:::     :::

คุยกับ นิติพงษ์ เสลานนท์ : ดาวเตะทีมชาติผู้รอโอกาสมาทั้งชีวิต

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
9,539
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เขาคือคนที่แฟนบอลกล่าวถึงมานานว่าสมควรได้รับโอกาสในทีมชาติได้แล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะพูด แต่หลายๆ คนเอ่ยชื่อเขามาไม่ต่ำกว่า 3 ปี แต่เขาเพิ่งได้รับโอกาสสดๆ ร้อนๆ ในทีม "ช้างศึก" หลังการเข้ามากุมบังเหียนโดย อากิระ นิชิโนะ ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานที่เขาทำได้ในเกมพบกับ คองโก และ ยูเออี มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้ชายคนนี้สมควรได้รับโอกาสจริงๆ ใช่! ผมกำลังกล่าวถึง นิติพงษ์ เสลานนท์ แบ็คขวาทีมชาติไทยวัย 26 ปีจากสโมสร การท่าเรือ เอฟซี และวันนี้ผมจะพาไปรู้จักกับเขาให้มากขึ้นด้วยบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้

แมน : สวัสดีครับนนท์ พี่อยากขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อต่างๆ ของนนท์ ทำเป็นคอลัมน์ถาม-ตอบ หน่อยได้มั้ยครับ

นิติพงษ์ : ยินดีครับพี่แมน

แมน : ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับการติดทีมชาติ 2 นัดแรกในชีวิตด้วยนะครับ  

นิติพงษ์ : อ๋อ ครับ ขอบคุณมากครับ

แมน : ขอถามก่อนว่าจริงๆ แล้ว นนท์ เป็นคนจังหวัดอะไรแน่ เพราะเห็นในเน็ทมีข้อมูลลงไว้ว่าเกิดสระบุรี เคยดูถ่ายทอดไทยลีกตั้งแต่สมัยที่ นนท์ เล่นให้สระบุรี ผู้บรรยายก็พูดว่า นิติพงษ์ เล่นรับใช้บ้านเกิด

นิติพงษ์ : เป็นคนราชบุรีครับพี่ เกิดที่ราชบุรีครับ สระบุรีผมแค่เคยไปอยู่เพราะเล่นให้ทีม สระบุรี ช่วงที่พี่แบน (ธชตวัน ศรีปาน) คุมทีมครับ

แมน : โอเคจะได้เคลียร์ซะที แล้วตอนเด็กๆ ก็เริ่มเล่นฟุตบอลที่ราชบุรีเลยหรือเปล่าครับ เริ่มเล่นตอนแรกคิดจริงจังเลยมั้ยว่าจะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพหรือติดทีมชาติ ทางบ้านให้การสนับสนุนแค่ไหน เล่นแบ็คขวามาตั้งแต่เด็กเลยมั้ย

นิติพงษ์ : ตอนแรกผมก็เตะบอลเล่นออกกำลังกายแบบเด็กผู้ชายทั่วไปครับ แบบพ่อผมก็ชอบเตะบอลผมก็ไปออกกำลังกายด้วย แล้วพอดีได้ไปฝึกฟุตบอลกับ อ.สยาม สิทธิอำไพ ตอนนั้นแกทำอคาเดมี่อยู่ที่ราชบุรี ไม่ได้เกี่ยวกับสโมสรราชบุรีในตอนนี้นะพี่ ตอนนี้แกไปเป็นหัวหน้าโค้ชอคาเดมี่ของ เชียงราย ยูไนเต็ด "ไอ้บุ๊ค" เอกนิษฐ์ ปัญญา ก็ลูกศิษย์อ.สยามเหมือนกัน ผมถึงสนิทกับบุ๊คไง แล้วพอจะเข้าม.ปลาย ผมไปคัดบอลติดที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี ก็เลยเริ่ม เล่นฟุตบอลจริงจังที่ชลบุรีนี่แหละครับ ตอนชลบุรี ผมก็เล่นได้หมดทุกตำแหน่ง แบ็กขวา-ซ้าย,ปีกขวา-ซ้าย, กองกลาง เล่นมาหมดแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะถูกจับไปเล่นปีกซ้ายบ่อยที่สุดครับ


แมน : พอจบ ม.6 แล้วได้เรียนต่อ มหาวิทยาลัย มั้ยครับ

นิติพงษ์ : ไม่ได้เรียนต่อครับ ผมเล่นฟุตบอลอย่างเดียวหลังจากจบม.6

แมน : หลังจากนี้ก็อาจจะมีมหาวิทยาลัยติดต่อนนท์ให้ทุนไปเรียนแน่ๆ เพราะเป็นถึงนักกีฬาทีมชาติไทยแล้ว มีติดต่อมาบ้างหรือยังครับ

นิติพงษ์ : เคยมีแล้วครับ (ขอไม่เปิดเผยชื่อมหาวิทยาลัย) แต่ผมก็กลัวจะไม่มีเวลาเรียนเต็มที่ครับ เกรงว่าจะเรียนไม่จบเอา แต่ใจจริงก็อยากมีใบปริญญาเพื่อให้ที่บ้านภูมิใจอีกทางนึงเหมือนกัน

แมน : ที่บ้านมีพี่น้องกี่คนครับ มีคนอื่นเล่นฟุตบอลเหมือนนนท์มั้ย

นิติพงษ์ : มีน้องสาวอีกคนครับ ผมเล่นฟุตบอลคนเดียวเลย

แมน : เคยอ่านเจอว่า ในปี 2007 ที่ชลบุรี ได้แชมป์ไทยลีก สมัยนั้น นนท์ ก็มีส่วนร่วมด้วย แต่ว่าในฐานะเด็กเก็บบอล

นิติพงษ์ : 555 ใช่ครับ ปีนั้นผมก็อยู่ในทีมเยาวชนน่ะแหละพี่ ซึ่งเด็กๆ นักบอลจากโรงเรียนกีฬาชลบุรีก็จะต้องไปเก็บบอลที่สนามสพล.ชลบุรี อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ทีม ชลบุรีนะครับ ตอนที่ การท่าเรือ หรือ ทีโอที ไปใช้สนาม สพล. ผมก็ต้องไปช่วยเก็บบอลเหมือนกัน "ไอ้เอก" (อธิบดี เอติรัตน์ นักเตะการท่าเรือชุดปัจจุบัน) แล้วก็ นรากร คณา พี่รู้จักมั้ย ก็เก็บอยู่กับผมนี่แหละ ตอนนั้นเรียนอยู่รุ่นเดียวกัน เป็นเพื่อนซี้ผมตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว นรากร นี่ไปเจ็บหนักเลยหายไปพักนึง แต่ตอนนี้เห็นว่าไปเล่นอยู่กับ อุบล ยูไนเต็ด  


แมน : สมัยนั้น ชลบุรี ใครเป็นแบ็คขวานะครับ

นิติพงษ์ : เป็นพี่เปรม (สุรีย์ สุขะ) ครับ สลับกันเล่นกับพี่อ๊อฟ (นพนนท์ คชพลายุกต์)

แมน : โหก็เบียดยากเลย เพราะตอนนั้น สุรีย์ เขาฟอร์มฮอตสุดๆ แล้ว นนท์ ได้เล่นให้ชลบุรี ชุดใหญ่ในช่วงปีไหนนะ

นิติพงษ์ : ไม่เคยได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่เลยครับ เคยเล่นแค่ทีมเยาวชนกับพวกบอลโค้กคัพ

แมน : โค้กคัพนี่คือเล่นให้โรงเรียนกีฬาชลบุรีหรอ

นิติพงษ์ : เปล่าครับพี่ ตอนนั้นชลบุรีส่งแข่งทีมเดียวครับ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีแยกส่ง แต่ก่อน รร.กีฬา, อัสสัมชัญ ศรีราชา อะไรพวกนี้ก็จะคัดเด็กมารวมเป็นทีมเดียวของชลบุรี

แมน : สมัยนั้นทีมเยาวชน "โค้ชเฮง" (วิทยา เลาหกุล) เป็นคนดูแลหรือเปล่า

นิติพงษ์ : ไม่นะครับ พี่เฮงจะดูชุดใหญ่มากกว่า สมัยที่ผมอยู่เป็นพี่เด็จ (จเด็จ มีลาภ) ครับ จังหวะนั้นแกถุกดันขึ้นมาคุมชุดใหญ่แล้วก็พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกได้เลย

แมน : พออยู่ชลบุรีแล้วไม่ได้ลง จากนั้นทำยังไงต่อ

นิติพงษ์ : ก็ถูกส่งไปให้ สระบุรี ยืมตัวครับ ช่วงแรกทีมอยู่ในดิวิชั่น 1 ผมย้ายไปช่วงเลกสอง แล้วพอปี 2014 เราได้รองแชมป์ก็เลื่อนชั้นขึ้นมาไทยลีกได้สำเร็จ ช่วงที่อยู่สระบุรีคือช่วงผมได้โอกาสลงเล่นอย่างจริงจังเป็นทีมแรก แต่ส่วนใหญ่จะเล่นเป็นปีกขวามากกว่า มีบ้างที่ถูกสลับไปเล่นแบ็คขวา จากนั้นก็ได้ย้ายไปบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครับ



แมน : นนท์ติดทีมชาติไทย ยู-19 ชุดเดียวกับพวก เจ ชนาธิป, นิว ฐิติพันธ์, ตั้ม ธนบูรณ์ ที่ชนะเกาหลีใต้ เสมอญี่ปุ่น ด้วยถูกมั้ยครับ ตอนนั้นที่ "น้าฉ่วย" (สมชาย ชวยบุญชุม) คุมทีม

นิติพงษ์ : ใช่ครับ ตอนนั้นผมยังอยู่ ชลบุรี อยู่เลย ก็ไปคัดตัวตั้งแต่รอบแรกเลยครับ จนมาติดถึงรอบสุดท้าย แต่พวก เจ, นิว, ตั้ม และหลายๆ คนที่ลงเล่นในไทยลีกไปแล้วไม่ได้ต้องมาคัดก่อนแบบผมนะ

แมน : แล้วโอกาสลงเล่นทีมชาติตอนนั้นเป็นไงบ้าง

นิติพงษ์ : ก็ได้ลงตลอดนะครับ ลงเป็นปีกขวาบ้างแบ็คขวาบ้าง ตอนนั้นแบ็คขวาจะมี เก่ง อดิศร พรหมรักษ์ มีต้น นฤบดินทร์ 


แมน : อยู่บุรีรัมย์ เป็นยังไงบ้างครับ ได้ลงเล่นสม่ำเสมอมั้ย  

นิติพงษ์ : ปีแรกก็ได้เล่นตลอดครับ แต่พอปีต่อมา บุรีรัมย์ ไปซื้อ ต้น นฤบดินทร์ (วีรวัฒโนดม) มาจาก บีอีซี เทโรศาสน ซึ่งตอนนั้นต้นกำลังพีคขึ้นมา ซึ่งต้นก็เข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงในทีม ผมรู้ตัวว่าโอกาสลงเล่นยากแน่ๆ ผมเลยไปขอนายว่าปล่อยให้ผมย้ายทีมเถอะ ให้ทีมอื่นยืมตัวก็ได้ เพราะผมอยากลงเล่น ผมก็ได้กลับไปอยู่กับสระบุรี อีกรอบครับ ไปช่วงเลกแรก แล้วเลกสอง บุรีรัมย์ก็ส่งผมไปให้ การท่าเรือ ยืม ตอนนั้นการท่าเรือ ยังเป็น อ.ไพบูลย์ (เลิศวิมลรัตน์) คุมทีมอยู่เลย ก่อนที่ก็มาเป็น มาซาฮิโระ วาดะ หลังจากจบฤดูกาลนั้น การท่าเรือ ก็มาซื้อผมไปร่วมทีม

แมน : นนท์มาได้ลงเล่นกับ การท่าเรือ อย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ พี่เด็จ (จเด็จ มีลาภ) คุมทีมใช่มั้ยครับ เพราะร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก

นิติพงษ์ : เอาจริงๆ นะช่วงพี่เด็จเข้ามาใหม่ๆ ผมโอกาสลงน้อยกว่าเดิมอีก เพราะพี่เด็จบอกว่าผมตัวเล็กและบางเกินไป ปีกขวาท่าเรือก็มี บาส ปกรณ์ (เปรมภักดิ์) เล่นอยู่ พอโดนคอมเม้นท์แบบนั้น ผมก็เข้าฟิตเนส พยายามสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งขึ้น


แมน : แล้วจุดเปลี่ยนคืออะไรครับ ที่นนท์กลายมาเป็นแบ็คขวาเต็มตัว และยึดตำแหน่งตัวจริงของการท่าเรือได้

นิติพงษ์ : ผมคุยกับมาดามแป้ง (นวลพรรณ ล่ำซำ) เลยครับ ว่าผมเล่นแบ็คขวาได้นะ ขอโอกาสให้ผมได้ลองเล่นแบ็คขวาเถอะ 

แมน : โห คือนนท์ก็กล้าไปขอกับมาดามแป้งเลยอะนะ

นิติพงษ์ : 555 ใช่พี่ คือผมอยากเล่นไง ผมก็บอกแกเลยว่าผมเล่นแบ็คขวาได้ ให้เพิ่มกล้ามเนื้อผมก็ทำแล้ว ผมอยากขอโอกาส แล้วพอได้ลงเล่นทีนี้โอกาสก็มาเรื่อยๆ เลยเพราะทีมตอนนั้นตั้งแต่ช่วง 3 ปีที่แล้วกำลังขาดแบ็คขวาพอดี ผมเป็นคนที่อยู่ที่ไหนก็อยากเล่น ถ้าไม่ได้เล่นต่อให้ได้เงินเยอะๆ แต่นั่งดูเพื่อน ผมก็ไม่อยากทำ ถ้าผมรักความสบาย ได้เงินดีอย่างเดียว ผมก็คงไม่ออกตั้งแต่อยู่บุรีรัมย์แล้วครับ


แมน : ตอนนี้กลายเป็นแบ็คขวาของท่าเรือ จะขาด นนท์ ไม่ได้ด้วยซ้ำนะ เพราะแทบไม่มีตัวแทนเลย เวลานนท์เจ็บหรือแบน ยังต้องจับ "เบนซ์" (อดิศร แดงเรือง) มายืนแทน

นิติพงษ์ : 555 ครับพี่ แต่พี่เบนซ์แกก็เล่นได้หมดแหละครับ

แมน : ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่พีคที่สุดในชีวิตนักบอลของ นนท์ มั้ยครับ

นิติพงษ์ : ผมว่าฟอร์มการเล่นของผมก็สม่ำเสมอมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมานะครับ แต่ถ้าจะเรียกว่าพีคก็คงเป็นเพราะปีนี้ได้ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่มากกว่า

แมน : ก่อนหน้านี้เคยน้อยใจบ้างมั้ยว่า เราก็เล่นให้สโมสรได้โอเคนะ แต่ทำไมโค้ชทีมชาติถึงไม่เคยเรียกใช้งานเราเลย

นิติพงษ์ : ไม่ได้น้อยใจนะครับ เพราะผมคิดว่าคนอื่นๆ ที่ถูกเรียกติดทีมชาติก็เหมาะสมทั้งนั้น ผมแค่รู้สึกว่าเราควรทำตัวให้พร้อม ทำผลงานให้ดี หากวันนึงโอกาสมาถึงเรา เราก็จะต้องคว้าเอาไว้ ด้วยการพิสูจน์ให้โค้ชให้เห็นว่าเราทำได้


แมน : นนท์ไม่เคยติดทีมชาติชุดไหนมาก่อนเลยใช่มั้ยครับ นอกจาก ยู-19 แล้วก็มาชุดใหญ่เลย

นิติพงษ์ : ใช่ครับ

แมน : จุดเด่นของ นนท์ ที่คนพูดถึงกันเยอะก็คือการวิ่งไม่มีหมด แล้วที่มาเด่นชัดขึ้นอีกก็คือการครอสบอล ตอนที่เล่นทีมชาตินัดเจอ ยูเออี อันนี้มีเคล็ดลับในการฝึกซ้อมอะไรมั้ย

นิติพงษ์ : แต่ก่อนก็จะมีซ้อมเปิดบอลแยกพิเศษครับ แต่ช่วงหลังๆ เราแข่งถี่ ไม่ค่อยมีเวลาซ้อมอย่างอื่นเพิ่มเติมแล้ว

แมน : บางคนบอกว่าในแบ็คขวาทั้งหมด นนท์ เปิดบอลแม่นที่สุดแล้ว

นิติพงษ์ : อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลยครับ เพราะทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด  เวลามีคนคอมเม้นท์ในเฟซบุ๊คหรือไอจีผม ถ้าคอมเม้นท์ไหนเอาผมเปรียบเทียบกับนักเตะคนอื่น ผมลบคอมเม้นท์นั้นเลย เพราะผมคิดว่าทุกคนมีดีทั้งนั้น และทุกคนก็มีช่วงเวลาดีๆ ของตัวเอง ผมไม่ชอบให้เอาใครมาชื่นชมแล้วไปทับถมอีกคนว่าด้อยกว่าครับ

แมน : ก็คือใครจะติชมวิจารณ์รับได้หมด ขอแค่อย่าเปรียบเทียบ

นิติพงษ์ : ใช่ครับ เพราะมันไม่เป็นผลดีกับใครเลยพี่

แมน : ตอนที่นิชิโนะ เข้ามาคุมทีมแล้วประกาศชื่อว่าเราติดเข้ามา จนกระทั่งเกมอุ่นเครื่องกับ คองโก เราได้ลงสนามในทีมชาติครั้งแรก รู้สึกยังไงบ้าง ตื่นเต้นมั้ย แล้วตั้งเป้าหมายอะไรไว้บ้างในตอนนั้น


นิติพงษ์ : ผมรู้ก่อนว่าจะได้ลงเล่นอยู่แล้วประมาณวันสองวัน พอดีว่าแบ็คขวาคนอื่นๆ เจ็บหมดพอดี เหลือเราเป็นแบ็คขวาอาชีพคนเดียว พอรู้ว่าจะได้เล่นก็ตื่นเต้นมากพี่ แต่พอลงสนามผมไม่ตื่นเต้นแล้วนะ เพราะในหัวคิดแต่ว่าเราจะต้องเล่นยังไงต้องทำอะไรบ้าง เป้าหมายที่ผมตั้งใจไว้ก็คือ โอกาสมาถึงแล้วผมต้องทำให้โค้ชเห็นว่าผมทำตามสิ่งที่เขาต้องการได้นะ 

แมน : นิชิโนะ ในแคมป์ทีมชาติเป็นคนยังไง ดุมั้ย เข้มงวดแบบวินัยจัดเลยมั้ย บรรยากาศในทีมชาติเป็นยังไง

นิติพงษ์ : ไม่ดุเลยนะครับ วันแรกที่มารายงานตัว โค้ชเขาเรียกคุยส่วนตัวทีละคนเลย แล้วเขาก็เป็นคนที่ชอบยิงมุกมาก อยู่ในแคมป์ยิงมุกตลอดครับ ล่ามก็ต้องช่วยแปล แต่บางทีพอแปลเราก็ไม่เข้าใจมุกเขา มีขำบ้างไม่ขำบ้าง แต่เขาเฮฮาตลอด ส่วนบรรยากาศในแคมป์ก็ดีครับ เพราะส่วนใหญ่นักเตะรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว นิชิโนะเขาพยายามเน้นเรื่องการสื่อสารพูดคุยกัน จะคุยเรื่องบอล คุยเล่นกันได้หมด แล้วเวลาอยู่รวมกันเขาจะไม่ให้เล่นมือถือ เขาอยากให้ทุกคนพูดคุยกันเพื่อจะได้ละลายพฤติกรรม แต่พอเข้าห้องพักแล้ว ใครจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ จะเล่นโซเชียลก็เล่นไปเขาไม่ยุ่ง

แมน : นัดที่เจอยูเออี นนท์แอสซิสต์ไป 1 ลูก ซึ่งถ้านับรวมหลายๆ จังหวะที่น่าได้ประตู นนท์น่าจะแอสซิสต์ได้ 3-4 ครั้งแล้วด้วยซ้ำ ถามจริงๆ ลูกที่เปิดให้ บุ๊ค ชาร์จเสาสอง เล็งไว้ก่อนเลยมั้ยว่าจะเปิดให้บุ๊ค

นิติพงษ์ : เอาจริงๆ นะพี่ ลูกนั้นผมกะจะเปิดให้พี่มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา) นะ คือการที่มีพี่มุ้ยอยู่ในทีมทำให้เราเล่นง่ายขึ้นเยอะ เวลาผมเปิดบอลเข้าไป พี่มุ้ยเขาจะไม่เคลื่อนที่ก่อน แต่เขาจะรอให้เราเปิดมาก่อนแล้วค่อยวิ่งไปหาบอล เขาหาตำแหน่งดีมาก ทำให้ลูกที่เปิดไปมันเข้าจุดที่แกยืนตลอด อย่างลูกที่บุ๊คชาร์จ ถ้าบุ๊คไม่ได้วิ่งมาตรงนั้น มันคือผมเปิดเสียเลยนะ 555 แต่บุ๊คเก่งมากครับ เขาเคลื่อนที่ตลอด และการที่บุ๊ควิ่งไปตรงนั้นก็เพราะว่าถ้าหลุดจากพี่มุ้ยไป เขาจะไม่มีตัวประกบแล้ว


แมน : ตอนนี้มั่นใจหรือยังว่าจะสามารถยึดตำแหน่งแบ็คขวาตัวจริงทีมชาติได้ยาวๆ 

นิติพงษ์ : ไม่หรอกครับ เพราะยังมีคนอื่นๆ ที่เขาก็สามารถทำได้ดีเหมือนกัน ผมคิดแค่ว่าตอนนี้ผมได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับโค้ชแล้วว่าเขาคิดว่าใครเหมาะสมกับเกมไหน อย่างนัดนี้ผมได้ลง แต่นัดอื่นโค้ชเห็นว่าคนอื่นน่าจะเหมาะกว่า ผมก็เข้าใจครับ เพราะโค้ชเขาเป็นคนตัดสินใจ

แมน : เห็นเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันอย่าง เจ ชนาธิป, นิว ฐิติพันธ์ ได้ไปเล่นเจลีก ตัวนนท์เองคิดบ้างมั้ยว่าเราก็อยากไปแบบนั้นเหมือนกัน

นิติพงษ์ : ผมสนิทกับ เจ กับ นิว มากอยู่แล้วครับ ตอนที่ผมเห็นเพื่อนๆ ติดทีมชาติ ผมก็อยากติดเหมือนกัน ผมเพิ่งไปหาเจที่ญี่ปุ่นเมื่อไม่นานนี้เอง ไปอยู่กับมันเลยอาทิตย์นึง เจมันพาผมตระเวนเที่ยวในเมือง ทั้งไปดูมันซ้อมไปดูมันแข่ง ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดหรอกครับ แต่พอเห็นระบบฟุตบอลของญี่ปุ่น ผมรู้สึกโคตรอยากไปเล่นเลย เพราะทุกๆ อย่างเป็นมืออาชีพมาก มากยิ่งกว่าในเมืองไทยเยอะ ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสผมก็อยากลองไปเหมือนกัน ช่วงที่ผ่านมามีเอเจนต์ไทยเข้ามาคุยอยากให้ผมเซ็นสัญญาหลายคน ตอนนี้ผมไม่มีเอเจนต์ไง แต่ถ้าผมจะเซ็นกับใคร ผมจะเซ็นกับคนที่จะพาผมไปเล่นต่างประเทศเท่านั้น ถ้าไม่ผมก็ไม่เซ็นกับใครทั้งนั้นครับ


แมน : การไม่มีเอเจนต์มันไม่ลำบากหรอครับ เวลาเจรจาสัญญาอะไร

นิติพงษ์ : ไม่นะครับ ตอนผมอยู่บุรีรัมย์เขาก็สอนผมเรื่องการทำสัญญาต่างๆ เยอะเหมือนกัน แล้วผมค่อนข้างโชคดีด้วยว่าแต่ละที่ๆ ผมอยู่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องพวกนี้เลย ทุกอย่างตรงไปตรงมาหมด

แมน : โอเคครับ ขอบคุณมากเลยนนท์ ไว้โอกาสหน้าพี่รบกวนใหม่นะ ตอนนี้ก็ขอให้ติดทีมชาติและโชว์ฟอร์มดีๆ แบบนี้ไปนานๆ ไปเอาชนะ มาเลเซีย กับ เวียดนาม ถึงบ้านเขาให้ได้นะ

นิติพงษ์ : ได้ครับพี่ ขอบคุณมากๆ เช่นกันครับพี่แมน


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด