลิเวอร์พูลมีปีกและเกมเร็วที่น่ากลัวมากๆ ดังนั้นตัวสกรีนหน้างานอย่างแบ็คทั้งสองฝั่งจึงสำคัญมากๆ รวมถึงปีกเราเองที่ถอยต่ำลงมาช่วยซ้อนแบ็คเล่นตั้งรับกัน อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในทุกๆเกมว่านี่คือสิ่งที่ทีมงานของโอเล่กำชับให้ผู้เล่นในเกมบุกจะต้องรับหน้าที่ในการเล่นเกมรับด้วย

ส่วนเกมรุก พูดตามตรงเลยว่า เกมตรงกลางของเราคือจุดอ่อนมากๆเนื่องจากกลางรุกไม่มี กองกลางตัวหลักอย่างป็อกก็เจ็บ แถมที่สำคัญคือ กำแพงที่ขวางตรงกลางอยู่ทั้งภาคพื้นและกลางอากาศ มันคือเวอร์กิล ฟานไดค์ ที่ยอมรับว่าฝีเท้าดีและฟอร์มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆจริงๆ ดังนั้นไม่ว่าเราจะพยายามบุกในรูปแบบไหนๆก็ผ่านตรงกลางยากมากๆ เช่น จะเล่นเกมสวนกลับโดยใช้ความเร็วของเจมส์และแรชฟอร์ด  ไม่ใช่สิ่งที่จะทำอะไรเวอร์กิลได้เลย เพราะไอ้หมอนี่วิ่งเร็วกว่าตัวรุกบางคนของทีมตัวเองซะด้วยซ้ำ! ส่วนเกมกลางอากาศ หากเราจะใช้แมกไกวร์ในการจู่โจมก็ต้องบอกเลยว่า เป็นงานหินของแมกไกวร์ ที่แม้ปกติจะแย่งเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่สำหรับการเจอกองหลังเบอร์หนึ่งรายนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป


ดังนั้น ไม่ว่าจะหาทางเจาะไปในรูปแบบไหนๆ พื้นที่ตรงกลางหน้าปากประตูลิเวอร์พูลถือว่ายาก และหินที่สุดแล้วในการจะเจาะจากตรงนั้น นี่ยังไม่นับผู้เล่นตำแหน่งอื่นๆอีกมากมายที่ฝีเท้าเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแบ็คซ้ายขวาที่พร้อมหุบมาช่วยอย่างเทรนท์กับโรเบิร์สัน กลางรับอย่างฟาบินโญ่ที่เก็บกินได้ตลอดและมีวินัยเกมรับดี แถมจีจี้ไวนัลดุมเองก็ช่วยงานกลางสนามได้เยอะ  ดังนั้นจากตรงนี้ที่เขียนมาทั้งหมดจะเห็นได้เลยว่า พื้นที่"ตรงกลาง" คือสิ่งที่ลิเวอร์พูลแข็งแกร่งมากๆ

ดังนั้นทางเดียวที่จะหาทางจู่โจมได้ คือเกมริมเส้นแบบคลาสสิคของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนี่แหละที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้


นักเตะริมเส้นของเราในเกมนี้ มันจึงเป็นความคาดหวังทั้งหมดที่ตกไปอยู่กับ แดเนียล เจมส์ ในตำแหน่งปีกซ้าย และก็หวังว่า ทีมงานคงไม่พยายามย้ายเจมส์ไปเล่นทางขวาอีกเพราะประสิทธิภาพลดลงมากๆ ยกเว้นแต่ว่า มาร์กซิยาลหายเจ็บและฟิตพร้อมลงสนาม  สูตรแดนหน้าตัวรุกอาจจะเป็นลักษณะของสามตัวนี้

Rashford Martial — James

โดยมีมาต้า ซัพพอร์ตและเชื่อมเกมอยู่แนวหลังสามตัวนี้ ซึ่งก็ถือว่าเข้าใจได้ และคิดว่า โอเล่น่าจะส่งลงมาในรูปแบบนี้ แต่จริงๆแล้วการใช้งานสามคนนี้ ควรจะใช้งานให้ตรงตำแหน่งที่สุด อย่างน้อยก็ 2ใน3ตัวนี้จะต้องได้เล่นตำแหน่งที่ถนัดของตัวเอง นั่นก็คือ

James — Martial — Rashford


ควรจะเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดถ้าเจมส์ได้เล่นตำแหน่งถนัด น้องมันจะต้องจู่โจมได้อันตรายแน่นอน เช่นเดียวกันกับมาร์กซิยาลที่ถ้าหายกลับมาทัน แดนหน้าที่มีเขาอยู่น่าจะได้ลุ้นกว่าแรชฟอร์ดในตอนนี้  ส่วนน้องแรชที่ฟอร์มเยี่ยมกับทีมชาติเหมือนเคย เขาเองเล่นในตำแหน่งของกองหน้าตัวรอง ที่คอยซัพให้หน้าเป้าถึงจะดีที่สุด และควรต้องมีพื้นที่ให้ใช้ความเร็ว

ดังนั้นส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า การใช้แรชฟอร์ดในตำแหน่ง กองหน้าด้านขวา น่าจะดีที่สุดสำหรับทีม เพราะแรชจะเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เล่นตำแหน่งถนัด แต่อีกสองคนจะเฉิดฉายได้อย่างถึงที่สุด ส่วนแรชฟอร์ดให้ใช้เป็นตัวjokerในการวิ่งสอดแทรก ทะลุ และสวนกลับมาทางฝั่งปีกขวาน่าจะดีกว่า และที่สังเกตดู เกมสวนกลับจากทางขวา ผมว่าแรชฟอร์ดทำได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ยิงได้เองโดยตรงหรือลากเลื้อยกินตัวได้ แต่ความเร็วของเขาน่าจะใช้ก่อกวนแผงหลังลิเวอร์พูลได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจอแบ็คพลังช้างอย่างโรเบิร์ตสัน  เอาตัวที่ถึกพอๆกันไปวิ่งไล่บี้กัน น่าจะเป็นหมากที่ดีที่สุดแล้ว


แต่อย่างที่เขียนเอาไว้ในข้างต้นว่า ผมไม่มั่นใจและไม่คิดว่าน้องหมากจะได้สตาร์ทตัวจริง ดังนั้นตำแหน่งที่เขียนไปแล้ว ก็คงจะเป็นPereiraที่ได้ลงสนามก่อน และประสิทธิภาพคงจะไม่ดีเท่าหมากอยู่แล้ว ได้แต่หวังว่า หมากจะหาย และได้ลงเป็นตัวจริง อย่างน้อยๆก็จะได้มีลุ้นในการทำประตูได้บ้าง เมื่อไม่มีความชัวร์ที่หมากจะฟิตพอ และได้ลงตัวจริงเช่นนี้ นั่นแปลว่าเราจะต้องทนเห็น มาต้า และ เปเรร่า เล่นตัวรุกของเรากับแรชฟอร์ดต่อไป โดยที่เจมส์ที่มีคนเดียวก็คงแบกเกมรุกทั้งหมดไม่ไหว

ส่วนแผงกองกลาง ตามสูตรของโอเล่ที่เห็นบ่อยๆ เฟร็ดมักจะถูกเปลี่ยนลงมาตอนท้ายในเวลาที่ทีมต้องการประตูเพิ่ม หรือต้องการบุกเพิ่ม ดังนั้น คู่ของแม็คโทมิเนย์ กับ มาติช น่าจะจับคู่กันลงตรงกลางก่อนอันดับแรก ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ตามเดิมที่ทีมเคยเล่นๆกันมา บอกได้เลยว่า "เละ"

เมื่อไหร่ที่มาต้า ลงพร้อม มาติช ก็เหมือนกองกลางเราเหลือแค่แม็คโทมิเนย์คนเดียว ทั้งๆที่เดินอยู่ในสนามกันสามคน!


ความเชื่องช้าของมาต้ามาติชจะเจอเกมเพรสซิ่งเร็วของลิเวอร์พูลเล่นงานแน่ๆ และพวกเขาจะเสียบอลอย่างรวดเร็วและโดนบุกกลับในจังหวะที่แมนยูไนเต็ดควรจะเป็นฝ่ายได้บุกกดใส่ ข้อนี้จินตนาการก่อนล่วงหน้าได้เลยว่าเกมจะเป็นแบบไหน เพราะทั้งสองตัวนี้พูดกันตรงๆแล้วว่า หมดแล้วทั้งคู่  ดังนั้นแดนกลางเราคงจะได้เห็นน้องแม็คคนเดียวที่ทำอะไรได้น้ำได้เนื้อกว่าชาวบ้าน ทั้งความทุ่มเท และฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น แต่จะให้เอาแม็คคนเดียวไปสู้กับกลางของลิเวอร์พูลที่เล่นบอลกันได้simpleแต่มีประสิทธิภาพมากๆ   จากการที่ได้นั่งชมเกมพวกเขาบ่อยๆ กลางหงส์แดงไม่จำเป็นต้องมีอะไรพิเศษเหมือนปอลป็อกบา แต่สิ่งที่พวกเขาทำมันเป็นสิ่งธรรมดาๆ แต่สามารถจับต้องได้ และสนับสนุนนักเตะแนวรุกให้สามารถเล่นกันได้อย่างอิสระ

การเสียสละบทพระเอกให้แนวรุก นั่นแหละคือจุดแข็งของกองกลางลิเวอร์พูลนั่นแหละที่เราจะต้องรู้เอาไว้


แผงหลัง คู่กลางของเราน่าจะเป็นงานของ ลินเดอเลิฟ จับคู่กับ แมกไกวร์อีกครั้ง โดยที่แบ็คซ้าย ก็คงจะเป็นแอชลีย์ ยัง ที่ยังคงเป็นลูกรักของโอเล่เหมือนเดิม ที่ไม่ว่าใครจะเล่นดีกว่ามันแค่ไหน เขาก็จะได้ลงสนามเสมอตราบใดที่ลุค ชอว์ยังไม่หายดี และฟอร์มของยังในตอนนี้ ไม่สามารถเอาแน่เอานอนได้เลยว่า วันไหนมันจะมีเกมรับที่เหนียว หรือจะหลุดรั่วเละเทะบ้าง  ส่วนเกมรุก ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าเน่าทุกเกม กับลูกเปิดยาวไปข้างหน้ามั่วๆ การโดนบีบจนเสียบอล หรือเติมเกมรุกขึ้นไปเปิดบอลสู่เสาสาม พุ่งตรงไปโลกพระจันทร์นู่นนนนน  พูดได้เลยว่า ทำใจรอกันได้เลย

รายของลินเดอเลิฟ เกมนี้ผมว่าน่าจะเหมาะกับเขา เพราะลิเวอร์พูลน่าจะไม่ส่งโอริกี้ลงมาอย่างน้อยๆก็60นาทีที่เขาจะไม่โดนความแข็ง ความใหญ่เล่นงาน น่าจะพอลุ้นฟอร์มดีๆจากลินเดอเลิฟได้ ส่วนแมกไกวร์นี่ตามมาตรฐานอยู่แล้ว เชื่อใจได้ แต่แบ็คขวานี่ละอย่างที่บอกไปว่า AWBก็ 50/50 เหมือนกัน ดังนั้นหากเขาได้ลง เราจะมีเกมรับที่เหนียวมากๆ แต่ถ้าไม่ได้ลง หวังว่า คนที่ลงจะเป็น ตวนเซเบ้ มากกว่า ดาโลต์ เพราะเอาจริงๆเลยนะ หากพูดกันตามตรงเราเล่นที่บ้าน เราควรจะ "เน้นเกมบุก" เป็นหลักอยู่แล้วตามสไตล์เจ้าบ้านที่ฮึกเหิมจากเสียงเชียร์มากกว่า

เจิมกูอีกแล้วนะแอด

แต่แมนยูในปัจจุบันนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะเช่นนั้นแล้ว เราจำเป็นต้องยอมรับสภาพว่าทีมเรามันอ่อนจริงๆ ดังนั้นการเลือกระหว่าง แบ็คขวาที่เติมเกมดีแต่รั่ว กับ แบ็คขวาที่เกมรับดีมากๆ เติมอาจจะไม่เด่น (Dalot VS Tuanzebe) ผมขอเลือกความแน่นอนของตวนเซเบ้มาก่อนดาโลต์ เพราะอย่างน้อยๆ ถ้าพื้นฐานของเกมรับเราดี เราก็จะพอมีโอกาสสวนกลับหรือหาจังหวะยิงได้บ้าง ไม่เสียก็ไม่เป็นไร

แต่ถ้าเกมรับเรารั่ว และพลาดโดนยิงไปสักลูกหรือสองลูก ก็แทบจะปิดประตูชนะไปได้เลย ดังนั้นเกมนี้ ขอเลือกความชัวร์ของ ตวนเซเบ้ก่อนในตำแหน่งแบ็คขวา

สุดท้าย ผู้รักษาประตู เรายอมรับว่า มือหนึ่งของเราจริงๆคือเดเคอา และการเจ็บไปย่อมส่งผลอย่างแน่นอนอยู่แล้ว แต่ใครจะว่าไงไม่รู้นะ ส่วนตัวผมอยากให้ โกลมือสองที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์แมนยูอย่างโรเมโร่นั้น ผมอยากให้เขาได้มีโอกาสลงในเกมสำคัญๆเช่นนี้ให้สโมสรเราบ้าง เพื่อตอบแทนความจงรักภักดี และไม่เคยอิดออดบ่นอะไรเลย เมื่อไหร่ที่เขาลงสนามก็เชื่อใจได้แทบทุกครั้ง

การบาดเจ็บของเดเคอา ผมจึงไม่รู้สึกpanicหรือกังวลใดๆทั้งนั้น เพราะนี่ไม่ใช่ "การสูญเสียเดเคอา"  แต่จริงๆแล้วมันคือ "โอกาสที่โรเมโร่จะได้ลงสนาม" ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญกว่า

สถานการณ์มักจะสร้างวีรบุรุษเสมอๆ


ดังนั้น จากการคาดการณ์ทั้งหมดเบื้องต้นแล้วนั้น ต้องพูดตามตรงเลยว่า มีนักเตะเพียงแค่ "ครึ่งทีม" เท่านั้นที่เราพอจะเชื่อใจ และลงสนามไปทำผลงานได้ดีแน่ๆ  นั่นก็คือ  AWB(ถ้าลง) Lindelof Maguire Mctominay James Romero  แต่ปัญหาคือ ไอ้อีกครึ่งที่เหลือนี่ เหมือนต่อให้ทีมนู้นเต็มๆเลย นั่นก็คือ  Young Matic Mata Pereira Rashford  จากการเดา11ตัวผู้เล่นที่จะลงสนามได้ + คุณภาพในการเล่นตามมาตรฐานปกติของนักเตะพวกนี้

คิดเอาว่า หากเปลี่ยนนักเตะหลายๆตำแหน่งได้ โดยสมมติว่าตัดเรื่องบาดเจ็บและเลือกตัวได้อิสระตามใจแฟนบอลแล้ว 5คนที่เป็น"ตัวกากลูกรัก" อย่าง Matic Mata Pereira Young มันควรจะเป็น Pogba Gomes Greenwood Shaw มากกว่า ซึ่งถ้าหาก4คนนี้ฟิตพร้อมและลงแทนพวกที่ว่าได้  จะทำให้ทีมดูดีและแข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะมากแบบหน้ามือเป็นหลังตีน

แต่มันเป็นไปไม่ได้!


เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราจะเห็นได้ว่า ปัญหาเดิมๆก็คือ นักเตะครึ่งทีม ยังคงเป็นนักเตะที่เล่นได้ห่วยแตกและย่ำแย่กว่ามาตรฐานเหมือนเดิม และก็จะได้ลงสนามไปเช่นเดิมนั้น มันบ่งบอกให้เห็นว่า ประสิทธิภาพในเกมนี้เราคงจะไม่มี และเลิกหวังที่จะเอาชนะลิเวอร์พูลได้ไปเลยในเกมนี้ เพราะความเป็นจริงคือ Shaw Pogba De Gea หายไม่ทัน  ส่วน Greenwood ไม่มีทางได้ลงตัวจริงก่อนเปเรร่าแน่ๆตามสไตล์บอลลูกรักของโอเล่ รวมถึงรายของ Rojo ที่ควรจะได้ลงก่อน Youngด้วย  หรือกระทั่ง Dalotเอง จริงๆหากเลือกได้ ก็อยากให้ลงแทนYoungอยู่ดี

สรุปแล้วเมื่อประมวลจากสิ่งที่แมนยูไนเต็ดมีในมือทั้งหมดนี้นั้น สามารถพูดได้เลยว่า "ทีมเราโคตรจะไม่พร้อม"

ดังนั้น เมื่อทีมไม่พร้อม นัดนี้พูดเลยว่า มองตามความเป็นจริง แม้จะรักแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเท่าชีวิตขนาดไหน แต่ผู้เขียนมองไม่เห็นเลยว่า ชัยชนะของแมนยูจะควานหาจากไหนได้ และตรงไหนที่เราจะต้านทานแรงบุกของลิเวอร์พูลได้ อย่างน้อยๆเขาต้องมียิงได้1ลูกแน่ๆ แม้จะเป็นเกมตึงเครียดอึดอัดยังไงก็ตาม คงจะมีสกอร์แน่ๆ แต่ในด้านของทีมเรา เกมรุกไม่มีแม้แต่เสี้ยวเดียวที่จะหวังได้ว่า เราจะทำประตูได้

ศาลาพยากรณ์ : สกอร์ที่คาด Manchester United 0 — 1 Liverpool


ยอมรับสภาพความเป็นจริงที่มีอยู่ โดยประมวลไอเท็มและอาวุธทั้งหมดที่เรามี พูดตรงๆว่า มันไม่พอจริงๆ แถมปีใหม่มีข่าวจะปล่อยตัวโกเมส ชง ให้ยืมตัวออกไปเก็บประสบการณ์อีก แต่ถ้าปล่อยออกไป ทีมเราไม่เหลือนักเตะลงจริงๆแบบ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปล่อยไปก็ไม่มีตัวจะลง ถ้าไม่ปล่อย เด็กก็ไม่ได้ประสบการณ์อีก เพราะโอเล่ที่บอกจะปั้นเด็กๆ แต่เอาจริงๆก็ดันให้โอกาสแต่ตัวกากๆที่ไม่เด็กแล้วอย่าง ลินการ์ด มาต้า และ เปเรร่า ลงสนามไปเล่นห่วยๆให้แฟนผีปวดตับกันทั้งโลกตามเคย

ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ที่ เรามีโอกาสแพ้ลิเวอร์พูลคาบ้านสูงมากๆ ส่วนตัวมองว่า 70%เลยที่เราจะแพ้คาบ้าน ส่วนอีก 25%คือยันเสมอเอาไว้ได้ และ 5%เผื่อฟลุคถูกหวยผีจับยัดอะไรบ้าๆบอๆขึ้นมา


ยังไงเสียก็มี 95% แล้วที่แมนยูไนเต็ดจะไม่ชนะในเกมนี้ ดังนั้นแฟนผีจึงควรต้องทำใจล่วงหน้าเรื่อง "ผลลัพธ์" ของการแข่งขันครั้งนี้เอาไว้ก่อน  ดูบอลตามความเป็นจริง ยอมรับ และเข้าใจมันให้ได้ว่าทีมเรามีปัญหาจริงๆทั้งในแง่ของการบริหารทีมด้านตลาดซื้อขาย และการจัดการแผนการเล่นของทีมโค้ช  เป็นปัญหาของทั้งบอร์ดและทีมโค้ชจริงๆในตอนนี้  ดังนั้น ผลลัพธ์ในเกมแดงเดือดวันนี้ พูดตามตรงว่า ลืมๆมันไปเถอะครับจ้าวนายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

แต่..

พูดแบบนี้ มันหมายความว่า เกมแดงเดือดนัดนี้ก็ไม่ต้องเชียร์แมนยูกันแล้วสิว่างั้น?


เปล่าเลยครับ คำตอบตรงกันข้ามเลย  เกมนี้เราจำเป็นจะยังต้องเชียร์อย่างสุดหัวใจอยู่ดี เพราะแม้ว่าต่อให้เราจะคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีๆยากแล้ว จากการเล่นที่ย่ำแย่ของทีม แต่ส่วนหนึ่งที่มันเคยเป็นมาตลอดก็คือ เกมแดงเดือดนั้น ไม่ว่าฟอร์มของทั้งคู่จะเป็นมายังไง แต่มันจะลดผลกระทบลงไปเพราะอารมณ์ ความดุเดือด และ"ศักดิ์ศรีของเกมใหญ่" ที่จะต้องถอดหัวใจมาสู้กันล้วนๆ โดยที่ฟอร์มที่ผ่านมาอาจจะใช้กับเกมนี้ไม่ได้เลยก็ได้

เราในฐานะแฟนบอลที่ต้องซัพพอร์ตสโมสร ใครที่อยากให้เราแพ้ๆไปเลยเพื่อให้เปลี่ยนผู้จัดการทีม คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้ไม่ผิดอะไร ถ้ามันต้องการให้แมนยูมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผมเคารพความคิดเห็นในส่วนนี้ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว เกมนี้ผมก็จะยัง"เชียร์ให้เราชนะ"อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม

แดงเดือดนัดนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแน่นอนไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร

เพราะหากแมนยูไนเต็ดชนะ นั่นแปลว่าเด็กๆลูกทีมของโอเล่จะได้รับกำลังใจและความฮึกเหิมมหาศาลในการเอาไปใช้กับเกมต่อๆไปอย่างแน่นอน  ในขณะเดียวกัน หากพวกเราแพ้ในเกมนี้  แรงกระเพื่อมของความกดดันที่จะมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีม จะโหมกระหน่ำอย่างเต็มส้นตีน และโอเล่น่าจะพอรู้อนาคตตัวเองบ้างแล้วหากเกมนี้โดนขยี้เละคาบ้าน  ก็อาจจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอีกครั้ง เหมือนภาพซ้ำที่เคยเป็นมาของปีที่แล้วที่มูรินโญ่ก็โดนไล่ออกสังเวยการแพ้ลิเวอร์พูลเช่นกัน

ดังนั้น จะชนะก็กำลังใจ  จะแพ้ ก็ได้ผู้จัดการทีมใหม่  ยังไงนัดนี้ก็วิน!(ฮา)

กูอีกแล้วเหรอ ไอ่ซัซ!! (เสียงน้าค่อม)

ผมไม่สามารถจะหาแง่มุม หรือโอกาสที่แมนยูไนเต็ดจะชนะในนัดนี้มาเขียนได้เลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ยกเว้นแต่ว่า พวกเขาโดนไล่ออกสองคนตั้งแต่สิบนาทีแรกนั่นแหละถึงค่อยหวังได้(ผ่าง) นอกนั้นคือไม่เห็นภาพเลยแม้แต่นิดเดียว จะหาว่าเราเป็นพวกมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่มองฟุตบอลแบบยอมรับสภาพความเป็นจริงว่าเรามีปัญหาอยู่ มันจะทำให้เรามีความสุขกว่าการหลอกตัวเองและเขียนไปว่า  เกมนัดนี้แมนยูจะกลับมา และจะหยุดการเป็นแชมป์ของลิเวอร์พูลให้จงได้ ซึ่งมันยากเหลือเกิน

และจากนัดนี้ หากหงส์แดงมาถลุงปีศาจแดงเละคาบ้านได้จริงๆ พูดก็พูดเถอะนะ ปีนี้ผมยกแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกให้เขาไปเลยแบบที่ไม่ต้องไปแซะอะไรกันแล้ว เพราะจะโทษใครได้ล่ะแฟนผี ในเมื่อเรากำลังจะเป็นคนถวาย6คะแนนให้เขาเต็มๆเพื่อไปเป็นแชมป์ ดังนั้นถ้าเกมนี้เราแพ้คาบ้าน ก็ยอมๆไปเถอะอย่าฝืนเลย

รูปนี้กำลังจะใช้เวลา6ปีถึงกลายเป็นความจริง

แต่ถ้าเกมนี้เราทะลึ่งชนะมาละก็สนุกแน่นอน อย่างน้อยๆเราก็สร้างบาดแผลให้กับความไร้เทียมทานที่ไม่มีรอยขีดข่วนอันนั้นได้ก็ถือว่าสบายใจละ จะเป็นแชมป์ก็เป็นไป แต่ไม่ไร้พ่ายก็พอ เพราะถึงแม้ผมจะบอกให้ดูบอลตามความเป็นจริงก็ตาม แต่ใครกล้าพูดล่ะว่า แมนยูไนเต็ดจะแพ้คาบ้านแน่ๆ100% เกมวันอาทิตย์นี้จึงไม่ต้องไปตึงเครียดผลการแข่งขันอะไรกับมันมากนัก เกมจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ผมแต่ผมอยากให้แฟนผี ดูบอลเพราะ "อยากเชียร์แมนยู" ให้มีความสุขดีกว่า จะแพ้จะอะไรก็ช่างมัน แต่ผมอยากให้ทุกคนจำความรู้สึกของการ "เชียร์แมนยูให้ชนะให้ได้" เหล่านั้นกลับมา

อย่าเชียร์บอลแบบไร้ความหวังในชีวิต แต่เพราะเราเป็นรองนั่นแหละ เราจึงจำเป็นต้องเชียร์ทีมของเราให้สู้พวกเขาให้ได้ดีที่สุด อย่างน้อยๆแม้ไม่ชนะ แต่ถ้าเล่นด้วยศักดิ์ศรีจนถึงที่สุดแล้ว แม้จะแพ้ก็ไม่มีใครว่าหรอก

นัดนี้ไม่ขออะไรมาก ขอให้นักเตะ ทีมงาน และแฟนบอล รวมใจกันเป็นหนึ่ง และส่งพลังไปเชียร์ทีมให้ถึงที่สุดก็พอ แม้ว่าเกมนี้มันจะไม่ได้ทำให้เรามีลุ้นอะไรก็ตามที แต่การส่งใจช่วยทีมที่เรารัก มันก็น่าจะเป็นความสุขที่สุดแล้ว


สุดท้ายนี้ ฝากถึงโอเล่ กุนนาร์ โซลชา  ชายผู้ที่น่าจะรู้ดีที่สุดว่า เกมแดงเดือดในชีวิตของเขา ภายใต้การคุมทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั้น เขาทำยังไง มีวิธีคิดยังไง กระตุ้นยังไง ทีมเราถึงได้รับชัยชนะอยู่เป็นประจำในอดีตที่ผ่านมายุคนั้น หวังว่าโซลชาจะเห็นไอเดียอะไรบางอย่าง และหยิบยกงานของบรมครูอย่างป๋ามาใช้เป็นแนวทางบ้าง สักนิดนึงก็ยังดี

คุณอย่าลืมนะโอเล่ ว่าเกมแดงเดือดมันสำคัญกับแฟนผีขนาดไหน ถ้าข้อนี้คุณไม่รู้ แนะนำให้โทรไปคุยกับแกรี่ เนวิลล์บ้างเผื่อจะได้แรงบันดาลใจอะไรดีๆมา และเชื่อว่า เกมนี้ป๋าก็คงจะเข้าสนามมาดูแมตช์ที่ยิ่งใหญ่นัดนี้อย่างแน่นอน อย่าทำให้ป๋าเสียใจถ้าจะต้องเห็นเด็กๆเราเล่นกันแบบเนือยๆ ใจไม่สู้ ไม่มีความรู้สึกอยากชนะ หรือแม้แต่การเกลียดความพ่ายแพ้ 


อย่าทำให้สปิริตที่ป๋าสั่งสมเอาไว้ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดมันหายไปมากกว่านี้ เพราะถ้ายังเห็นนักเตะเราใจไม่สู้อีกในนัดนี้ นั่นแปลว่า สิ่งที่โอเล่พูดเสมอว่ารู้แนวทางและวัฒนธรรมสโมสรอย่างดี แต่จริงๆแล้วตรงข้ามเลย ถ้าเขาไม่มีความรู้สึกเกลียดการพ่ายแพ้ หรือยอมให้นักเตะเราพยายามยันเสมอลิเวอร์พูลให้ได้ภายในการเล่นสนามเหย้าเราที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

ถ้าเกมนัดนี้ผมเห็นว่าคุณพยายามให้ลูกทีมยันเสมอให้ได้ นั่นแปลว่าคุณทำลายสปิริตสโมสร และผมจะออกปากไล่คุณทันที

อย่าให้เป็นแบบนั้นนะโอเล่ อย่าให้ป๋าเสียใจมากไปกว่านี้

และอย่าให้ชากิรี่เป็นนักเตะที่เปลี่ยนผู้จัดการแมนยูไปสองคนด้วย...

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด