:::     :::

ทีมเด็กน้อย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปาทริช เอฟร่า ออกมาให้ความเห็นแบบเจ็บแสบถึงอาร์เซน่อลหลังความปราชัยที่บรามอล เลน ชนิดที่แฟนปืนใหญ่ไม่อาจโต้เถียงได้แม้ฟังแล้วเจ็บปวดก็ตาม

"ผมรู้สึกดีใจด้วยกับ เชฟฟิลด์ นะ พวกเขาสมควรที่จะชนะ และผมไม่ได้ประหลาดใจสำหรับอาร์เซน่อล นี่แหละอาร์เซน่อล ผมเคยเรียกพวกเขาว่าเด็กน้อยเมื่อ 10 ปีก่อน และตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิม"

"ไม่ใช่ว่าผมไม่เคารพพวกเขานะ แต่นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกกับทีมทีมนี้จริงๆ ยามที่ผมลงเล่นกับอาร์เซน่อล ผมรู้ว่าจะเอาชนะได้ตลอด"

"ตอนที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ย้ายเข้ามา แมนฯยูไนเต็ด วันแรก ผมจับมือกับเขาและพูดว่า ยินดีต้อนรับสู่ทีมของผู้ใหญ่ ตอนแรกเขาไม่ค่อยพอใจ แต่ผ่านไป 1 เดือน เขาก็บอกว่าผมพูดถูกแล้ว" เอฟร่า กล่าว

ความเป็นทีม "เด็กน้อย" ในมุมของ เอฟร่า คือการที่อาร์เซน่อลไม่รู้จักโต ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และไม่แสดงออกว่าได้ก้าวพ้นความเป็นเด็กแล้วเติบใหญ่แบบมืออาชีพจริงๆ 

ความพ่ายแพ้ล่าสุดที่เป็นนัดที่ 2 ของฤดูกาล ทำให้อาร์เซน่อลพลาดโอกาสกลับไปรั้งอันดับ 3 ของตารางอย่างน่าเสียดาย 

มีโอกาสในมือแต่อาร์เซน่อลก็ทำไม่ได้ เหมือนฤดูกาลก่อนที่น่าจะจบท็อปโฟร์ไม่อยาก แต่ก็พลาดไปเองแบบที่โทษใครไม่ได้เลย 

แม้ อูไน เอเมรี่ ยืนกรานหนักแน่นว่าไม่ควรแพ้ในนัดนี้ แต่ในภาพรวมก็ต้องยอมรับว่า อาร์เซน่อล ไม่ได้คู่ควรมากนักกับการมีคะแนนติดมือ 

เอเมรี่ จัดตัวไม่ได้ต่างไปจากเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งที่บางคนควรเป็นตัวจริงไม่ว่าจะเป็น ดานี่ เซบายอส, คีแรน เทียร์นี่ย์ และ ร็อบ โฮลดิ้ง 

คนที่ควรกลับมาอยู่ในทีมอย่าง เมซุต โอซิล ก็หลุดโผอีกครั้ง ไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง ช่วงเบรกทีมชาติที่ผ่านมา เอเมรี่ออกมาบอกเองว่า โอซิล มีการซ้อมที่ดีขึ้น มีความเป็นไปได้ที่จะได้ลงเล่น และย้ำว่าเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม 

แต่ถึงเวลาจริงก็เหมือนเดิม เอเมรี่ทำราวกับว่า โอซิลไม่มีตัวตนในทีม

ส่วน อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ เป็นเพียงสำรองพอเข้าใจได้เพราะเพิ่งหายเจ็บกลับมาในรอบเกือบสองเดือน 

เชฟฯ ยูไนเต็ดทำได้ดีกว่าชัดเจนในครึ่งแรกทั้งเกมรุกและเกมรับ ทีมของกุนซือ คริส ไวล์เดอร์ สมควรเป็นฝ่ายนำก่อนจากลูกยิงของ ลีส์ มูสเซ

แข้งดาบคู่มีความขยัน วิ่งสู้ฟัด และแข็งแรง จึงไม่กลัวเลยกับการเปิดหน้าบุกเข้าใส่และสามารถสร้างความกดดันให้อาร์เซน่อลได้หลายครั้ง

ความเร็วของ ลีส์ มูสเซ และ เทคนิคของ เดวิด แม็คโกลดริค ป่วนแนวรับผู้มาเยือนได้ตลอด เช่นเดียวกับการเล่นลูกเตะมุมที่ทำได้ดีกว่าและเป็นที่มาของประตูขึ้นนำ 1-0

เกมรับอาร์เซนอ่ลพลาดง่ายๆ อีกครั้ง ปล่อยให้ คริส โอคอนเนล ได้ขึ้นโขกที่เสาไกลย้อนกลับมาหน้าประตูที่มูสเซได้ยิงง่ายๆ โดยที่ไม่มีใครประกบ 

การเสียประตูโดยเฉพาะนอกบ้านเป็นปัญหาใหญ่ที่เอเมรี่ไม่เคยแก้ไขได้เลย ฤดูกาลที่แล้วแฟนบอลต้องรอจนถึงกลางเดือนเมษายนกับการเก็บคลีนชีตในลีกได้เป็นนัดแรก (บุกชนะวัตฟอร์ด 1-0) 

ส่วนฤดูกาลนี้เหมือนจะเริ่มได้ดีทำคลีนชีตตั้งแต่นัดเปิดสนามที่บุกชนะนิวคาสเซิ่ล 1-0 แต่จากนั้นอีก 4 นัดก็เหมือนเดิม

นับเฉพาะเกมกับลิเวอร์พูลกับวัตฟอร์ดก็เสียไปถึง 5 ประตูและอยู่ในสภาพหลังพิงฝาปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิงรวมกันถึง 56 ครั้ง 

ก่อนจะเสียประตูแรกให้มูสเซ อาร์เซน่อลมีโอกาสทองฝังเพชรที่จะเป็นฝ่ายนำก่อนจาก นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ได้ชาร์จลูกเปิดของ เซอัด โคลาซินัช ในระยะเพียง 6 หลา ทว่า ''แป้ก'' อย่างไม่น่าเชื่อ 


เปเป้ พลาดไม่น่าเชื่อ

นั่นคือโอกาสจะแจ้งเพียงครั้งเดียวของอาร์เซน่อลตลอดทั้งเกม เพราะอีก 3 ครั้งที่ได้ยิงเข้ากรอบเป็นการยิงไกล 2 ครั้ง และอีกครั้งเป็น ดานี่ เซบายอส ได้ยิงระยะ 12 หลา แต่ก็เบาเกินกว่าที่จะสร้างปัญหาให้ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารเชฟฯ ยูไนเต็ด

การจัดทัพแดนกลางของเอเมรี่ที่ส่ง กรานิต ชาคา, มัตเตโอ เก็นดูซี่ และ โจ วิลล็อค ลงเล่นรวมกัน ไม่สามารถสร้างโอกาสและสนับสนุนเกมรุกได้มากพอ 

ในทีมมีตัวรุกและฝีเท้าระดับท็อปอย่างโอซิลก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากเอเมรี่ ขณะที่เซบายอสก็ไม่ได้มีสถานการณ์ที่ดีกว่ากันมากนัก เกมลีกผ่านมา 9 นัดได้ลงตัวจริงเพียง 5 นัด 

เห็นชัดว่า เอเมรี่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากผู้เล่นที่มีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และในทางกลับกันก็ดันทุรังกับนักเตะบางคนที่ได้โอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่สามารถเป็นแกนหลักให้กับทีมได้จริง

เมื่อการจัดตัวและเล่นแบบจะบุกก็ทำได้ไม่เต็มที่เพราะขาดตัวสร้างสรรค์เกม เกมรุกอาร์เซน่อลจึงไม่สามารถขึงเข้าใส่เชฟฯ ยูไนเต็ดได้เลย 

หลายจังหวะการเล่นเป็นไปอย่างฉาบฉวย อาศัยความสามารถเฉพะตัวของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ นิโกล่าส์ เปเป้ ไม่ได้เกิดจากทีมเวิร์ก 

การเล่นแบบนี้ไม่สามารถหวังผลในระยะยาวได้ โอบาเมย็องไม่ใช่เทวดาจากที่ไหนที่จะยิงได้ทุกนัดต่อให้ผลงานส่วนตัวดีงามพระรามแปดสมกับตำแหน่งแข้งยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกเดือนล่าสุด และมีชื่อติด 30 คนชิงรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ก็ตาม

อย่างที่หลายคนตราหน้าเอาไว้ ในวันใดที่โอบาเมย็องหรือลากาแซตต์ยิงไม่ได้ อาร์เซน่อลก็ไร้พิษสง มันเป็นแบบนั้นจริงๆ 


โดนยิงจ่อๆ แบบนี้ เลโน่ ก็หมดปัญญา

พอออกสตาร์ทครึ่งหลัง เอเมรี่ จึงต้องปรับเกมตั้งแต่เริ่มด้วยการถอย วิลล็อค ออกแล้วส่ง ดานี่ เซบายอส ลงเล่นซึ่งทำให้เกมรุกของทีมดีขึ้นมาพอสมควร เป็นฝ่ายพาบอลบุกเข้าใส่พื้นที่เชฟฯ ยูไนเต็ดได้มากกว่าครึ่งแรก 

ในส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิตเกมรับของทัพดาบคู่ที่เหนียวแน่นแข็งแกร่งเกินมาตรฐานการเป็นทีมน้องใหม่

ทีมของไวล์เดอร์เล่นระบบหลัง 3 ได้เนี้ยบมาก แจ็ค โอคอนเนล, คริส บาแชม และ จอห์น เอแกน ประสานงานกันอย่างเข้าขารู้ใจ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมเสียไปเพียง 7 ประตู น้อยสุดในลีกเท่ากับจ่าฝูงลิเวอร์พูล

มีสถิติอีกอย่างที่ยืนยันถึงความยอดเยี่ยมในเกมรับของเชฟฯ ยูไนเต็ด คือ ไม่เคยแพ้เกมลีกเมื่อขึ้นนำตอนพักครึ่งนับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา

การเลื่อนชั้นกลับคืนพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 12 ปีของเชฟฯ ยูไนเต็ด เริ่มต้นได้ดีมาก ผ่านไป 9 นัด สามารถอยู่ครึ่งบนของตารางได้เป็นเรื่องน่าพอใจอย่างมาก 

พวกเขาสู้กับทีมใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจทั้งวันบุกเสมอเชลซี 2-2 และเกือบแบ่งแต้มลิเวอร์พูลหากไม่เพราะความผิดพลาดส่วนบุคคลของเฮนเดอร์สัน เช่นเดียวกับผลงานหักกระบอกปืนนัดล่าสุด 


เอเมรี่ ไม่เคยแก้ปัญหาได้เลย

เอเมรี่อาจโวยว่าอาร์เซน่อลควรได้จุดโทษในจังหวะที่โซคราติสโดนดึงเสื้อ แต่ถ้าพวกเขาเล่นได้เหนือกว่าจริงๆ และสร้างโอกาสอย่างต่อเนื่อง ก็คงเก็บชัยชนะไม่ยาก แต่พวกเขาทำไม่ได้เอง

การเล่นนอกบ้านที่เคยมีปัญหาก็ยังคงมีปัญหาเหมือนเดิม เคยเสียประตูง่ายก็เสียเหมือนเดิม เคยถูกทีมที่เกรดบอลเป็นรองกว่ามากบดขยี้เข้าใส่อย่างน่าตกใจ ก็ยังเป็นเหมือนเดิม

ไม่แปลกที่จะถูกเย้ยหยันว่าเป็นทีมเด็กน้อยที่ไม่รู้จักโต ไม่ทำตัวสมกับเป็นทีมใหญ่ 

เด็กน้อยแบบนี้ ใครจะไปกลัว? 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด