:::     :::

องศาที่แตกต่างของ Rojo & Jones

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,870
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผลลัพธ์เกมเบียดเอาชนะปาร์ติซานไปได้ สะท้อนให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในแผงเกมรับของเรา และความเหมาะที่จะใช้สูตรหลังสาม ..แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เราเห็นได้ชัดขึ้นไปอีกว่ากองหลังสำรองคนไหนควรเก็บไว้ คนไหนควรขาย

กับเกมยูโรป้าลีกที่แมนยูไนเต็ดเอาชนะปาร์ติซานเบลเกรดมาได้ด้วยสกอร์ 0-1 เมื่อคืนที่ผ่านมานั้นต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยังคงมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการครองบอล และการทำเกมบุก ที่แม้ตัวเลขของ%การครองบอลจะชนะไป 56 ต่อ 44 แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่เห็นก็คือ เวลาส่วนใหญ่ของการครองบอลฝั่งแมนยู มันคือการเซ็ตบอลจากแนวหลังเท่านั้นเอง กองหลังสามคนจ่ายกลับไปกลับมาอยู่กับแบ็ค แทบจะเปิดให้กลางมารับบอลต่อไม่ได้ (และพอจ่ายให้ก็โดนบีบสูงจนการ์เนอร์ต้องคายบอลกลับหลัง)

ซึ่งก็มีแต่กองหลังนั่นแหละที่เก็บๆบอลไว้ได้ แต่กลาง กับ หน้า เก็บบอลไม่ได้เลย เพียงแค่ขยับตัวคิดจะทำเกมบุกไม่เท่าไหร่แปปเดียวก็เสียบอลแล้ว มันสะท้อนออกมาจากโอกาสยิงเพียงแค่4ครั้ง ซึ่งตรงกรอบเพียงครั้งเดียว

และการตรงกรอบที่ว่านั่นคือลูกจุดโทษน้องหมากด้วย นั่นแปลว่า เราบุกใส่ปาร์ติซานจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ไม่เข้าเป้าเลยแม้แต่ดอกเดียว


สิ่งนี้สะท้อนปัญหาเกมรุกมากๆ และรวมถึงกลางที่มิดฟิลด์เราเก็บบอลครองบอลไม่ได้เลยตั้งแต่ "ต้นฤดูกาล" ในเกมแรกทีเจอกับเชลซีเลย หากใครที่ได้ดูบอลของแมนยูในทุกๆนัดจะเห็นว่าตอนนี้แมนยูไนเต็ดมีปัญหากับแผงมิดฟิลด์มากๆ ทั้งในเรื่องของแทคติกการเล่นที่โอเล่พยายามจะใช้ตัวกลางแค่สองตัว แล้วเอาตัวไปถมอยู่กองหน้าแบบไร้ประโยชน์

นั่นคือสิ่งที่สะท้อนปัญหาของเราในตอนนี้ว่ากลางกับหน้าเรานั้นระส่ำระสายจริงๆทั้งคุณภาพการเล่นและแบบแผนที่ไม่มีเลยในเกมรุก มันแย่ยิ่งกว่ายุคของหลุยส์ฟานกัลซะอีก อย่างน้อยยุคนั้นก็ยังเห็นแบบแผนที่ชัดเจนและทำได้ตามต้องการว่า พวกเขาจะเล่นบอลแบบไหน และการเล่นก็ยังดูมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ไม่ใช่จ่ายกันสามสี่ทีแล้วเสียบอล

แผงหลังยุคจารย์หลุยส์ ที่ครึ่งนึงยังคงเป็นสมบัติอยู่กับแมนยูในยุคนี้

ดังนั้น ณ ตอนนี้แผงที่แข็งแกร่งที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็จึงเป็นทีมเกมรับของพวกเรานี่แหละที่ถือว่า แน่นปึ้กทุกตำแหน่งจริงๆในตำแหน่งกองหลังที่มีตัวเลือกให้เลือกเยอะมาก และก็ถือว่าดีๆใช้งานได้ทั้งนั้น ไล่รายชื่อทั้งหมดก็จะมี แมกไกวร์ ลินเดอเลิฟ ตวนเซเบ้  ที่เป็นสามตัวหลักๆ และมีสำรองตัวเปลี่ยนอย่าง โรโฮ โจนส์ อีกสองคนที่เป็นCBขนานแท้ รวมถึงไบญี่ที่เจ็บยาวอยู่ก็ต้องนับรวมด้วย รวมเป็น6ตัวเต็มๆ

ส่วนแบ็คสองข้างเรามี ดาโลต์ ชอว์ วิลเลียมส์ ยัง (โรโฮตวนเซเบ้ก็เล่นได้ด้วย) บิสซาก้า ทั้งหมดก็มีตัวเล่นแทนกันได้หมด

จะเห็นได้ว่ากองหลังเราเต็มไปด้วยตัวดีๆและสามารถเลือกจิ้มใช้งานได้เลย ตอนนี้ถือว่าแกร่งสุดๆแล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถลงได้โดยมีตัวหลักยืนพื้นอย่างแฮรี่แมกไกวร์ ยืนประคองแผงหลังอยู่ในฐานะตัวคอนโทรลไลน์ด้านหลังสุดแทนหน้าที่ของสมอลลิ่งเก่า คือเขาเองสามารถเล่นเป็นตัวสวีปเปอร์ก็ได้ แต่จะมาเข้าชนเป็นตัวstopperสกัดบอลเองก็ได้เช่นกัน ในเมื่อเป็นพื้นที่ที่เราสามารถเลือกใช้งานได้อิสระและมีตัวเลือกเยอะ ดังนั้นกับสองเกมล่าสุด การใช้สูตร "หลังสาม" ที่เป็นCBสามตัวนั้น ก็ถือว่าตอบโจทย์ในการใช้ทรัพยากรนักเตะเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และเข้ากับนักเตะในมือที่มีอยู่จริงๆ

กองหลังชุดแชมป์ยูโรป้าลีก 4ใน5ก็ยังคงอยู่กับเรา

ลินเดอเลิฟ กับ ตวนเซเบ้ ค่อนข้างแน่ชัดว่าโอเล่เลือกที่จะใช้งานพวกเขาสลับสับเปลี่ยนกันแล้วแต่เกม กับคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอ ตามความเหมาะสม แต่วันนี้มันคือประเด็นของ อีกสองตัวสำรองของเราอย่าง มาร์กอส โรโฮ และ ฟิล โจนส์ นั่นเอง

หากดูจากฟอร์มการเล่นที่มีนั้นต้องพูดกันตามตรงว่า มาร์กอส โรโฮ ดูดีมีภาษีมากกว่าฟิลโจนส์อยู่สองเท่า ทั้งทางด้านฝีเท้าและฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมและดูจะเล่นดีกว่าทางฝั่งของฟิลโจนส์ในตำแหน่งกองหลัง  และรวมถึงทั้งทางด้านความหลากหลาย ความยืดหยุ่นที่โรโฮดีมากถึงขนาดเล่นแบ็คซ้ายได้แบบธรรมชาติเช่นกัน ทั้งๆที่จริงๆแล้ว แม้ว่ามิติการเล่นจะคาบเกี่ยวกันอยู่  แต่ระหว่างCB กับ LB นั้น  LBจำเป็นต้องมีสกิลการเล่นของนักเตะริมเส้นอยู่สูงมากๆ ทั้งความเร็วความคล่องตัวที่ต้องรับมือกับปีกคู่ต่อสู้  และรวมถึงการเติมเกมบุก ที่จำเป็นต้องดันสูง วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่เช่นนี้  ต้องใช้ทั้งพลัง เทคนิคการเล่นและทักษะสกิลเพลย์ขั้นสูง

ดังนั้นสองคนนี้หากให้เลือกจริงๆ คนที่"ดีกว่า" คือมาร์กอส โรโฮ อย่างชัดเจน


ฟิล โจนส์นั้นอาจจะเป็นตัวStopperที่ดูแข็งแกร่งสไตล์ฟุตบอลอังกฤษ แต่ในการเปรียบเทียบกันแล้ว จริงๆRojoเวลาเล่นตำแหน่งCBนั้น Roleของเขาก็มักจะเล่นเป็นตัวStopperเช่นเดียวกันกับโจนส์เป๊ะๆเลย เรียกได้ว่ามวยถูกคู่  ซึ่งทั้งสองมีmindsetของกองหลังขนานแท้อยู่ที่กล้าเข้าบอล และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดบอลออกไปให้กับทีมเรา  ข้อนี้เป็นสิ่งที่ดีมากๆ 

แต่ความต่างกันก็คือ เพลย์การเล่นของฟิล โจนส์ ที่ตอนนี้อายุเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว แต่การเข้าบอลยังมีโฉ่งฉ่าง เข้ามั่วๆ และเอ๋อให้เห็นอยู่ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาดกับแนวรับของเราได้  อีกทั้งยังไม่มีความสามารถในการพาบอลขึ้นไปข้างหน้าหรือจ่ายบอลทำเกมเองได้ในแบบBall Playing Defender เหมือนเช่นที่โรโฮทำได้ เพราะเวลาที่กองกลางไม่ลงมาเอาบอล และเพื่อนพาบอลไปไม่ได้ แบ็คโดนบีบ   เกมเมื่อคืนโรโฮทำให้เห็นชัดเจนว่า เขาสามารถตั้งเกมขึ้นเองได้ง่ายๆด้วยความคล่องตัว และทักษะการเล่นบอลที่ยอดเยี่ยมเกินกองหลังแบบทื่อๆธรรมดาๆ  ในขณะที่ฝั่งโจนส์ ในสถานการณ์เดียวกัน สิ่งที่เขาทำก็คือ มักจะส่งคืนหลังอยู่เสมอๆ


ทั้งสองคนยืนอยู่ในองศาเดียวกันของการเป็นกองหลังตัวสำรองของทีมเรา ซึ่งต้องยอมรับสภาพว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อเขามักจะมีแต่เพียงชื่อที่ม้านั่งสำรองเท่านั้น โดยที่ตัวหลักแมกไกวร์ยึดไปแล้ว1 และลินเดอเลิฟกับตวนเซเบ้ ก็รอจองslotที่2นั้นในทุกๆเกมอยู่แล้ว ดังนั้นโอกาสของสองคนนี้ในเกมหลักสำคัญๆจึงน้อยกว่า และจะได้ลงกับเกมกลางสัปดาห์เช่นนี้ ทั้งถ้วยยูโรป้า และเกมลีกคัพเอฟเอคัพในต้นปีหน้า

สิ่งที่เป็นความหวังให้กับโจนส์ โรโฮ นั่นก็คือสูตรformationที่โซลชาเลือกใช้มาสองเกมติดแล้ว กับการใช้กองหลังสามตัวยืนอย่างเหนียวแน่นบัญชาการเกมจากด้านหลัง และเล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมนั้น จะทำให้โรโฮโจนส์มีโอกาสได้ลงสนามเป็นตัวจริงเยอะขึ้นมาก เพราะแต่ละเกมเราต้องการกองหลังลงไปยืนพื้นก่อนสามตัว  จากนั้นค่อยปรับแก้ลดเป็นแผงแบ็คโฟร์ได้ในครึ่งหลัง แล้วแต่ว่า เกมมีโมเมนตัมเช่นใด ต้องการยิงคืน หรือต้องการอุด ก็มีความยืดหยุ่นพอสมควรจากที่เห็นในเกมปาร์ติซานที่นาที60 เราเปลี่ยนสูตรกลับมาใช้หลัง4ตัวในที่สุด และCBเราหลายๆคนก็โยกไปเล่นแบ็คได้ ทั้งโรโฮ โจนส์ ตวนเซเบ้ (อย่ารวมไอ้เลิฟเลย)  ดังนั้นนี่น่าจะเป็นความหวังให้กับทั้งสองคนได้

แต่แม้กระทั่งองศาเดียวกันที่ว่านั้น มันก็มีความ "แตกต่าง" อยู่ในตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เกมที่แล้วก็เพิ่งdouble kill ใส่Liverpoolไปอย่างสะใจแฟนผีเลย สองดอกที่เข้าอัดใส่พวกมันตอนต้นเกม

อย่างที่กล่าวไปแล้ว ฟอร์มการเล่นที่แตกต่างกันชัดเจน โรโฮฟอร์มดี และเล่นดีกว่าโจนส์เท่าตัว ในRoleและPositionเดียวกันเลย นั่นก็คือCBสายStopperทั้งคู่ที่จะมาสกรีนงานให้นักเตะอย่างแมกไกวร์หรือลินเดอเลิฟก่อนชั้นแรก   ทั้งยังความยืดหยุ่นที่โรโฮสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งอีก ทำให้ผมมองว่า ภาษีของโรโฮในสนามนั้น เหนือกว่าฟิลโจนส์หมดทุกประตู

แต่เหมือนตลกร้าย ในความเหนือกว่านั้นก็ยังมีปัจจัยบางข้อที่ย้อนแย้งและอาจจะทำให้ทุกสิ่งกลับตาลปัตรอีก

ฟิล โจนส์นั้น เพิ่งต่อสัญญาไป และไม่มีข่าวทีมไหนสนใจเข้ามายืมตัว ซื้อตัว หรือเซ้งไปเลย ผิดกับเคสของสมอลลิ่งที่โรม่าเห็นแวว และดึงไปเล่นที่เซเรียอาจนตอนนี้ปังมากๆ ฟอร์มโคตรจะดี(ยินดีกับพี่ไมค์ด้วย) แต่โจนส์ไม่มีสักแอะที่เป็นข่าวซื้อขายแบบมีมูลมีน้ำมีเนื้อเลย

ย้ายออกจากแมนยูได้ดีทุกคน ยังคงเป็นคำกล่าวที่จริงเสมอ

กลับกัน ทางด้านโรโฮนั้น หน้าต่างซื้อขายที่ผ่านมาเขาเกือบจะได้ย้ายไปอยู่กับเอฟเวอร์ตันแล้วด้วยซ้ำ สุดท้ายดีลก็ไม่เกิดขึ้น และดูเหมือนเจ้าตัวก็ผิดหวังด้วยที่ไม่ได้ย้าย(ตามข่าว) เรียกง่ายๆว่าอีกนิดเดียวโรโฮก็เกือบจะต้องย้ายออกแล้วด้วยซ้ำ แต่พอดีลไม่เกิดขึ้น เจ้าตัวก็อยู่ซ้อมและลงเล่นกับทีมให้อย่างเต็มที่แบบมืออาชีพมากๆ ไม่ว่าภายในใจเขาจะรู้สึกยังไงกับการเป็นตัวสำรองที่นี่ แต่สิ่งที่เห็นในสนาม ชัดเจนว่าโรโฮทุ่มเทเกิน100% เล่นด้วยใจมากๆ และสภาพความฟิตตอนนี้ผมว่ากลับมาเต็มถังแน่น100%อีกครั้งแล้วหลังจากเจ็บหายไปเป็นปีๆนับจากยุคมู

ตอนนี้พูดได้แล้วว่าโรโฮร่างเดิมกลับมาแล้ว

กองหลังพันธุ์ร็อค เข้าบอลแต่ละทีเดือดสัสๆ เข้าขาดสะบั้นไม่ต้องมียั้ง

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กับฟอร์มดีๆของโรโฮ ผมบอกตามตรงเลยว่า คงเสียดายและเสียใจมากที่ถ้ามกรานี้ หรือซัมเมอร์ถัดไปนี้เราจะต้องเสียนักเตะกองหลังเก่งๆเช่นนี้ไปจริงๆ เพราะโรโฮเองยังดีพอที่จะลงตัวจริงในแผงหลังให้เราอยู่ และในฐานะตัวเปลี่ยนคุณภาพดีแบบนี้ เราไม่อยากจะเสียไปเลย  กลับกัน ทางด้านโจนส์ก็ไม่มีวี่แววจะเสียเขาไปเลย เพราะไม่มีใครติดต่อ(เอา)เข้ามาเลยสักทีม 

ดังนั้นกับเส้นทางชีวิตของทั้งสองคน มันเป็นเรื่องของอนาคตที่เราก็ไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าเพราะโลกแห่งฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ ปีใหม่นี้โจนส์อาจจะได้ย้ายออกก็เป็นได้ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ นี่คือองศาที่แตกต่างของสองกองหลังที่ตกอยู่ในสภาวะ "ตัวสำรอง" เหมือนกัน แต่ฟอร์มการเล่นก็ต่างกัน และโอกาสย้ายก็แปรผกผันกับฟอร์มของทั้งคู่เสียอีก

แม้โจนส์จะได้โควตาHG และอยู่กับทีมเรามานานจนตอนนี้ขึ้นสถานะเป็นซีเนียร์อีกคนของทีมแล้ว แต่การเล่นที่ยังพึ่งพาไม่ได้และต้องเป็นภาระให้น้องๆคอยตามแบกอีกเช่นนี้ เราจึงไม่สามารถพูดได้ว่า loyaltyที่เขามีนั้นมันควรค่าที่จะถูกตอบแทนด้วยการเก็บเขาไว้หรือไม่? เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั่นก็คือความคงอยู่ของสโมสร และการประสบความสำเร็จต่างหากที่ควรเป็นลำดับความสำคัญชั้นแรกสุด  และในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว การที่จะโละนักเตะที่ฝีเท้าไม่ดี คลาสไม่ถึงเช่นโจนส์ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ แม้ว่าเราจะไม่ได้เกลียดเขาก็ตาม แต่การจะยอมให้เขาอยู่ลงเล่นด้วยฟอร์มแย่ๆเช่นนี้ก็จะส่งผลกับสโมสรค่อนข้างมาก

สีหน้าของฟิลโจนส์เวลารู้สึก"เฉยๆ"

หลายคนอาจจะอยากได้เขาเอาไว้เป็นตัวสำรองที่มีประสบการณ์ อันนี้ผมไม่เถียง และเห็นตรงกันด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากจะอยู่เป็นแบ็คอัพจริงๆ ในสถานะปัจจุบันที่โจนส์เป็นตัวสำรองรอเปลี่ยนสลับยามจำเป็นในเกมไม่สำคัญๆ ถือว่าโอเค  แต่หากเลือกที่จะเก็บโจนส์ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นอะไหล่ทีมชั้นดีนั้น  เราก็ควรจะใช้มาตรฐานเดียวกันนี้กับมาร์กอส โรโฮ ที่ฟอร์มดีและมีประโยชน์มากกว่าโจนส์เยอะ รวมถึงควรจะต้องได้ลงสนามก่อนโจนส์ด้วย ไม่ใช่สุดท้ายพอตัวขาด ก็ส่งโจนส์ลงก่อนโรโฮ ทั้งๆที่หน้างานฟอร์มต่างกันอย่างทาบไม่ติด ยิ่งผู้จัดการทีมยิ่งเป็นติ่งนักเตะUKซะด้วย จึงได้แต่หวังว่า เขาจะเห็นผลงานของโรโฮตามเนื้อผ้าเหมือนอย่างที่พวกเราเห็น

จริงๆยุคมู คู่นี้จับคู่ยืนเซ็นเตอร์กันได้เหนียวมาก ลงพร้อมกันเมื่อไหร่แมนยูชนะรวด ไม่ก็เสมอ ไม่มีแพ้เลยยาวๆเป็นสิบๆนัด

ถือเป็นหนึ่งใน "เรื่องดีๆ" ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดช่วงนี้ที่เราพอจะพึ่งพาได้บ้างว่า อย่างน้อยๆแม้กลางจะกลวง กองหน้าจะกากตาตุ่มหมาเช่นใดนั้น เราก็ยังมีแผงนักเตะกองหลังที่เจ๋งมากๆ ทั้งทางด้านปริมาณ กับ คุณภาพ ที่สามารถเลือกจิ้มปรับใช้งานได้ตามอัธยาศัยของโอเล่เลย และถ้าเก็บไว้หมดนี่ได้ก็เก็บๆไปเถอะ กำลังลงตัว แต่หากว่าจำเป็นจะต้องปล่อยCBคนไหนออกสักคน  ขอให้เป็นฟิล โจนส์ไปก่อนคนแรกแล้วกัน แล้วค่อยตามด้วยไบญี่ จากนั้นถึงเป็นคิวของโรโฮ

ลุ้นนักเตะเข้าแล้ว ต้องมานั่งลุ้นไม่ให้เสียนักเตะแบ็คอัพชั้นยอดบางคนออกไปอีก เหนื่อยจริงๆแฟนปีศาจแดง ^^'

-ศาลาผี-

ป.ล. "องศาที่ต่างกัน" เป็นเพลงของ The Must ในอัลบั้มอัศวินม้าไม้ แต่ "องศาที่แตกต่าง" เป็นซิงเกิลเพลงเวอร์ชั่นพิเศษของ The Must feat. F.HERO


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด